‘Sepet’ นโยบายชาติอุปสรรครัก I หนังเล่าโลก

ในรอบเดือนที่ผ่านมา ประเทศมาเลเซียมีบทบาทสำคัญอย่างมากในฐานะประธานอาเซียน ที่เป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา
เพื่อเป็นเกียรติหนังเล่าโลกขอพูดถึงภาพยนตร์จากมาเลเซีย เรื่อง Sepet ของผู้กำกับหญิงผู้ล่วงลับ ยัสมิน อาหมัด
Sepet ออกฉายเมื่อปี 2005 ได้รับรางวัลภาพยนตร์เอเชียยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนัง Tokyo Film Festival ครั้งที่ 18 และได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์เป็นอย่างมาก ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของออร์เก็ต หญิงสาวเชื้อชาติมาเลย์ ตกหลุมรักกับ อาหลง (หรือ เจสัน) ชายหนุ่มเชื้อชาติจีน ที่ขายแผ่นซีดีเถื่อนอยู่ในตลาด และมีงานอดิเรกคือการอ่านหนังสือและเขียนบทกวี แต่ความรักของสองหนุ่มสาวก็มีอุปสรรคจากความขัดแย้งของชาติพันธุ์ โดยชื่อภาพยนตร์ Sepet ในภาษามาเลย์แปลว่า ตาตี่ ซึ่งหมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์จีน
ในช่วงเริ่มต้นของเรื่อง เราจะเห็นว่า ออร์เก็ต มีตู้เสื้อผ้าที่แอบแปะรูปดาราชาย “ตาตี่” อยู่จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ ทาเคชิ คาเนชิโร และดาราคนนี้นี่เองที่นำพาให้ออร์เก็ตได้พบรักกับ เจสัน ผู้แนะนำภาพยนตร์ของทาเคชิ คาเนชิโร ให้เธอได้รู้จัก จนต่อมาทั้งคู่ก็ได้สานสัมพันธ์กัน
นับว่าโชคดีอยู่บ้าง ที่ครอบครัวของออร์เก็ต และเจสัน ไม่ได้กีดกันความรักของทั้งคู่เหมือนพ่อแม่หัวโบราณในละครน้ำเน่า แต่ระหว่างทางรัก ออร์เก็ต และเจสัน ก็ต้องเผชิญกับคำถามของสังคม รวมถึงความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ออร์เก็ตเดินเข้าไปพบกับเจสันที่ร้านข้าวหมูแดงหมูกรอบ และเกิดอาการกลัวจนตัวสั่นเมื่อต้องเดินผ่านหมู หรือเจสันที่โดนถามว่ารับไหวไหมกับการขริบ
ใครเคยไปเที่ยวประเทศมาเลเซียจะทราบว่าที่นั่นเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยกลุ่มชาติพันธุ์หลักอันดับหนึ่งคือ มาเลย์ รองลงมาคือจีนและอินเดีย รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ แต่ความขัดแย้งทางเชื้อชาติในมาเลเซียยังคงเป็นปัญหามายาวนาน และฝังรากลึกในสังคมจนถึงทุกวันนี้ หนึ่งในนโยบายที่ทำให้ช่องว่างทางเชื้อชาติขยายขึ้นไปอีกนั้น คือ “นโยบายเศรษฐกิจใหม่” หรือ “เอ็นอีพี” (Malaysia’s New Economic Policy : NEP) ที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2513 โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างเชื้อชาติจีน ที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจมากกว่าจากพื้นฐานอาชีพค้าขายและอาชีพช่างฝีมือ กับเชื้อชาติมาเลย์ ที่มีพื้นฐานมาจากอาชีพเกษตรกรรมจึงทำให้มีอำนาจทางเศรษฐกิจน้อยกว่า ซึ่งนโยบายเศรษฐกิจ(ใหม่)ของมาเลเซียให้สิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการศึกษาแก่ประชากรเชื้อชาติมาเลย์เพื่อดึงคนกลุ่มนี้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ถือเป็นการส่งเสริมอุดมการณ์มลายูเป็นใหญ่ แต่ก็สร้างความขัดแย้งในระยะยาว
ชวนนึกถึงฉากเล็กๆ ในภาพยนตร์เรื่อง Sepet ที่ดูไม่สำคัญ แต่หนังเล่าโลกขอยกให้เป็นฉากที่ดีที่สุดในเรื่อง หลังจากที่ออร์เก็ต ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ เมื่อทราบว่าเจสันไปมีเรื่องกับแก๊งอันธพาลและเผลอทำผู้หญิงท้อง จนต้องหนีหายไปสักพัก แม่ของออร์เก็ตและสาวใช้ได้คุยกันเรื่องอนาคตการศึกษาของเธอ แม่พูดว่า “ออร์เก็ตได้ A แค่ 5 ตัว ก็ได้ทุนการศึกษา” แล้วสาวใช้ก็ตอบกลับว่า “แต่เจสันได้ A 7 ตัว” คำพูดแค่นี้บอกโอกาสที่แตกต่างกันของคนต่างเชื้อชาติ
สำหรับ ยัสมิน อาหมัด ไม่เพียงแค่ภาพยนตร์เรื่อง Sepet เธอยังโด่งดังจากการกำกับโฆษณาให้กับเปโตรนาส (Petronas) บริษัทน้ำมันของมาเลเซีย ที่ทำเอาคนดูน้ำตาซึมกับความเรียบง่ายแต่โดนใจกับประเด็นครอบครัว รวมถึงเรื่องความรักของเด็กประถมต่างเชื้อชาติที่แอบปิ๊งกัน ที่ได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างใสๆ จะเห็นได้ว่า ยัสมิน อาหมัด สนับสนุนการอยู่ร่วมกันระหว่างเชื้อชาติอย่างสงบสุขผ่านผลงานของเธอ
ดูภาพยนตร์จบแล้วก็เข้าใจว่า ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่เป็นเรื่องของครอบครัวด้วย ในบางสังคม ความรักก็เป็นเรื่องของนโยบายรัฐ และความขัดแย้งทางการเมืองที่วุ่นวายเกินกว่าคนสองคนจะแก้ได้







