สู่ Music Integrator! เดิมพันของ 'ฟังใจ' บนสมรภูมิ Music Marketing
แม้ "ฟังใจ" จะยุติบริการสตรีมมิ่ง แต่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด เรามาเจาะลึกถึงการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 11 ปี สู่ "Music Integrator" ผู้เชื่อมแบรนด์เข้ากับวงการดนตรีกัน
KEY
POINTS
- ฟังใจ (Fungjai) ประกาศยุติบริการสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มในโอกาสครบรอบ 11 ปี พร้อมรีแบรนด์สู่การเป็น "Music Integrator" ที่เชื่อมโยงแบรนด์และผู้คนผ่านประสบการณ์ดนตรีอย่างครบวงจร
- โมเดลธุรกิจใหม่มุ่งเน้น 3 บริการหลัก ได้แก่ การผสานแบรนด์กับคอนเสิร์ต (Sponsorship), การบริหารจัดการอีเวนต์ (Event Management) และการพัฒนาแคมเปญการตลาดผ่านดนตรี (Music Marketing Campaign)
- การปรับยุทธศาสตร์ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตกว่า 100 ล้านบาทภายในปี 2569 โดยยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ "ประชาธิปไตยทางดนตรี" เพื่อสนับสนุนศิลปินอย่างยั่งยืน
การยุติบทบาทของแอปพลิเคชันสตรีมมิ่ง ฟังใจ (Fungjai) ได้สร้างคำถามและความประหลาดใจให้แก่ผู้ติดตามวงการเพลงไทยจำนวนไม่น้อย ทว่านี่ไม่ใช่การถอยหลังหรือการปิดฉาก แต่คือการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่สุดในรอบ 11 ปี การตัดสินใจดังกล่าวคือการพลิกโฉมองค์กรจากผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับผู้ฟัง สู่การเป็น Music Integrator ผู้เชื่อมโยงอีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมดนตรีเข้ากับโลกของแบรนด์และการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่บนสมรภูมิ Music Marketing ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นการประกาศทิศทางที่ชัดเจนว่า Fungjai พร้อมแล้วที่จะก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะผู้เล่นคนสำคัญ ที่จะมายกระดับการสื่อสารของแบรนด์ผ่านพลังของดนตรีให้ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จากคอมมูนิตี้สู่ผู้บูรณาการดนตรี
การเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น "Music Integrator" ของ ฟังใจ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่เป็นผลลัพธ์จากการต่อยอดศักยภาพที่สั่งสมมาตลอดทศวรรษ ตั้งแต่การเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงอิสระ การขยายสู่สื่อออนไลน์ ‘Fungjaizine’ และที่สำคัญคือการพิสูจน์ฝีมือในฐานะผู้จัดงานดนตรีที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่คอนเสิร์ต ‘เห็ดสด’ ไปจนถึงเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติอย่าง ‘Maho Rasop Festival’ ประสบการณ์เหล่านี้ได้หล่อหลอมให้ Fungjai กลายเป็นองค์กรที่มีความเข้าใจใน DNA ของอุตสาหกรรมดนตรีไทยอย่างถ่องแท้ และกลายเป็นรากฐานสำคัญของโมเดลธุรกิจใหม่ภายใต้แนวคิด "Elevating Brands Through Music"
ความได้เปรียบในการแข่งขันของ Fungjai ในบทบาทใหม่นี้ วางอยู่บนจุดแข็งที่แตกต่าง 3 ประการ ได้แก่
- ความเป็นกลางในอุตสาหกรรมดนตรี (Industry Neutrality & Cross-Platform Power) สถานะความเป็นกลางทำให้ Fungjai ทำงานร่วมกับศิลปินจากทุกค่ายเพลง รวมถึงศิลปินอิสระ เพื่อสร้างสรรค์โปรเจกต์ที่ไร้ขีดจำกัดและตอบโจทย์ของแบรนด์ได้หลากหลายที่สุด
- ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญแบบบูรณาการ (Hybrid Expertise Team) การมีบุคลากรที่เข้าใจลึกซึ้งทั้งในศาสตร์ของการตลาดและพลวัตของวงการดนตรี เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แปรโจทย์ทางธุรกิจที่ซับซ้อนให้กลายเป็นแคมเปญดนตรีที่สร้างสรรค์และเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ประสบการณ์และสินทรัพย์ที่เป็นรูปธรรม (Proven Track Record & Proprietary Assets) ด้วยประสบการณ์จัดงานดนตรีกว่า 200 อีเวนต์ ประกอบกับการเป็นเจ้าของคอมมูนิตี้ขนาดใหญ่ที่มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน ทำให้ฟังใจมีทั้งข้อมูลเชิงลึกและช่องทางการสื่อสารที่ทรงพลังในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
เค้กก้อนใหญ่ ที่ฟังใจจะโต
การปรับโครงสร้างธุรกิจของ Fungjai สอดรับกับทิศทางการเติบโตของตลาด Music Marketing ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 9.4 เปอร์เซ็นต์ จนมีมูลค่าแตะ 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2576 Fungjai ได้ตั้งเป้าหมายสร้างการเติบโตกว่า 100 ล้านบาทภายในปี 2569 และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ศรัณย์ ภิญญรัตน์ CEO และผู้ก่อตั้ง ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้ละทิ้งอุดมการณ์ดั้งเดิม แต่เป็นการเสริมความแข็งแกร่ง "แม้ฟังใจจะปรับโมเดลธุรกิจใหม่ แต่อุดมการณ์ ‘ประชาธิปไตยทางดนตรี’ และการสร้างพื้นที่ให้ศิลปินหน้าใหม่ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเรา" เขามองว่าโมเดลธุรกิจใหม่นี้จะสร้างความยั่งยืนให้กับการสนับสนุนศิลปินและวงการดนตรีไทยในระยะยาว
บทสรุปของการเดินทางครั้งใหม่นี้จึงเป็นมากกว่าแค่การเปลี่ยนป้ายชื่อ แต่คือการยกระดับองค์กรเพื่อตอบสนองต่อภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป และเป็นการประกาศความพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่แตกต่างและมีความหมาย ดังที่ศรัณย์กล่าวไว้ว่า "เราไม่ได้แค่รู้จักดนตรี แต่เรารู้ว่าดนตรีจะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงใจผู้บริโภคได้อย่างไร"