เปิดเส้นทางปั้น ไอดอลเกาหลี ทุนวัฒนธรรมและชื่อเสียง สู่กระแสฮันรยู

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมากระแสวัฒนธรรมเกาหลีหรือที่เรียกว่า ‘ฮันรยู’ เป็นที่นิยมมากจนทำให้อุตสาหกรรมวัฒนธรรมของประเทศเกาหลีใต้เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก
KEY
POINTS
- การสร้างไอดอลเป็นยุทธศาสตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและเอกชน เพื่อใช้เป็น Soft Power ขับเคลื่อนวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของเกาหลีใต้
- เส้นทางสู่การเป็นไอดอลต้องผ่านระบบการฝึกฝนที่เข้มงวดและยาวนาน ต้องแลกมาด้วยความกดดันและปัญหาสุขภาพกายและจิตใจ
- ค่ายเพลงลงทุนในตัวไอดอลในฐานะ "ทุนทางวัฒนธรรม" ตอบสนองความต้องการของแฟนคลับ ซึ่งนำไปสู่ชื่อเสียงและการยกระดับสถานะทางสังคม
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมากระแสวัฒนธรรมเกาหลีหรือที่เรียกว่า ‘ฮันรยู’ เป็นที่นิยมมากจนทำให้อุตสาหกรรมวัฒนธรรมของประเทศเกาหลีใต้เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก
โดยเฉพาะตลาดเพลง K-Pop ที่ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศเกาหลีใต้อย่างมหาศาล การเติบโตของตลาดเพลง K-Pop เกิดจากการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและอาศัยความร่วมมือของบริษัทเอกชนในการผลิตวัฒนธรรมอย่างมียุทธศาสตร์
จนสามารถสร้างอิทธิพลและกลายเป็น Soft power ได้ โดยใช้กลยุทธ์ในการดึงดูดผู้คนผ่านการนำศิลปินแนวไอดอลมาเป็นตัวแทนในการขับเคลื่อนวัฒนธรรม
"วัฒนธรรมไอดอล" ถือเป็นสัญลักษณ์ของอุตสาหกรรมเพลง K-Pop ที่จะมีความโดดเด่นในเรื่องของภาพลักษณ์ รูปร่าง หน้าตา ความสามารถ รวมไปถึงการแต่งกาย
การสร้างบุคคลให้กลายเป็นไอดอลเป็นกลไกสำคัญในการสร้างมูลค่าและเพิ่มการเจริญเติบโตทางอุตสาหกรรมวัฒนธรรม แต่กว่าที่ไอดอลเหล่านี้จะกลายมาเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนวัฒนธรรมก็ต้องผ่านการปลูกฝังภาพลักษณ์ในเชิงบวกเพื่อสร้างความดึงดูดใจต่อแฟนคลับ
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความนิยมเหล่านั้นพบว่าแท้จริงแล้ว เบื้องหลังการนำเสนอภาพลักษณ์ในเชิงบวกต้องแลกมาด้วยการถูกกำกับ ควบคุม และสร้างความกดดันให้กับไอดอลเหล่านั้น
เห็นได้ว่าปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจนั้นสามารถเกี่ยวพันกับมิติอำนาจและการควบคุมได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์การเมือง
ในฐานะที่ผู้เขียนได้ทำวิจัยในวิทยานิพนธ์เรื่อง “การสะสมทุนและเลื่อนสถานะทางสังคมของไอดอลเกาหลี” จึงอยากเสนอข้อสังเกตเกี่ยวกับปรากฏการณ์เชิงอำนาจนี้ให้ได้ลองพิจารณากันดู
กว่าจะมาเป็นไอดอลเกาหลีที่ยืนอยู่ในจุดของแสงแห่งการมีชื่อเสียงและความโด่งดัง พวกเขาล้วนต้องผ่านการฝึกฝนที่เข้มข้นอย่างเป็นระบบ ที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและกดดันจากการประเมินความสามารถ อีกทั้งต้องเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดเพื่อให้ผ่านการคัดเลือกมาเป็นไอดอล
ไอดอลบางคนอาจใช้เวลาในการฝึกฝนมากกว่า 5 ปีกว่าจะได้เดบิวท์ กล่าวได้ว่า ระบบการฝึกฝนถือเป็นขั้นแรกในเส้นทางอันยาวนานที่คอย “คัดกรอง” ให้ผู้ถูกฝึกกลายเป็นไอดอลที่ “สมบูรณ์”
ดังนั้นในช่วงระยะเวลาของการฝึกฝน ไอดอลฝึกหัด หรือ “เด็กฝึกหัด” จึงต้องมีความสามารถในการแข่งขัน และอดทนต่อการถูกครอบงำและแรงกดดันให้ได้ ระหว่างทางที่จะไปถึงจุดที่จะถูกคัดกรองเป็นไอดอล
เหล่าเด็กฝึกหัดก็จะได้เพิ่มพูนและพัฒนาทักษะต่างๆในด้านดนตรี เพื่อให้มีคุณภาพและคุณสมบัติตามที่ต้นสังกัดต้องการ นอกจากนี้ เด็กฝึกหัดต้องเข้าร่วมการพัฒนาบุคลิกภาพ ความคิด จิตใจ มารยาท และภาพลักษณ์ เพื่อให้เกิดเป็นไอดอลที่สมบูรณ์ที่สุด จนกระทั่งนำไปสู่การได้รับการยอมรับในสังคม
ความเป็นไอดอลที่สมบูรณ์นี่แหละเป็นสิ่งที่ควรตั้งข้อสังเกต เพราะที่มาของความสมบูรณ์แบบอาจไม่น่าปรารถนา (ไม่นับว่าความสมบูรณ์แบบในความเป็นจริงมันมีได้หรือไม่?)
ประการแรกที่พบเห็นประจำคือ ความสมบูรณ์แบบของไอดอลเชื่อมโยงกับหน้าตาและรูปร่างที่ดี
การให้คุณค่ากับรูปร่างหน้าตานี้เชี่อมโยงกับวัฒนธรรมขงจื๊อที่มีความเชื่อว่าการมีภาพลักษณ์ที่ดีจะสามารถเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ และหากผู้ใดไม่ได้มีมาตรฐานความงามตามแบบฉบับเกาหลี
หรือมีภาพลักษณ์ที่แตกต่างออกไปจากบรรทัดฐานของสังคมก็อาจจะกลายเป็นบุคคลที่มีความแปลกแยกถูกบีบให้หลุดออกจากสังคมได้เช่นกัน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะมองเห็นว่าไอดอลเกาหลีส่วนใหญ่จะมีหน้าตาที่สวย หล่อ รูปร่างดี ผิวขาวอมชมพู
นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ภายนอกยังรวมถึงลักษณะนิสัยที่แสดงออกเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้คน จะต้องมีความสดใสร่าเริงอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้แฟนคลับมองเห็นถึงความผิดปกติของอารมณ์หรืออาการป่วยตามร่างกาย
ประการที่สอง ความสมบูรณ์แบบแห่งอุดมคติแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและแรงกายที่หนักหนาสาหัสมากไอดอลเกาหลีขึ้นชื่อว่ามีเบื้องหลังในการฝึกซ้อมที่เข้มข้นและมีความกดดันสูง
ซึ่งบุคคลที่อยู่ในวัยช่วงอายุราวสิบปีต้น ๆ จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับการฝึกซ้อมแทบจะมากกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อที่จะพัฒนาความสามารถของตนเองให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา
และท่ามกลางจำนวนวงไอดอลที่เพิ่มมากขึ้นทุกที การแข่งขันระหว่างวงไอดอลด้วยกันเองจึงเพิ่มสูงขึ้นตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ เวลาพักผ่อนจากการฝึกฝนก็น้อยลงตามไปด้วย
และในท้ายที่สุดก็นำมาซึ่งปัญหาสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจที่อาจจะส่งผลกระทบไปถึงความกังวล ในหน้าที่การงานในสายอาชีพไอดอลของตนเองในอนาคตได้ อย่างเช่น ในปี 2017 จงฮยอน สมาชิกของวง SHINee ได้เผชิญกับภาวะซึมเศร้าก่อนจะจบชีวิตของตนเองจากกความกดดันภายในวงการบันเทิง
หรือในปี 2019 ซอลลี่ สมาชิกของวง f(x) ได้เผชิญกับภาวะซึมเศร้าก่อนจะจบชีวิตของตนเองจากการถูก Cyberbullying รวมทั้งปัญหาทางสุขภาพทางร่ายกายและจิตใจที่ต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลาตั้งแต่เดบิวท์
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น ยังไม่นับรวมดารา นักแสดง ที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวในลักษณะนี้เช่นกัน
สิ่งเหล่านี้เป็นบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมในอุตสาหกรรมเพลง K-Pop ที่พบเห็นได้เป็นปกติ ค่ายเพลงสร้างไอดอลขึ้นมาเพื่อให้มาสร้างกำไรกับบริษัท
เมื่อไอดอลถูกค่ายเพลงลงทุนในปัจจัยการผลิต ซึ่งในที่นี้หมายถึงทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นทุนที่ติดอยู่กับร่างกาย (Embodied State) เช่น ภาพลักษณ์ หน้าตา รูปร่าง เป็นต้น
และทุนวัฒนธรรมที่ถูกทำให้อยู่ในรูปของสถาบัน (Institutionalized State) คือ ระบบเด็กฝึกหัดที่ทำหน้าที่ในการพัฒนาทักษะความสามารถ ก็เพื่อที่จะได้ผลผลิตเป็นไอดอลที่มีการผูกขาดความงามตามธรรมชาติ มีทักษะความสามารถที่น่าชื่นชม และมีภาพลักษณ์ที่ดึงดูดให้ผู้ชมเกิดความสนใจ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของแฟนคลับในฐานะผู้บริโภคได้
ทุนทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นเป็นกลไกในระบบการผลิตที่สร้างความกดดันให้กับไอดอลอยู่ไม่น้อย
ไอดอลจะต้องเผชิญกับอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย การแปรเปลี่ยนความยากลำบากในการฝึกซ้อม ความกดดันในการทดสอบความสามารถ ความอดทนในการรักษารูปร่างหน้าตา ให้มาเป็นความสมบูรณ์แบบเพื่อที่จะได้กลายเป็นไอดอลที่สามารถแข่งขันและขายได้
รวมทั้งตอบสนองความต้องการของแฟนคลับทั่วโลก การมีแฟนคลับจำนวนมากจะช่วยทำให้ไอดอลได้รับการยอมรับทางด้านชื่อเสียงและการนับหน้าถือตาในสังคม และท้ายที่สุดไอดอลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ก็จะได้เป็นกลุ่มคนที่เลื่อนลำดับทางสังคมในอาชีพไอดอลของประเทศเกาหลีใต้สู่การเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียงระดับในระดับโลกได้
ประการสุดท้ายที่อยากทิ้งเป็นข้อคิดเห็นคือ ชื่อเสียงอันโด่งดังของไอดอลเกาหลีสามารถสร้างความเชื่อมั่นในแง่ของคุณภาพของสินค้าทางวัฒนธรรมหรือความไว้วางใจต่อแฟนคลับ
สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการหนึ่งของการสร้างอุตสาหกรรมวัฒนธรรมให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ดังนั้น หากประเทศไทยจะผลักดันวัฒนธรรมไทยให้กลายเป็น Soft power รัฐบาลควรมุ่งเป้าไปที่สินค้าใดสินค้าหนึ่งก่อน สนับสนุนเอกชนให้มาก ลดการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ และสร้างสินค้านั้นให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสมือนการสร้างแบรนด์สินค้า เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกค่อย ๆ ซึมซับและจดจำอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ก็อย่าลืมว่ากลไกการสร้างไอดอลให้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกอาจต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ หยดน้ำตาความเหนื่อยล้า ภาวะทางอารมณ์ และความคาดหวังจากสาธารณชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไอดอลเหล่านี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เพราะฉะนั้นควรจะส่งเสริมการตระหนักรู้ด้านสุขภาพจิต เพื่อสร้างให้เกิดสุขภาวะทางจิตใจที่ดี ในสภาพแวดล้อมที่กดดันควบคู่ไปด้วย.







