‘อ่านชะตาวันสิ้นโลก’ ตัวละครสกิลเทพหลุดจากนิยายให้ฟินต่อหน้า

Omniscient Reader: The Prophecy อ่านชะตาวันสิ้นโลก ช่วยเติมเต็มจินตนาการ “เหมือนได้เห็นตัวละครในนิยายแนวเกมเซอร์ไววัลกลายมาเป็นภาพเคลื่อนไหวให้เห็นอยู่ต่อหน้า”
KEY
POINTS
- ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากเกาหลีใต้ ดัดแปลงจากเว็บโนเวลและเว็บตูนยอดนิยม เล่าเรื่องราวของพนักงานออฟฟิศที่ต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่กลายเป็นเหมือนนิยายที่เขาอ่านจบเพียงคนเดียว
- ได้รับคำชมในการเนรมิตโลกแฟนตาซี ตัวละคร และสกิลความสามารถพิเศษจากในนิยายให้ออกมาเป็นภาพได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
- การคัดเลือกนักแสดงได้รับเสียงชื่นชม โดยเฉพาะ อีมินโฮ ที่ถูกมองว่าเหมาะสมกับบท ยูจุงฮยอก ตัวละครเอกในนิยายที่มีสกิลระดับเทพอย่างยิ่ง
- แม้ผู้ชมที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนก็สามารถสนุกและติดตามเรื่องราวได้ แต่ยอมรับว่ามีการรวบรัดเนื้อหาบางส่วนเนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลาของภาพยนตร์
Omniscient Reader: The Prophecy อ่านชะตาวันสิ้นโลก เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ประจำปี 2025 จากประเทศเกาหลีใต้ ที่สร้างจากนิยายออนไลน์และเว็บตูนชื่อดังที่มียอดอ่านกว่า 200 ล้านครั้งบนทุกแพลตฟอร์ม แถมยังมีทัพนักแสดงชื่อดังตบเท้ามาเข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หนังหรือซีรีส์ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยาย เว็บตูน หรือเกมชื่อดังต้องเผชิญทุกครั้งที่มีการสร้างออกมาก็คือ การถูกนำไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นต้นฉบับว่าดัดแปลงออกมาแล้วเหมือนหรือแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ขณะที่เสียงวิจารณ์ก็มักจะแตกออกเป็นสองฝั่ง ระหว่างคนที่เป็นแฟนฉบับดั้งเดิม กับคนที่มาดูหนังหรือซีรีส์โดยที่ไม่เคยอ่านนิยายต้นฉบับมาก่อน
เช่นเดียวกับ Omniscient Reader: The Prophecy อ่านชะตาวันสิ้นโลก หนังที่สร้างจากนิยายแนวแฟนตาซี ต้องผ่านด่านเกมต่าง ๆ ด้วยการสู้กับสัตว์ประหลาดเพื่อเอาชีวิตรอดหลังจากที่โลกล่มสลาย ได้รับการตีพิมพ์เป็นภาษาไทยในชื่อ “มุมมองนักอ่านพระเจ้า” โดยสำนักพิมพ์ Levon จำนวน 23 เล่มจบ (ภาพยนตร์ทำออกมาโดยมีเนื้อหาครอบคลุมเพียงเล่ม 1-2)
สำหรับการรีวิวครั้งนี้ ผู้เขียนอยู่ในฝั่งของคนที่ไม่เคยอ่านนิยายหรือเว็บตูนมาก่อน จึงสนุก ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจไปกับสกิลเทพของตัวละคร ความร้ายกาจของมอนสเตอร์ต่าง ๆ และลุ้นระทึกไปกับสิ่งที่นำเสนอมาในรูปแบบภาพยนตร์ล้วน ๆ
ภาพยนตร์
นิยาย ฉบับแปล สำนักพิมพ์ Levon
ภาพยนตร์ ‘Omniscient Reader: The Prophecy อ่านชะตาวันสิ้นโลก’ ดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของ ‘คิมดกจา’ (นำแสดงโดย อันฮโยซอบ)
พนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ไม่มีอะไรโดดเด่น (แม้แต่หัวหน้ายังจำไม่ได้) เขาตามอ่านนิยายออนไลน์เรื่อง ‘สามวิธีการเอาชีวิตรอดในโลกที่ล่มสลาย’ มาตลอดสิบปี และเป็นคนเดียวที่อ่านนิยายเรื่องนี้จนจบครบกว่าสามพันตอน
แต่แล้วโลกของคิมดกจาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเขาถูกจับโยนเข้าไปในนิยายที่อ่านเพื่อคลายความเบื่อหน่ายจากชีวิตประจำวัน ผู้ชายธรรมดาที่ไม่สู้คนต้องลุกขึ้นสู้เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด และมนุษย์ที่ขับเคลื่อนด้วยสัญชาติญาณดิบ
ทว่า ‘คิมดกจา’ มีสิ่งที่่ทำให้เขาได้เปรียบเหนือคนอื่น นั่นคือการเป็นผู้เดียวที่รู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ล่วงหน้าจึงสามารถนำความรู้จากนิยายมาใช้เพื่อเอาชีวิตรอด และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวละครในนิยาย รวมถึงตัวของเขาเอง
สิ่งที่ชอบ
-
ภาพที่เราเคยได้แต่จินตนาอยู่ในหัวเวลาอ่านนิยายได้กลายมาเป็นความจริง เรื่องราวที่ตัวเอกหลุดเข้าไปอยู่ในนิยาย กลายเป็นตัวละครในเกม survival ต้องทำภารกิจสู้กับปีศาจเพื่อผ่านด่านต่าง ๆ มีการเก็บคอยน์ซื้ออาวุธ ของวิเศษ สกิลความสามารถต่าง ๆ การหลุดเข้าไปในดันเจี้ยนลับ ฯลฯ
-
การได้เห็นภาพตัวละครดาวน์โหลดสกิลความสามารถต่าง ๆ, เห็นคอยน์ร่วงลงมาจากปีศาจที่ถูกฆ่า การเรียกอาวุธมาใช้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ที่กลายมาเป็นภาพให้เราเห็นต่อหน้าต่อหน้า ความรู้สึกที่ได้คือ “มันฟินมาก”
-
การเกลี่ยบทให้กับตัวละครเอก 7 คนได้ค่อนข้างเท่าเทียมกัน ได้รับรู้ทั้งปูมหลัง และสกิลพิเศษที่แต่ละคนได้ซีนแสดงความสามารถกันครบ ไม่มีตัวไหนจมหายไปเลย ไม่ว่าจะเป็น คิมดกจา, ยูจุงฮยอก, อีฮยอนซอง, จองฮีวอน, ยูซังอา, เด็กน้อย อีกิลยอง หรือแม้แต่ อีจีฮเย ที่ภาคนี้ยังไม่ได้มีบทบาทมากนัก
-
การแคส ‘อีมินโฮ’ พระเอกชื่อดังที่มีผลงานมากมาย เช่น Pachinko, The King: Eternal Monarch มารับบท ยูจุงฮยอก พระเอกในนิยาย ทั้งรูปร่างหน้าตาและฝีมือการแสดงของเขาทำให้เรารู้สึกว่า นี่แหละคือพระเอกในเกมที่หล่อเหลา เย็นชา แต่สกิลอย่างเทพ เวลาโหลดอาวุธขึ้นมาใช้แต่ละฉากมันน่าตื่นตาตื่นใจ การเล่นบทบู๊แอคชั่น ใช้ดาบฟาดฟันมังกรก็ดูเท่ สมจริง อีกอย่างคือออร่าความเป็นพระเอกของมินโฮส่งออกมาให้เรา “รู้สึก” ได้จริง ๆ โดยที่เขาไม่ต้องแสดงอะไรที่มัน overacting เลย
-
สำหรับบท ยูจุงฮยอก นั้น ผู้กำกับ คิมบยองอู ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “ทางทีมผู้สร้างคิดถึง อีมินโฮ ขึ้นมาในทันที แถมยังรู้สึกเหมือนกันด้วยว่า ถ้าเกิดเขาไม่รับเล่นบทนี้ หนังอาจจะสร้างไม่ได้ (เพราะหาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้ว)
-
นานะ อดีตเกิร์ลกรุ๊ปวง After School กับบท จองฮีวอน ได้ซีนเด่นมาก เป็นพี่สาวสุดเท่ที่คนดูต้องกรี๊ด
-
หนูน้อยควอนอึนซอง ในบท อีกิลยอง มีทั้งความน่ารัก ความฮา เป็นตัวสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้เนื้อเรื่องที่ตึงเครียด เต็มไปด้วยตัวละครผู้ใหญ่ที่ฟาดฟันกันเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างเดียว ซีนการใช้สกิลของหนูน้อยก็ว้าวมากเช่นกัน
-
การเล่าเรื่องดี คนไม่เคยอ่านนิยายสามารถตามทัน สนุกไปด้วยได้ แถมยังลุ้นตัวโก่งว่าจะเจออะไรในด่านต่อไป จะโหดกว่าเดิมแค่ไหน, เรื่องราวจะเปลี่ยนไปจากในนิยายที่ดกจาเคยอ่านมาหรือไม่ ฯลฯ
-
‘โทแกบี’ ในวันฉายรอบสื่อมวลชน มีเสียงกรี๊ดกร๊าดทนไม่ไหวกับความน่ารักของเจ้าตัวนี้ดังออกมาให้ได้ยินกันในโรง แต่ต้องยอมรับว่าถ้าเป็นคนที่ไม่เคยอ่านนิยายหรือเคยเล่นเกมแนวนี้มาก่อน อาจเกิดอาการงุนงงสับสนได้ว่าตัวอะไร แถมยังมีทักษะอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด แต่ถ้าเป็นคอเกมคงเข้าใจได้ไม่ยากว่ามันคือตัวอะไร
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้เขียนจะไม่เคยอ่านนิยายหรือเว็บตูนมาก่อน แต่จากข้อมูลที่ศึกษามาพบว่า ‘อ่านชะตาวันสิ้นโลก’ เป็นนิยายที่มีเนื้อหาแฟนตาซีสุดขั้ว นักเขียนผูกปมเรื่องได้อย่างซับซ้อน มีการนำเทพนิยายกรีก โรมัน จีน เกาหลี ตำนานต่าง ๆ มาผูกเข้ากับเรื่องราว ทำให้ตัวละครมีมิติที่ลึกซึ้ง
แน่นอนว่าภาพยนตร์ที่มีความยาวเพียง 2 ชั่วโมงไม่สามารถให้รายละเอียดครอบคลุมเนื้อหาของนิยายที่มีความยาว 23 เล่มจบได้ ดังนั้น จึงต้องมีการดัดแปลงให้เหมาะสม ซึ่งบางครั้งก็รวบรัดเกินไปจนแม้แต่คนไม่เคยอ่านนิยายอย่างเรามาก่อนยังสัมผัสได้
อย่างเช่นเรื่อง ‘กลุ่มดาวผู้สนับสนุนตัวละครต่าง ๆ’ คนดูจะรู้ได้จากการกล่าวถึงเพียงสั้น ๆ จากปากของ “คิมดกจา” เท่านั้น ซึ่งถ้าถามว่าเข้าใจความสำคัญของสิ่งนี้ไหม ต้องตอบเลยว่า ไม่ แต่สัมผัสได้ว่าถ้าเป็นในนิยาย สิ่งนี้น่าจะมีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับความเป็นไปของตัวละคร
‘สกิล’ ที่ทำให้ตัวละครเก่งขั้นเทพ ในหนังไม่มีเวลาอธิบายที่มาที่ไปของสกิลต่าง ๆ ต้องให้ ‘คิมดกจา’ พูดถึงขึ้นมาแบบดื้อ ๆ ว่าตัวละครกำลังใช้สกิลนั้นสกิลนี้อยู่นะ แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงต้องหาทางออกแบบนี้
แต่สิ่งที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้ส่งผลต่อคนที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนมากนัก เรายังคงรับชมภาพยนตร์ Omniscient Reader: The Prophecy อ่านชะตาวันสิ้นโลก ได้อย่างสนุกสนาน แถมยังเกิดความรู้สึกอยากไปหาฉบับนิยายมาอ่านด้วยซ้ำ
Omniscient Reader: The Prophecy อ่านชะตาวันสิ้นโลก มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคมนี้ ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาคุณเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนนิยายมาก่อนหรือไม่เป็นก็ตาม
หมายเหตุ : หนังจบแล้วอย่าเพิ่งรีบลุก มี mid-credit ให้ดูกัน 1 ซีน ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด





