คุยกับ ‘โต๋นแตร ทินกร’ ผู้จัด ‘ฉันคอยเธอ’ ซีรีส์วายจากช่อง 7 ที่ทำงานด้วยหัวใจ

คุยกับ ‘โต๋นแตร ทินกร’ ผู้จัด ‘ฉันคอยเธอ’ ซีรีส์วายจากช่อง 7 ที่ทำงานด้วยหัวใจ

“กรุงเทพธุรกิจ” ได้พูดคุยกับ “โต๋นแตร ทินกร” เกี่ยวกับการลงมือคุมซีรีส์เรื่องนี้ในทุกขั้นตอน บทเรียนที่ได้จากการเป็นผู้จัดซีรีส๋ รวมถึภาพรวมของวงการซีรีส์วายไทย

ผ่านมาครึ่งทางแล้วสำหรับ “I Promise I Will Come Back ฉันคอยเธอ” ซีรีส์วายเรื่องแรกที่ออกอากาศทาง “ช่อง 7HD” ที่อ้างอิงมาจากเรื่องราวตำนานความรักอมตะ ของเจ้านางอรัญญาณี ที่ชาวแพร่เคารพนับถือ โดยเป็นผลงานในฐานะผู้จัดซีรีส์เรื่องจัดครั้งแรกของ “โต๋นแตร ทินกร ภูวศักดิวงศ์” ซึ่งตั้งใจทำงานออกมาด้วยหัวใจ หวังว่าจะสร้างรายได้และช่วยให้จังหวัดแพร่เป็นที่รู้จัก รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชมในแง่มุมต่าง ๆ

กรุงเทพธุรกิจ” ได้พูดคุยกับ “โต๋นแตร ทินกร” เกี่ยวกับการลงมือคุมซีรีส์เรื่องนี้ในทุกขั้นตอน บทเรียนที่ได้จากการเป็นผู้จัดซีรีส๋ รวมถึภาพรวมของวงการซีรีส์วายไทย

คุยกับ ‘โต๋นแตร ทินกร’ ผู้จัด ‘ฉันคอยเธอ’ ซีรีส์วายจากช่อง 7 ที่ทำงานด้วยหัวใจ

I Promise I Will Come Back ฉันคอยเธอ” เล่าเรื่องของความรักระหว่างนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกับชายหนุ่มชาวแพร่ แม้จะได้เจอกันในช่วงสั้น ๆ แต่คู่สัญญาว่าสักวันหนึ่งจะต้องได้กลับมาเจอกันอีก โดยมีฉากหลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดแพร่ ซึ่งโต๋นแตรเล่าว่ากระแสตอบรับถือว่าดีมาก

“จริง ๆ พอได้มาออกอากาศช่อง 7 เป็นอะไรที่เกินฝันมากแล้ว มีคอมเมนต์จากอินเตอร์แฟน ทั้งจากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาตินอเมริกา บราซิล จีน และไต้หวัน มีไวรัลใน TikTok ด้วย ถ้าเต็ม 10 ผมให้ 8.5 เลยด้วยซ้ำ สำหรับซีรีส์วัยกลางคน แถมเป็นเรื่องภาคเหนือที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม” โต๋นแตรกล่าว

เมื่อถามถึงความกดดันในการเป็นซีรีส์วายเรื่องแรกของช่อง 7 เขายอมรับว่า ในตอนแรกกลัวว่าจะทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวังมากกว่า กลัวว่าชิ้นงานอาจไม่เหมาะกับช่อง 7 แต่หลังจากที่คุยกับช่อง ก็พบว่าทั้งคู่มีโจทย์เดียวกัน

“โจทย์ของผมกับช่อง 7 เหมือนกัน เพราะฐานแฟนคลับช่องก็เป็นคนต่างจังหวัด ไม่รู้ซ้ำว่าบอยเลิฟ เกิร์ลเลิฟคืออะไร ตอนที่ผมมาคุยกับช่อง 7 เราก็มองกันเห็นตรงกันว่าเราต้องไปชนะใจคนกลุ่มเดียวกัน ถ้าจะกดดันก็คงกลัวแค่เราจะไม่เหมาะสมกับช่อง เพราะเราเป็นแค่คนตัวเล็ก ๆ แต่ผมก็มั่นใจในชิ้นงาน ผมเลือกสิ่งที่ดีที่สุด คัดเลือกทีมงานมาอย่างดี”

โต๋นแตรเป็นคนหนึ่งที่อยากเป็นนักแสดง และเคยขอแคสต์งานกับผู้ใหญ่หลาย ๆ คน แต่หลาย ๆ ครั้งพอพบว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลา และถ้าไม่มีใครให้โอกาส เขาก็จะสร้างโอกาสขึ้นมาเอง 

“พอเก็บเงินได้ 3-4 ล้าน ผมจึงรวบรวมเพื่อนพ้องที่มีความฝันเหมือนผมมาทำงานด้วยกัน ซีรีส์นี้จึงเหมือนรวมตัวคนที่ไม่เคยถูกเลือก รวมคนที่ไม่มีโอกาส เช่นเดียวกับจังหวัดแพร่ บ้านเกิดของผม ที่เป็นเมืองรอง เหมือนกับผมที่เป็นรองไม่ได้อยู่ในสายตา ผ่านความผิดหวังมาเยอะมาก ทุกคนในซีรีส์เรื่องนี้จึงใส่สุดมาก ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะอาจทำเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายของพวกเรา

อย่างเซี่ยเอิน และเซี่ยเต๋อก็เหมือนกัน ถึงเขาจะเป็นนักแสดงจากไต้หวัน เล่นบอยเลิฟมาก่อนก็จริง  แต่เขาไม่ได้เป็นที่พูดถึงมากนัก เขามามีกระแสจากการโชว์กล้าม โชว์ซิกแพค ทั้งที่พวกเขามีแพชชั่น อยากทำงาน พอติดต่อไปมันเลยง่าย ไม่ว่าผมจะขอให้ทำอะไรเขาพร้อมช่วยหมด เพราะเรามีฝันเหมือนกัน” 

คำว่า “ใส่สุด” ตามความหมายของโต๋นแตรคือ ในซีรีส์เรื่องนี้ก็เหมือนงานศิลปะ ที่เขาจะมีการซ่อน Easter Egg เล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทไต้หวันก็จะให้ตัวละครหันหน้าไปทางจังหวัดแพร่ หรือตัวเลขที่ปรากฏในเรื่องล้วนมีความหมายซ่อนไว้ทั้งหมด เช่น เลข 15 ก็มาจากผลรวมของตัวเลขระยะทางจากแพร่ถึงไต้หวัน 2,238 ก.ม. (2+2+3+8 = 15) นอกจากนี้เมื่อนำ 1+5 ก็จะได้ 6 ซึ่งเป็นตัวเลขมงคลของชาวไต้หวัน 

คุยกับ ‘โต๋นแตร ทินกร’ ผู้จัด ‘ฉันคอยเธอ’ ซีรีส์วายจากช่อง 7 ที่ทำงานด้วยหัวใจ

อีกทั้งซีรีส์เรื่องนี้ ยังถือว่าเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ของจังหวัดแพร่ ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่เสน่ห์ทางวัฒนธรรมของจังหวัด ในเรื่องจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “ถ้ำผานางคอย” เปลือยเปล่า ไม่มีเครื่องสักการะและผ้าสามสีมาพันที่หินงอกหินย้อยของเจ้านางอรัญญาณี เหมือนตอนที่เจอถ้ำครั้งแรก 

“ปรกติแล้วจะไม่มีใครมาแตะต้อง แต่ผมอยากได้ซีนนี้ ผมไปขอผู้ใหญ่ในจังหวัดทุกคนก็ตกลง แต่ให้ผมไปขอเจ้านางเอง แล้วก็เชิญหมอผีมาเป็นสื่อกลาง ถ้าเจ้านางอนุญาตก็จะให้ไม้ยาวขึ้น ทุกคนในนั้นเห็นเหมือนกันหมดว่าไม้ยาวขึ้นจริง แสดงว่าเจ้านางอนุญาตแล้ว ผมก็ขึ้นไปเอาผ้าออกเองกับมือ ผมอยากให้ภาพที่สวยงามนี้ได้ออกไปสู่สายตาคนทั่วโลก พอถ่ายเสร็จผมกลับไปพันผ้า ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม” โต๋นแตรกล่าวด้วยความภูมิใจ

คุยกับ ‘โต๋นแตร ทินกร’ ผู้จัด ‘ฉันคอยเธอ’ ซีรีส์วายจากช่อง 7 ที่ทำงานด้วยหัวใจ

ถ้ำผานางคอย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่จังหวัดแพร่

แต่เนื่องด้วยเป็นซีรีส์วายที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคย โต๋นแตรจึงต้องอธิบายให้คนในจังหวัดเข้าใจว่าซีรีส์เรื่องนี้ต้องการจะสื่อสารอะไร “ถ้าเราอยากให้จังหวัดของเราเป็นที่รู้จัก เราต้องเล่นกับกระแส แต่ทุกคนต้องยอมเปิดใจให้กับสิ่งที่ผมจะทำ นอกจากจะใส่วัฒนธรรมและสถานที่ที่สวยงามของจังหวัดเราแล้ว มันต้องมีความอิโรติกเข้าไปด้วย ผู้ใหญ่ก็สนับสนุนเต็มที่” 

ซีรีส์วายถือเป็นอีกหนึ่ง “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่ช่วยให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และโต๋นแตรก็ไม่พลาดโอกาสนี้ที่จะช่วยให้ชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น

“ผมหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ผมเอาเสื้อม่อฮ่อมมาดีไซน์ใหม่ทั้งหมดรวมถึงเอาเสื้อผ้าคอลเล็กชันที่ขายไม่ได้มาใช้ด้วยเพื่อมาใส่ในซีรีส์ เหมือนกับน้ำพริกน้ำย้อยของดีของแพร่ที่ผมเอามาใส่ในเรื่อง แล้วก็มีตุ๊กตาไม้ที่ผมก็ยกลิขสิทธิ์ให้แก่วิสาหกิจชุมชนผลิตออกมาจำหน่าย เผื่อวันหนึ่งคนดูซีรีส์ของเราแล้วอยากไปตามซื้อ อยากไปตามรอยก็จะได้ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชน”

ขณะเดียวกัน ก็ยังสอดแทรกสถานที่และวัฒนธรรมสำคัญของไต้หวัน เช่น ชานมไข่มุก ตึกไทเป 101 รวมถึงภาษาเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้ามาในซีรีส์ด้วย เพื่อหวังกระตุ้นให้ชาวไต้หวันหันมาดูซีรีส์เพิ่มมากขึ้น 

“เวลาเราเห็นประเทศเราไปอยู่ในคอนเทนต์ของต่างชาติเรายังอยากสนับสนุน ประเทศเขาก็เช่นกัน มีสถานที่มีภาษาของเขาในงานของเรา ยังไงเขาก็เทใจให้เราไม่มากก็น้อย” 

นอกจากนี้โต๋นแตรยังทำนิยายของซีรีส์เรื่องนี้ พร้อมแปลไปอีก 5 ภาษา โดยรายได้ 50% จากยอดขายจะนำไปมอบให้แก่จังหวัดแพร่เพื่อเอาไปพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว พร้อมบูรณะถ้ำผานายคอยและศาลหลักเมือง ถ้าหากซีรีส์ได้รับความนิยมขึ้นมาจะได้รองรับนักท่องเที่ยวได้ 

คุยกับ ‘โต๋นแตร ทินกร’ ผู้จัด ‘ฉันคอยเธอ’ ซีรีส์วายจากช่อง 7 ที่ทำงานด้วยหัวใจ

ไม่เพียงแต่ซีรีส์วายจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ แต่ในมุมมองของโต๋นแตรยังมองว่า ซีรีส์วายสามารถช่วยให้คนเข้าใจหรือว่าเปิดรับ LGBTQ+ มากขึ้น ดังนั้นในซีรีส์เรื่องนี้จึงสอดแทรกไดอะล็อกต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เกิดการยอมรับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศและมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ

“ตัวละครของผมก็ไม่เปิดเผยตัวตนเพราะกลัวที่บ้านจะผิดหวัง แต่ก็จะมีบทที่คนในครอบครัวปลอบว่า ไม่เป็นไร ทำไมต้องกลัวผิดหวังในเมื่อก็ช่วยพ่อแม่ตลอด เป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน และจะทำให้คนอื่นผิดหวังได้ยังไง เราใส่บทแบบนี้เข้าไปเพื่อให้คนดูที่อาจจะยังไม่เข้าใจได้เห็นว่ามันไม่ได้ผิดอะไร ถ้าจะชอบคนเพศเดียวกัน ยิ่งได้ออกอากาศช่อง 7 ผมว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะช่วยให้คนเปิดใจมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยถ้าประตูบานนั้นของเขาปิดอยู่ มันน่าจะแง้มออกมาบ้าง”

โต๋นแตรทำงานทุกอย่างอย่างมีระบบ เริ่มต้นจากการคัดเลือกนักแสดง ที่เปิดแคสติ้งครั้งแรกในจังหวัดแพร่ โดยคัดจาก 300 คน ให้เหลือประมาณร้อยกว่าคน เพื่อเข้าไปเรียนการแสดงแบบเข้มข้น ก่อนจะคัดให้เหลือนักแสดงที่เหมาะสมกับแต่ละบท 

“ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะเรามีนักแสดงมืออาชีพมาเล่นด้วยทั้งพี่ต่าย เพ็ญพักตร์ หรือ พี่สา ววรรณษา ไหนจะทีมจากไต้หวัน ผมกลัวว่าน้อง ๆ อาจจะทำให้พี่ ๆ เสียเวลา”

เมื่อไม่สามารถให้ทุกคนได้เล่น โต๋นแตรก็หาวิธีให้เด็ก ๆ ยังได้ทำตามความฝันต่อไป “ผมก็พยายามปลอบประโลมเหมือนที่ผมเคยได้รับมา โดยให้เด็ก ๆ ยังสามารถทำความฝันต่อไปได้ คนไหนที่อยากลองทำเบื้องหลังผมก็ให้มาทำ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแต่งหน้าหรือเสื้อผ้า เขาจะได้เอาประสบการณ์ตรงนี้ไปใส่เป็นพอร์ตเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยต่อได้” 

คุยกับ ‘โต๋นแตร ทินกร’ ผู้จัด ‘ฉันคอยเธอ’ ซีรีส์วายจากช่อง 7 ที่ทำงานด้วยหัวใจ

การก้าวมาเป็นผู้จัดซีรีส์ไม่ใช่เรื่องง่าย และได้สอนบทเรียนให้โต๋นแตรมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการเงิน

“เรามีความฝันอย่างเดียวไม่ได้ ในโลกแห่งความเป็นจริงเราต้องมีเงินด้วย ผมมีความสุขได้ทำตามฝันแต่มันก็ต้องแลกมากับการที่ผมไม่ได้นอนเลย ผมไม่สามารถไปทำงานอื่นได้ ผมต้องทุ่มให้กับซีรีส์เรื่องนี้ทั้งหมด ทั้งเวลาและทั้งเงิน เมื่อก่อนผมมีร้านก๋วยก๋วยประมาณ 10 สาขา ผมทยอยปิดไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้ผมเหลือแค่สาขาเดียวแล้ว 

ผมต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ ตอนนี้ความฝันเริ่มไม่สนุกแล้ว เริ่มกัดกินคนรอบข้าง ปรกติซีรีส์งบมันประมาณ 5-7 ล้าน แต่ด้วยงบประมาณที่ผมมีจำกัด ผมพยายามคุมงบไม่ให้เกิน 4 ล้าน ที่จริงผมแบ่งเงินไว้เผื่อฉุกเฉินแล้วก็ตาม ผมพลาดเองด้วย อาจไม่รอบคอบว่าทุกอย่างที่ทำมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยเฉพาะการไปถ่ายที่ไต้หวัน

ตอนนี้อะไรที่ผมเซฟได้ผมก็เซฟหมดเลย อาหารกองผมก็มาจากร้านตัวเอง หรือเวลาออกงานอีเวนต์ ผมจะอยู่เป็นคนสุดท้าย คอยเคลียร์สถานที่ เพราะเราไม่ได้จ้างแม่บ้านมาทำ แต่พอมันเริ่มกินระยะเวลามายาวนาน เงินผมน้อยลงเรื่อย ๆ ผมเคยเหลือเงินอยู่ 200 บาททั้งตัว บางทีผมร้องไห้กับตัวเอง แบบผมไม่ไหวแล้วนะ แต่ทั้งหมดนี้คือบทเรียนที่ผมได้รับ ได้เจอมิตรภาพดี ๆ ได้เห็นความจริงใจของเพื่อน ๆ  ผมเลยรู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนดีแล้ว ยิ่งพอผลงานออกมามันก็คุ้ม หายเหนื่อยเลย”

เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับแฟนคลับมากขึ้น โต๋นแตรจึงจัดงานปิดโรงภาพยนตร์ชมซีรีส์กับแฟนคลับ ในตอนแรก ตอนที่ 5 และตอนจบของซีรีส์ ซึ่งทั้ง 3 งานไม่มีการขายบัตร เป็นงานให้ได้เข้าฟรี เนื่องจากเขาอยากให้แฟนคลับต้องเสียเงิน

“ผมไม่อยากได้เงินจากแฟนคลับ ผมแค่รู้สึกว่าผมมีความสุข เวลาที่แค่เค้ามาซัพพอร์ต แล้วตามเราไปในทุกทุกที่เรา แค่นี้ก็ดีกับเรามากแล้ว เปลี่ยนเป็นไปบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือ การก่อสร้างโรงพยาบาลราชวิถี ร่วมกับช่อง 7 ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เราตอบแทนช่อง 7 ด้วย ถือว่าเป็นโปรเจ็กต์ที่ทําแล้วผมมีความสุข อาจจะไม่ได้เป็นเม็ดเงิน แต่ผมคิดว่าหลังจากนี้ก็น่าจะมีโอกาสดี ๆ เข้ามา”

ซีรีส์วายมีมาเกือบ 10 ปีแล้ว นับตั้งแต่ที่มีซีรีส์วายเรื่องแรก และจนถึงตอนนี้ยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มีฐานแฟนคลับจากทั่วโลก ซึ่งโต๋นแตรเชื่อว่าซีรีส์วายไทยจะยังสามารถโตขึ้นได้อีก ตราบใดที่โลกใบนี้ยังมีความรักของ LGBTQ+ อยู่ แม้ว่าในตอนนี้จะออกมาเดือนละหลายสิบเรื่องแล้วก็ตาม เขาหวังว่าซีรีส์ของเขาจะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศมากยิ่งขึ้น และก็อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ที่มีความฝันกล้าลุกขึ้นมาลงมือทำ

“ถ้างานชิ้นนี้เป็นโมเดลที่น่าสนใจ ผมหวังว่าจะมีคนแบบผมอีกสัก 70 คน มาเห็นแล้วคิดว่า พี่เขายังทำได้ เราก็ต้องทำได้บ้าง เพราะผมเชื่อว่าความพยายามไม่เคยทรยศใคร” 

คุยกับ ‘โต๋นแตร ทินกร’ ผู้จัด ‘ฉันคอยเธอ’ ซีรีส์วายจากช่อง 7 ที่ทำงานด้วยหัวใจ