Superman 2025 ครบทุกมิติการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในโลกที่ขัดแย้ง

“เจมส์ กันน์” ไม่ทำให้ผิดหวัง Superman 2025 คู่ควรแก่การเป็นหนังเปิดยุคใหม่ของ DCU นำเสนอครบทุกมิติ ทั้งในแง่ความเป็นมนุษย์ ความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในโลกยุคปัจจุบัน
KEY
POINTS
- เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของจักรวาล DCU ที่ยกเครื่องใหม่โดย เจมส์ กันน์ ซึ่งนำเสนอ Superman ในมุมมองที่แตกต่างจากเวอร์ชันก่อน ๆ
- เนื้อเรื่องสะท้อนประเด็นความขัดแย้งในโลกร่วมสมัย เช่น สงครามระหว่างประเทศ ปัญหาผู้อพยพ และการถูกวิจารณ์ในโลกออนไลน์
- สำรวจมิติความเป็นมนุษย์ของ Superman ที่มีความรู้สึก รัก โกรธ และทำผิดพลาดได้เหมือนคนทั่วไป ไม่ใช่ฮีโร่ที่สมบูรณ์แบบ
- ความสัมพันธ์กับ โลอิส เลน ถูกนำเสนออย่างมีชั้นเชิง โดยเธอเป็นนักข่าวที่ฉลาดและกล้าตั้งคำถามกับการกระทำของ Superman
- เล็กซ์ ลูเธอร์ ถูกตีความใหม่ให้เป็นอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยความอิจฉาริษยาและความรู้สึกไม่มั่นคง มากกว่าความต้องการครองโลก
Superman คือซูเปอร์ฮีโร่สุดคลาสสิกที่ปรากฏตัวอยู่ในหนัง เฉพาะที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์มาแล้วนับ 10 เรื่อง และมีนักแสดงผลัดเปลี่ยนกันมารับบทนี้มากมายหลายคน ไม่ว่าจะเป็น คริสโตเฟอร์ รีฟ, แบรนดอน รูธ หรือเฮนรี คาวิลล์
ดังนั้น เมื่อ เจมส์ กันน์ ที่ทุกคนประจักษ์ในฝีไม้ลายมือของเขาเป็นอย่างดีจากการปั้นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Guardians of the Galaxy ให้กลายเป็นที่รักของคอหนัง ทำซีรีส์ที่ได้เข้าชิงรางวัลเอ็มมีอย่าง The Peacemaker ประกาศสร้าง Superman (2025) โดยจะเป็นการรีบู้ทมาจากเวอร์ชั่นปี 1978 ผลงานผู้กำกับ ริชาร์ด ดอนเนอร์ ที่นำแสดงโดย คริสโตเฟอร์ รีฟ
เท่านั้นไม่พอ Superman 2025 ยังเป็นหนังเรื่องแรกของจักรวาลภาพยนตร์ดีซี (DCU) ที่จะถูกยกเครื่องใหม่หมดหลังจากที่ เจมส์ กันน์ เข้ามาเป็น Co-Chairmen และ CEO ของ DC Studios ร่วมกับ ปีเตอร์ ซาฟราน
จึงไม่แปลกที่ทั่วโลกจะตั้งตารอชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งในเรื่องที่ว่า เจมส์ กันน์ จะนำเสนอ Superman ออกมาในแง่มุมไหน “ให้แปลกและแตกต่าง” ไปจากที่เคยทำกันมาแล้วนับสิบเวอร์ชั่น รวมไปถึงการเป็นเข็มทิศชี้นำให้เราพอจะมองเห็นแนวทางของหนัง DCU เรื่องต่อ ๆ ไป
แล้วในวันนี้ Superman ก็เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งความรู้สึกหลังจากที่ได้รับชมแล้วก็คือ เจมส์ กันน์ ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเช่นเคย เขาสามารถนำเสนอออกมาได้ “ครบทุกมิติของความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง”
ทั้งในสเกลระดับมหภาคอย่างเรื่องสงครามระหว่างประเทศ ซึ่งผู้ที่มีพลังเหนือมนุษย์อย่าง Superman หนีไม่พ้นที่จะถูกดึงเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเกมแย่งชิงอำนาจ รวมไปถึงประเด็น “ผู้อพยพ” ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน เจมส์ กันน์ ก็ไม่พลาดที่จะพาเราไปสำรวจ Superman ในแง่มุมของการเป็นคนดังที่มีทั้งคนรักและคนชัง ถูกถล่มจากเกรียนคีย์บอร์ดที่เจมส์ กันน์ จิกกัดเอาไว้ได้อย่างเจ็บแสบ (ต้องไปดูว่าเขานำเสนอภาพลักษณ์ของคนที่ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นอยู่หลังคีย์บอร์ดออกมาเช่นไร) รวมไปถึงเรื่องที่ไม่ว่าคุณจะมีเจตนาดีแค่ไหน ก็ไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยในการกระทำว่าบริสุทธิ์ใจ หรือมีผลประโยชน์แอบแฝง
ให้ค่าตัวละครหญิงโดยไม่ woke
อีกประเด็นหนึ่งที่ผู้เขียนชื่นชอบคือ ความสัมพันธ์กับระหว่างซูเปอร์แมนกับแฟนสาว ซึ่งนอกจากจะเลือกนักแสดงมาได้อย่างเหมาะสม มีเสน่ห์ ทำให้คนดูหลงรักเธอได้ไม่ยากแล้ว เจมส์ กันน์ ยังเขียนบทให้ โลอิส เลน มีไหวพริบและความฉลาดสมกับเป็นนักข่าวของสื่อชั้นนำ
โลอิส เลน มีความเป็นมืออาชีพ สามารถแยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงาน เธอไม่เข้าข้างซูเปอร์แมนเพียงเพราะว่าเขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ หรือเป็นแฟนของตัวเอง แต่พร้อมที่จะตั้งคำถามกับการกระทำของเขาว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน แถมยังกระตุ้นเตือนให้ซูเปอร์แมนฉุกคิดถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการกระทำของตัวเองให้มากขึ้นอีกนิด
เรียกได้ว่าเป็นการให้ค่าและเชิดชูตัวละครหญิงได้อย่างแนบเนียน โดยไม่ทำให้ตัวละครที่คนดูรู้จักคุ้นเคยกันมานานหลายสิบปี แทบจะกลายเป็นอีกคนที่เขาไม่รู้จักมาก่อน
โดยบทสนทนาในฉากที่โลอิส เลน สัมภาษณ์ Superman ในช่วงต้นเรื่องนั้นสะท้อนความสัมพันธ์อันซับซ้อนของทั้งคู่ออกมาได้ดีมาก ขณะที่ทั้ง เดวิด โคเรนสเว็ต และราเชล บรอสนาฮาน ก็ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ต้องมีสมาธิในการฟังอยู่สักหน่อย เพราะทั้งคู่พูด (และเถียงกัน) ค่อนข้างเร็ว
มนุษย์ต่างดาวที่มี “ความเป็นมนุษย์” ยิ่งกว่าใคร
อีกแง่มุมหนึ่งที่เจมส์ กันน์ใส่ให้ Superman ของเขาแล้วทำให้ตัวละครมีมิติมากขึ้นไปอีกก็คือการหยิกยกเอาความเป็นชาวดาวคริปตันของเขามาตั้งคำถามว่า “มนุษย์ต่างดาวจะรักมนุษยชาติ และต้องการปกป้องโลกใบนี้ได้มากแบบที่แสดงออกมาจริงหรือ” โดยให้ตัวร้ายอย่าง เล็กซ์ ลูเธอร์ เป็นคนจุดประเด็นความกังขานี้ขึ้นในใจของชาวโลก
ความชาญฉลาดของ เจมส์ กันน์ ก็คือ คนดูจะได้รับคำตอบของคำถามนี้ผ่านการเห็น “ความเป็นมนุษย์” ของซูเปอร์แมนที่รักเป็น เจ็บเป็น มีความหุนหันพลันแล่น คิดไม่รอบด้าน เหมือนคนธรรมดาที่ไม่ได้เพอร์เฟกต์ไปซะทุกอย่าง แถมยังเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของครอบครัวชาวไร่ที่เลี้ยงดูเขามาด้วยความรักและอบอุ่นจนเติบโตมาเป็น “มนุษย์ที่ดี” ได้อย่างน่าประทับใจ
โดยประเด็นเรื่องพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดที่เป็นชาวดาวคริปตัน กับพ่อแม่ชาวโลกที่เลี้ยงดู Superman มาตั้งแต่แบเบาะก็เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่น่าประทับใจของหนังเรื่องนี้
ที่พูดมาทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมอีกหลากหลายแง่มุมที่ทำให้ Superman ของเจมส์ กันน์ ดูสนุกเป็นอย่างมาก ทั้งการเชิดชูตัวละครสัตว์ หรือตัวประหลาดที่สังคมรังเกียจ แต่เขากลับให้ความสำคัญและทำให้พวกมันกลายเป็นที่รักของคนดูได้มาตั้งแต่แก๊ง Guardians of the Galaxy แล้ว
สำหรับใน Superman เวอร์ชั่น 2025 นี้มีทั้งตัวขโมยซีนและขโมยหัวใจคนดูอย่างเจ้าหมา คริปโต, สัตว์ประหลาดถล่มเมืองที่ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว และถ้าสังเกตดูดี ๆ จะมีซีนที่คนหอบหิ้วสัตว์เลี้ยงทั้งสุนัข เต่าหนีตายกันจ้าละหวั่น หรือแม้แต่โทรศัพท์ไปขอฟังเสียงแมวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนโลกจะถูกทำลายยังมี (ฮา)
ในฝั่งของตัวประหลาดนั้นมี Metamorpho (เมตามอร์โฟ) เมตาฮิวแมนที่สามารถเปลี่ยนร่างกายตัวเองเป็นธาตุต่าง ๆ ในจักรวาล ซึ่งเจมส์ กันน์จะนำเสนอเขาออกมาในรูปแบบไหนนั้นต้องติดตาม
ในส่วนของซูเปอร์ฮีโร่ตัวอื่น ๆ อย่าง The Engineer แก๊งจัสติสลีกอย่าง Green Lantern, Mr. Terrific, Hawkgirl ก็นำเสนอได้อย่างมีเสน่ห์เฉพาะตัว โดยคุณจะได้ทึ่งกับความสามารถของเอ็นจิเนียร์, ได้ฮากับความมั่นหน้าของกรีนแลนเทิร์น, หลงใหลในความฉลาดปราดเปรื่องของมิสเตอร์ เทอร์ริฟิค มีเพียงฮอว์กเกิร์ลเท่านั้นที่ดูจะจืดจางไปนิด
สุดท้ายคือการแสดงอันยอดเยี่ยมของ นิโคลาส ฮอลท์ ซึ่งสามารถถ่ายทอดความเป็น เล็กซ์ ลูเธอร์ ได้ในแบบที่เจมส์ กันน์ต้องการ นั่นคือ อัจฉริยะที่มีความอิจฉาริษยา ไม่มั่นคงในอารมณ์ และมีความเปราะบางไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป
โดยเจมส์ กันน์บอกว่าเล็กซ์ ลูเธอร์ของเขาไม่ได้เป็นตัวร้ายที่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงคิดครองโลก แต่เป็นคนที่เก่งสุด ๆ และประสบความสำเร็จในทุกด้าน แล้วจู่ ๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวปรากฏตัวแล้วแย่งแสงที่ควรจะส่องมาที่ตัวเขาไป แถมเด็ก ๆ และผู้คนในเมโทรโพลิสยังพากันรัก Superman กันไปหมด ซึ่งเล็กซ์มองว่านั่นเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมและอันตรายด้วย เขาจึงมีทั้งความอิจฉาริษยา และความไม่ไว้ใจซูเปอร์แมนปะปนกันอยู่
Superman เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ไปพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองว่าทำไมทั้งคนดูและนักวิจารณ์ถึงเทคะแนนให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กัน






