Final Destination: Bloodlines หนังโกงความตายที่มี ‘หัวใจ’

หนังโกงความตาย โหดสยอง Final Destination: Bloodlines ดูสนุกขึ้นเมื่อใส่ความเป็นครอบครัวเข้าไปจนทำให้มี “หัวใจ” และ “ความฮา” พร้อมอยู่ในเรื่องเดียว
ต้องสารภาพตามตรงว่าตอนแรกผู้เขียนไม่คิดจะดูภาพยนตร์ Final Destination: Bloodlines ด้วยความที่ได้เห็นตัวอย่างในโรงภาพยนตร์ซึ่งมีการตัดต่อฉากหวาดเสียวมาเสิร์ฟแบบรัว ๆ จนพลอยคิดไปเองว่า ถ้าไปดูก็คงได้ดูซักประมาณ 50-60 % ของเรื่องเพราะมัวแต่เอามือปิดตา
แต่หลังจากที่กระแสวิจารณ์ฝั่งตะวันตกมาแรงเสียเหลือเกินจึงอดใจไม่ไหว ตัดสินใจไปดูรอบ press screening ในระบบ IMAX ภาพเต็มจอชัดเจน เสียงกระหึ่มเต็มอารมณ์ ซึ่งน่าจะทำให้หวาดเสียวกว่าเดิม (ฮา) แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความคิดว่า “ถ้าไม่ได้ดูคงเสียใจแย่”
เพราะ Final Destination: Bloodlines ทำออกมาได้กลมกล่อม ลงตัว ไม่ได้เน้นการตายสุดสยองซึ่งเป็น signature ของแฟรนไชส์หนังชุดนี้อย่างเดียว (แม้แต่ละฉากยังโหด สยอง ช่างสรรหาความแหวกแนวเหมือนเดิม)
แต่การ “เปลี่ยนโฟกัส” ให้ความตายตามไล่ล่าคนในครอบครัวแทนมันทำให้หนังมีหัวจิตหัวใจ มีอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น เพราะแน่นอนว่าความตายของคนในครอบครัวย่อมบาดลึก ส่งผลต่อจิตใจตัวละคร (รวมถึงคนดู) มากกว่าการที่เพื่อน หรือคนรู้จักตาย
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่าง “การปล่อยมุกเรียกเสียงฮาในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน” ซึ่งขอชมว่าจังหวะดีมาก ทำให้คนดูที่กำลังเส้นประสาทตึงเครียดเขม็งเกลียว (เพราะลุ้นว่าความตายจะโผล่มาตอนไหน) เกิดความผ่อนคลาย และหลุดหัวเราะออกมาได้เองตามธรรมชาติ ราวกับลูกโป่งที่กำลังจะแตกถูกปล่อยลมออกมาเบา ๆ
Final Destination: Bloodlines เป็นเรื่องราวของ สเตฟานี นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ฝันถึงการตายของยายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังให้ความรู้สึกเหมือนจริงเสียจนเธอไม่ได้หลับได้นอน ส่งผลกระทบต่อการเรียนและการใช้ชีวิต สเตฟานีจึงเดินทางกลับบ้านเพื่อไปสืบหาเรื่องราว จนได้ค้นพบความจริงซึ่งเป็นที่มาของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอด 5 ภาคที่ผ่านมา
แถมด้วยสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดนั่นคือเรื่องที่ว่า ความตาย สืบทอดทางสายเลือด (Bloodline) และมันกำลังตามไล่ล่าคนในครอบครัวของเธออย่างไม่ลดละ
สำหรับคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ คุณจะได้พบกับอีสเตอร์เอกสำคัญ นั่นคือ การได้รับรู้กันเสียทีว่าตัวละครที่ โทนี ทอดด์ (Tony Todd) เล่น แล้วปรากฏตัวใน Final Destination ทุกภาคนั้น มีความเป็นมาอย่างไร
แล้วห้ามพลาดประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับ สเตฟานี ในหนัง เพราะนั่นคือสิ่งที่กลั่นมาจากหัวใจของ โทนี ทอดด์ โดยผู้กำกับปล่อยให้เขาพูดสื่อสารกับแฟนหนังเรื่องนี้โดยตรง ไม่ได้เขียนสคริปต์เอาไว้ให้ล่วงหา โดยไม่รู้เลยว่า Final Destination: Bloodlines จะกลายเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขาที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา
สามารถรับชม Final Destination: Bloodlines ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ ไม่แน่ว่าคุณอาจเป็นเหมือนผู้เขียนหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้ นั่นคือ มีความรอบคอบ ระแวดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในอยู่ในจุดที่เสี่ยงอันตราย เช่น ผู้เขียนที่เดินไปเจอรถขนเหล็กเส้น ขนท่อระบายน้ำมาทำถนนแถวบ้านแล้วหาทางเลี่ยง กลัวโซ่ขาดแล้วมันตกมาทับ
#FinalDestination
#FinalDestinationBloodlines







