‘Mr. Shark - Maomaochong’ คาแรกเตอร์จากไต้หวัน หวังตีตลาดไทยสตอรี่โดนใจ

‘Mr. Shark - Maomaochong’ คาแรกเตอร์จากไต้หวัน หวังตีตลาดไทยสตอรี่โดนใจ

“Mr. Shark” และ “Maomaochong” สองคาแรกเตอร์ดังจากไต้หวัน เตรียมบุกตลาดไทย ชูจุดเด่นด้วยเรื่องราวสะท้อนชีวิตจริงที่เชื่อว่าโดนใจคนไทย และหวังร่วมงานกับแบรนด์ท้องถิ่น

Taiwan Creative Content Agency หรือ TAICCA (ไทก้า) เข้าร่วมงาน Bangkok International Digital Content Festival (BIDC) 2025 เพื่อนำเสนอผลงานจากครีเอเตอร์จากไต้หวัน เพื่อสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาว พร้อมสร้างตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์ แองจี้ ฮู ผู้ก่อตั้ง Hu Creates Co., Ltd. บริษัทจัดการลิขสิทธิ์ IP และการบริหารศิลปิน เจ้าของคาแรกเตอร์ “Mr. Shark” ซึ่งเป็นที่รู้จักทั้งในไต้หวันและต่างประเทศ รวมถึง เคท ชาง ซีอีโอ INDOT IMAGE Co., Ltd. และ เอมี่ เชน ผู้จัดการฝ่ายอนุญาตสิทธิ์ระหว่างประเทศ จากเอเจนซี่ผู้เป็นเจ้าของคาแรกเตอร์ “Maomaochong” (เหมาเหมาชง) ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มพนักงานออฟฟิศและกลุ่มผู้หญิงมานานกว่า 20 ปี โดยเจาะลึกถึงจุดเริ่มต้นของแต่ละตัวละคร การรักษาความนิยมของตัวละคร ไปจนถึงเป้าหมายของการเข้ามาตีตลาดในประเทศไทย

“Maomaochong” ตัวแทนคนที่เผชิญแรงกดดัน

เคท ชาง และ เอมี่ เชน เล่าให้ฟังว่า “Maomaochong” (เหมาเหมาชง) เป็นหนอนผีเสื้อสวมหมวกสตรอว์เบอร์รี ซึ่งได้แรงบันดาลใจหลักมาจากสำนวนของไต้หวัน “ฉาวหมีจู๋” (草莓族) หรือ “วัยสตรอว์เบอร์รี” ที่ใช้เปรียบเปรยวัยรุ่นหรือคนหนุ่มสาวที่ไม่สามารถทนรับแรงกดดันได้ เหมือนสตรอว์เบอร์รีที่นิ่มและเละง่าย โดยออกแบบให้ตัวละครสวมหมวกสตรอว์เบอร์รี สื่อถึงความพยายามต่อสู้และพิสูจน์ตัวเองว่า ถึงแม้จะถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่สามารถรับความกดดันได้ แต่ก็ยังพยายามจะยืนหยัดและเป็นอิสระได้

‘Mr. Shark - Maomaochong’ คาแรกเตอร์จากไต้หวัน หวังตีตลาดไทยสตอรี่โดนใจ

ตัวละคร Maomaochong
เครดิตภาพ: เฟซบุ๊ก 毛毛蟲網路繪本 + 蟲點子創意設計

 

คอนเทนต์ของ Maomaochong เป็นการถ่ายทอดข้อคิดที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คน ในรูปแบบของภาพวาด ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย รู้สึกโดนใจ เพราะพวกเขาก็เจอประสบการณ์เหล่านี้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น “ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่กินกาแฟเพราะขมมาก แต่พอโตมาฉันกินกาแฟทุกวัน เพราะชีวิตฉันขมกว่ากาแฟอีก” จนได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มพนักงานออฟฟิศและกลุ่มผู้หญิง มีผู้ติดตามในเฟซบุ๊กมากกว่า 664,000 บัญชี และมีการรวบรวมไปเป็นหนังสือซึ่งทำยอดขายได้หลายหมื่นเล่ม

“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ผู้คนก็ยังรู้สึกว่าข้อความในการ์ตูนตรงกับชีวิตประจำวันของพวกเขา จนกลายเป็นจุดขายของเรา” เอมี่กล่าว 

เรื่องราวของ Maomaochong จึงสะท้อนความกดดันในชีวิตของคนไต้หวันที่ต้องเจอ ทั้งในเรื่องการเรียน ชีวิตคู่ และชีวิตครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นในวัยรุ่นและวัยทำงาน สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความอดทนของคนไต้หวัน ที่แม้จะต้องเผชิญความทุกข์ยาก แต่ก็ยังคงมองโลกในแง่ดีและมีอารมณ์ขันแบบประชดประชันกับชีวิตตัวเอง

นอกจากนี้ Maomaochong ยังมีคาแรกเตอร์ที่หลากหลายเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เช่น เด็ก ผู้ใหญ่ คนทำงาน หรือครอบครัว โดยที่มาเปิดตัวในประเทศไทยครั้งนี้ เพราะเชื่อว่าคนไทยมีประสบการณ์ชีวิตที่คล้ายคลึงกับชาวไต้หวัน

‘Mr. Shark - Maomaochong’ คาแรกเตอร์จากไต้หวัน หวังตีตลาดไทยสตอรี่โดนใจ

เคท ชาง ซีอีโอ INDOT IMAGE Co., Ltd. และ เอมี่ เชน ผู้จัดการฝ่ายอนุญาตสิทธิ์ระหว่างประเทศ จากเอเจนซี่ผู้เป็นเจ้าของคาแรกเตอร์ “Maomaochong”

 

“Mr. Shark” ฉลามสุดคูล

ขณะที่ “Mr. Shark” แองจี้ ฮู (Angie Hu) ผู้ก่อตั้ง Hu Creates Co., Ltd. เล่าให้ฟังว่าครีเอเตอร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฉลามในภาพยนตร์เรื่อง “Jaws” หนังฉลามระดับตำนาน ที่เป็นหนังโปรดของเขา โดยเริ่มจากทำเป็นสติกเกอร์และธีมไลน์ขายก่อน ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก็มีการปรับดีไซน์ให้โดยเฉพาะส่วนฟัน ให้ดูน่ารักและเป็นมิตรมากขึ้นหลังจากมีผู้คนคอมเมนต์ว่าดูน่ากลัวและไม่น่ารัก

“ตอนแรกครีเอเตอร์วาดให้มีความดุดันคล้ายกับในหนัง แต่ที่ไหนได้คนไต้หวันชอบน่ารัก เลยเปลี่ยนจากเข้ม ๆ ฟันแหลม ๆ ก็กลายเป็นแบบเอกลักษณ์ที่น่ารัก ๆ แล้วก็ใช้ชีวิตปัจจุบันของวัยรุ่นทั่วไป"

‘Mr. Shark - Maomaochong’ คาแรกเตอร์จากไต้หวัน หวังตีตลาดไทยสตอรี่โดนใจ Mr. Shark 
เครดิตภาพ: อินสตาแกรม mrsharkid

 

คอนเทนต์ของ Mr. Shark เริ่มต้นจากภาพการ์ตูนที่ไม่มีบทพูด ที่เล่าถึงชีวิตของวัยรุ่นไต้หวันในปัจจุบัน เช่น การขี่มอเตอร์ไซค์ท่ามกลางฝนตก หรือการเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นบ่อยครั้ง รวมถึงสะท้อนวัฒนธรรมไต้หวัน เช่น งานแต่งงานที่เน้นความสนุกสนานเฮฮาของญาติมิตร มากกว่าความหรูหราอลังการแบบตะวันตก

แองจี้เล่าว่า ด้วยความที่เป็นการ์ตูนที่ใช้ภาพเล่าเรื่อง จึงทำให้ Mr. Shark สามารถตีตลาดต่างประเทศได้โดยไม่ติดปัญหาเรื่องภาษา อีกทั้งการเลือกใช้ตัวละครสัตว์ ทำให้เข้าถึงง่ายและเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ หลังจากนั้น ก็มีการต่อยอดไปเป็นวิดีโอสั้น และแอนิเมชันอีกด้วย สำหรับลงช่องทางใหม่ ๆ เช่น TikTok เพื่อดึงดูดความสนใจจากคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบคลิปสั้น ๆ ที่เข้าใจง่าย

‘Mr. Shark - Maomaochong’ คาแรกเตอร์จากไต้หวัน หวังตีตลาดไทยสตอรี่โดนใจ

แองจี้ ฮู ผู้ก่อตั้ง Hu Creates Co., Ltd. บริษัทจัดการลิขสิทธิ์ IP และการบริหารศิลปิน เจ้าของคาแรกเตอร์ “Mr. Shark”

 

หาโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ไทย

Maomaochong และ Mr. Shark ถือเป็นคาแรกเตอร์ของไต้หวันที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีการคอลแลบกับแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น สร้อยข้อมือ เกม กล่องสุ่ม หมวกกันน็อก แก้ว และเคสโทรศัพท์มือถือ Maomaochong เคยคอลแลบกับ บัตรเครดิตของธนาคารในไต้หวัน รวมถึงองค์กรภาครัฐอีกหลายหน่วยงาน

ขณะที่ Mr. Shark ประสบความสำเร็จทางการตลาดอย่างสูง โดยเฉพาะแคมเปญร่วมกับ 7-ELEVEN ในไต้หวัน ที่มียอดแลกของพรีเมียมกว่า 30,000 ชิ้น รวมถึงความนิยมของสติกเกอร์และธีม LINE และยังได้ร่วมมือกับ Watsons ฮ่องกง เปิดตัวสินค้า Co-branding ในไทยและฟิลิปปินส์ อีกด้วย

ทั้ง Maomaochong และ Mr. Shark มีความหวังอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมงานกับแบรนด์ต่าง ๆ ของไทย เพื่อผลักดันแบรนด์ออกสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การร่วมงานกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น แก้วน้ำ หรือของใช้ทั่วไป ก็จะยินดีอย่างมาก

ในปัจจุบัน ยังคงมีคนรุ่นใหม่ที่ผันตัวเข้ามาสู่วงการครีเอเตอร์มากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งแองจี้และเอมี่ต่างยอมรับว่าตอนนี้พ่อแม่ผู้ปกครองให้การสนับสนุนลูก ๆ ที่มีความฝันอยากใช้งานศิลปะเป็นอาชีพหลัก หารายได้เลี้ยงชีพมากกว่าสมัยก่อน เพราะวงการเติบโตขึ้นมาก และแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถทำเงินได้จริง หากจับจุดได้ถูก โดยทั้งสองคนต่างให้คำแนะนำสำหรับครีเอเตอร์รุ่นใหม่ด้วย

แองจี้แนะนำให้ครีเอเตอร์รุ่นใหม่เริ่มต้นจากการทำสติ๊กเกอร์ไลน์ก่อน เพราะเป็นช่องทางที่ช่วยผลักดันให้คาแรกเตอร์เป็นที่รู้จักได้ง่าย และสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงสร้างพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ Instagram ที่เน้นคลิปสั้น ก็มีความสำคัญในการดึงดูดคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน

ส่วนเอมี่ระบุว่า ควรหาจุดยืนของตัวเองให้เจอ ไม่จำเป็นต้องสร้างคาแรกเตอร์จำนวนมาก แต่ให้หาแนวทางของตัวเองให้ชัดเจน ว่าอยากจะเจาะไปที่กลุ่มใด เช่น แนวครอบครัว วัยรุ่น เด็ก แล้วทุ่มเททำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ก็จะสามารถไปได้ไกล แต่ความท้าทายที่สุดในยุคปัจจุบันคือการทำให้คาแรกเตอร์ยังคงน่าสนใจและอยู่รอดได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง