‘ลูว์อิส พูลแมน’ หรือ ‘บ็อบ’ จาก Thunderbolts* คือใคร มาจากไหน

ทำความรู้จัก 'ลูว์อิส พูลแมน' ผู้รับบท Sentry ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังร้ายกาจที่สุดในจักรวาลมาร์เวล ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในภาพยนตร์ Thunderbolts* เป็นครั้งแรก
Sentry (เซ็นทรี) คือ ซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวเข้าสู่จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU) ในหนังเรื่อง Thunderbolts* ที่กำลังลงโรงฉายอยู่ในขณะนี้
ความลึกลับของซูเปอร์ฮีโร่ตัวนี้จะว่าไปก็แทบไม่ต่างจากตัวตนของ ‘ลูว์อิส พูลแมน’ ผู้รับบท ‘บ็อบ’ หรือ ‘เซ็นทรี’ ใน Thunderbolts* ซักเท่าไรนัก เพราะเขาคือนักแสดงซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แม้จะเป็นลูกชายของดาราใหญ่อย่าง ‘บิล พูลแมน’ และอยู่ในวงการมาร่วมสิบปีแล้วก็ตาม
ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับ ‘ลูว์อิส พูลแมน’ ที่มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นดาวเด่นคนต่อไปใน MCU ให้มากขึ้นกันดีกว่าว่าเขามีนิสัยใจคอ มีปูมหลังเรื่องครอบครัว และการแสดงอย่างไร รวมไปถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการรับบทเซ็นทรี และถ่ายหนังเรื่อง Thunderbolts* ของเขา
ลูว์อิส วัย 32 ปี เป็นลูกคนสุดท้องของบิล พูลแมน นักแสดงรุ่นใหญ่ซึ่งเป็นที่จดจำจากบทประธานาธิบดีสหรัฐในภาพยนตร์เรื่อง Independence Day ส่วนแม่ของเขา ทามารา ฮูร์วิทซ์ เป็นนักเต้นแนวโมเดิร์นแดนซ์
สมาชิกในครอบครัวพูลแมนสนิทสนมกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะเวลาที่บิล ผู้เป็นพ่อ ไปถ่ายหนังในสถานที่ไกล ๆ อย่าง ฟินแลนด์ ปราก หรือพอร์ตแลนด์ เขาจะขนครอบครัวไปด้วย โดยจ้างครูมาสอนลูก ๆ ที่เรียนกันแบบโฮมสคูล
แม้แต่ในปัจจุบันที่ลูก ๆ ต่างโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ครอบครัวพูลแมนก็ยังคงมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ลูว์อิสเพิ่งถ่ายหนังเรื่อง Ann Lee เสร็จไปโดยมีผู้เป็นแม่เข้าไปให้ความช่วยเหลือในพาร์ทที่ต้องมีการเต้น ขณะที่พี่สาว Maesa ซึ่งเป็นนักดนตรีและครูสอนดนตรี เข้าไปช่วยดูแลเรื่องการร้องเพลงให้กับลูว์อิส ตามบทบาทที่ได้รับ
ลูว์อิสบอกว่าพ่อกับแม่เป็นคนปลูกฝังความคิดให้เขาว่า “คนเราไม่จำเป็นต้องเลือกอะไรเพียงอย่างเดียว” ดังนั้น เขาเลยเป็นทั้งมือกลอง ศิลปิน เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ (ตามสายงานที่เรียนมา) หรือแม้แต่ชาวไร่
แถมพอมาเป็นนักแสดงแล้ว ลูว์อิสบอกว่าอาชีพนี้ยังเปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อนมากมาย เช่น พายเรือ เล่นเซิร์ฟ ฯลฯ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยลืมสิ่งที่รักมาตั้งแต่เด็ก ลูว์อิสเล่าว่าหลังจากที่ถ่ายหนังเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้เดินทางกลับบ้านเป็นครั้งแรกในรอบสองเดือน พอไปถึง เขานั่งลงตีกลองติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 3 ชั่วโมง เพื่อปลดปล่อยบางอย่างออกมา
ลูว์อิส พูลแมนให้สัมภาษณ์นิตยสาร Numéro Netherlands เอาไว้ว่าสิ่งที่เขาทำเพื่อชาร์ตแบตให้ตัวเองคือ การอยู่กับครอบครัว เพื่อนฝูง เล่นกับหมา ไปมอนทานา ตีกลอง วาดรูป แล้วก็อ่านหนังสือ โดยเขาพยายามที่จะไม่ทำอะไรที่เกี่ยวกับหนังเลยในยามที่เขาไม่ได้กำลังถ่ายหนังอยู่
ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน (ฝีมือการแสดง)
ถึงแม้จะเคยเล่นละครโรงเรียน และหนังสั้นที่เพื่อน ๆ ทำมาบ้าง แต่สิ่งที่ลูว์อิสให้ความสำคัญมากที่สุดในวัยเด็กคือการตีกลองในวงดนตรี ส่วนเรื่องการเรียนนั้นเขายอมรับว่าไม่ค่อยถนัด แต่ก็ยังยอมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยตามที่พ่อแม่แนะนำ
ลูว์อิสบอกว่าปกติแล้วพ่อกับแม่จะปล่อยให้ลูก ๆ ตัดสินใจเลือกสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ดังนั้น การที่พวกท่านออกปากบอกให้เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงทำตามเพราะคิดว่าพวกท่านน่าจะมองเห็นประโยชน์จากสิ่งนี้จริงๆ ถึงบอกว่าควรทำ
พอเรียนจบจาก Warren Wilson มหาวิทยาลัยเล็ก ๆ ในแถบเทือกเขาบลูริดจ์ รัฐนอร์ธ แคโรไลนา ที่มีนักศึกษาเพียงแค่ไม่กี่ร้อยคน แถมการเรียนการสอนยังไม่เหมือนกับที่อื่น ลูว์อิสก็กลับมาแอลเอด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักแสดง ควบคู่ไปกับการทำเพลง และทำงานเพื่อสังคมตามที่ร่ำเรียนมา
ถึงแม้จะมีพ่อเป็นดาราใหญ่ มีบ้านอยู่ในย่านที่ไม่ไกลจากฮอลลีวู้ด แต่ลูว์อิส พูลแมนบอกว่าเขาเติบโตมาเป็นเด็กที่ขี้วิตก แล้วก็เข้าสังคมไม่เก่ง แทนที่จะทำตัวเป็น nepo baby อาศัยอิทธิพลพ่อเป็นใบเบิกทางเข้าสู่วงการ แต่ลูว์อิสกลับเลือกฝึกฝนทักษะการแสดงด้วยการรับเล่นหนัง และมิวสิควีดิโอที่เพื่อน ๆ เป็นคนทำ
“ผมตอบรับมันทุกอย่างเลยครับ ผมแค่อยากจะเล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าบทมันจะน่าอาย หรือดูเป็นตัวตลกต่ำต้อยแค่ไหนก็ตาม ผมว่ามันไม่สำคัญ ผมแค่ไม่อยากมองกล้อง (ถ่ายหนัง) เหมือนเป็นตัวร้าย แต่อยากมองมันเป็นเพื่อนมากกว่า”
ลูว์อิส พูลแมน ได้รับบทเด่นครั้งแรกในหนังปี 2018 เรื่อง Bad Times at the El Royale ของผู้กำกับ ดรูว์ กอดดาร์ด มันเป็นหนังสไตล์เควนติน ทารันติโน เรื่องราวเกิดขึ้นในโรงแรมโกโรโกโสแถบชายแดนรัฐเนวาดา-แคลิฟอร์เนีย เขารับบทเป็นพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรมที่ภายนอกดูสุภาพนอบน้อม แต่ภายในกลับมีความลับดำมืดซ่อนอยู่
ลูว์อิสได้รับเลือกเข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้เป็นคนสุดท้าย เพราะผู้กำกับไม่ถูกใจคนที่มาแคสบทนี้เลยจนกระทั่งมาเจอเขาที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกในเบื้องลึกของตัวละครออกมาได้
ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะทำรายได้ไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ลูว์อิสเป็นที่จับตามองของนักวิจารณ์ในฐานะดาราหน้าใหม่ที่ได้เล่นประกบกับนักแสดงระดับ เจฟฟ์ บริดเจส, คริส เฮมส์เวิร์ธ, จอน แฮมม์ แต่กลับไม่ถูกกลบจนไร้ซึ่งการจดจำ
ส่วนในภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์เรื่อง Top Gun: Maverick (2022) นั้น ลูว์อิส พูลแมนสนิทสนมกับเหล่านักแสดงหนุ่มสาวในเรื่องเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น เกลน พาวเวลล์, ไมลส์ เทลเลอร์, โมนิกา บาร์บาโร, เจย์ เอลลิส และแดนนี รามิเรซ
พวกเขาถ่ายหนังอยู่ด้วยกันร่วม 10 เดือน พอจบแล้วก็ยังสนิทกันอยู่ โดยเฉพาะกับแดนนี รามิเรซที่ขับรถไปกองถ่ายด้วยกัน แถมแดนนี่ยังตามมาพักอยู่ในเกสต์เฮาส์หลังบ้านลูว์อิสในแอลเออยู่พักหนึ่งด้วย
“พวกเราถูกดึงดูดเข้าหาลูว์เพราะว่าเขามีพลังซูเปอร์ฮีโรีอยู่ในตัว ความจริงใจของเขามันทำให้คนอื่นสามารถทำตัวจริงใจตามไปด้วยได้ มันทำให้เกิดไดนามิกที่งดงาม ที่ซึ่งไม่มีการตัดสินคนอื่น ผมรู้สึกว่าสามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่เวลาอยู่กับเขาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันเลยครับ”
แดนนี รามิเรซ กล่าว โดยเขาเองก็เล่นหนังมาร์เวลด้วยเช่นกันกับบท ฟอลคอน ต่อจากแซม วิลสัน ที่อัพเกรดไปเป็นกัปตันอเมริกาแทน
แดนนี่ รามิเรซ กับ ลูว์อิส พูลแมน
ถึงแม้ว่า Top Gun จะเป็นหนังที่ดังที่สุดที่เขาเล่น (ไม่นับ Thunderbolts* ที่เพิ่งเข้าฉาย) แต่บทบาทที่โดดเด่น และได้รับคำชมของลูว์อิส พูลแมนมาจากซีรีส์เสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Outer Range ทาง Amazon Prime ที่เขารับบท Rhett Abbott คาวบอยหนุ่มที่เป็นลูกชายของ จอช โบรลิน
ตามมาด้วยซีรีส์ทาง Apple TV เรื่อง Lessons in Chemistry ที่ลูว์อิสรับบทสามีผู้ฉลาดปราดเปรื่องแต่ติดจะเพี้ยน ๆ ของบรี ลาร์เซน บทนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเขาชิงรางวัลรางวัลเอ็มมี สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ประเภท Limited Series/Movie
บทนี้เกิดมาเพื่อน ‘ลูว์อิส พูลแมน’
ส่วนการมารับบท เซ็นทรี หรือ บ็อบ ใน Thunderbolts* นั้น จะเรียกว่ามันถูกกำหนดมาแล้วก็อาจจะเป็นได้ เพราะหนังเรื่องนี้เจอการประท้วงของ Writers Guild และ SAG-AFTRA เข้าไปทำให้การถ่ายทำต้องเลื่อนออกไปหลายครั้งจน สตีเฟน ยอน (Steven Yeun) ผู้ถูกวางตัวให้รับบทเซ็นทรีเป็นคนแรก ต้องถอนตัว เพราะคิวไปชนกับงานหนังเรื่องอื่นที่เขารับเอาไว้แล้ว
ด้วยความที่ต้องเก็บเป็นความลับขั้นสุด ตอนที่ลูว์อิส พูลแมนได้รับการติดต่อให้มารับบทบ็อบนั้น เขาไม่ได้รับอนุญาตให้อ่านบท Thunderbolts* ด้วยซ้ำ มีเพียงการรับฟังภาพรวมของเรื่องจากผู้กำกับ Jake Schreier
“ผมเล่าเรื่อง Thunderbolts* ให้เขาฟังเหมือนนิทานรอบกองไฟน่ะครับ สิ่งที่ผมพยายามอธิบายให้เขาฟังก็คือว่าพาร์ทที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่นั้นเป็นด้านที่น่าสนใจน้อยที่สุดของสิ่งที่ บ็อบ เป็น”
ผู้กำกับ Jake Schreier กล่าว
“มันเป็นตัวละครที่น่าสนใจมากที่สร้างโดย Paul Jenkins แล้วสิ่งที่เราพยายามทำกับมันก็คือ เราวางมันไว้ตรงกลางระหว่างความอหังการกับความสิ้นหวัง”
ทั้งนี้ ในหนังสือการ์ตูน ตัวละคร บ็อบ หรือ เซ็นทรี ถูกนักเขียนใช้สำรวจความป่วยทางจิต และการใช้ยาเสพติด ซึ่งแนวคิดนี้ก็ถูกถ่ายทอดมาสู่ภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน
“พอ Schreier (ผู้กำกับ) บรรยายตัวละครนี้ออกมา ผมแบบว่า นึกภาพตัวเองเล่นเป็นตัวละครอื่นของมาร์เวลไม่ออกอีกต่อไปเลยหละครับ ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีจุดอ่อนอยู่ที่ความหดหู่ และความบอบช้ำทางจิตใจของตัวเอง ผมคิดว่ามันมีความเป็นตัวผมอยู่ในนั้นไม่น้อยเลยหล่ะครับ”
การปรับตัวเพื่อเป็นซูเปอร์ฮีโร่
ถึงแม้จะผ่านการแสดงมาไม่น้อย แต่เมื่อต้องมาทำงานในกองถ่ายมาร์เวลที่ลูว์อิสบอกว่าไม่เหมือนที่ไหนในวงการบันเทิงเลย เขาจึงต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก และเรียนรู้ผ่านการสังเกต
“ผมกลัวเพราะว่ามันเหมือนการแสดงประกอบดนตรี เป็นรูปแบบของการเล่าเรื่องที่ต้องอาศัยทักษะเยอะมากในการทำให้มันดูเหมือนง่าย สิ่งที่ฟลอเรนซ์ พิวห์, เดวิด ฮาร์เบอร์, ไวแอตต์ รัสเซลล์ และทุกคนในหนังทำมันดูเหมือนง่าย แต่ผมพยายามแล้วมันยากโครต ๆ ผมก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือเปล่า”
ความพยายามที่ลูว์อิสพูดถึงนั้นคือพอเลิกกองตอน 3 ทุ่มครึ่ง เขายังไปออกกำลังกับเทรนเนอร์ต่อจนถึงเที่ยงคืน เพื่อให้ร่างกายดูแข็งแกร่งสมกับเป็น “ผู้ที่มีพลังเทียบเท่าดวงอาทิตย์ระเบิดล้านดวง” ตบท้ายด้วยการอ่านบทถึงตี 2 ก่อนจะตื่นนอนตอนตี 5 ครึ่งเพื่อเดินทางไปกองถ่ายต่อ
แล้วความพยายามเหล่านี้ก็พิสูจน์ออกมาให้เห็นในภาพยนตร์ Thunderbolts* ที่มีชื่อใหม่ว่า The New Avengers ที่รายได้ในไทยกำลังมุ่งหน้าสู่ 100 ล้านบาทแล้วเฉพาะในประเทศไทย หลังเข้าฉายได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
ส่วนผลงานใหม่ของลูว์อิส พูลแมนนั้นมีทั้งหนังมิวสิคัลดรามาเรื่อง Ann Lee ที่เขาเล่นประกบกับ อะแมนดา ไซเฟร็ด, หนังของ Netflix เรื่อง Remarkably Bright Creatures ที่เขาเล่นกับนักแสดงรุ่นใหญ่ แซลลี ฟิลด์ และปลาหมึกยักษ์
ตามด้วย The Avengers : Doomsday ที่เริ่มการถ่ายทำที่ลอนดอนกันไปแล้ว แต่ลูว์อิส พูลแมนยังไม่ได้ถูกเรียกตัวไปถ่าย
เขาบอกว่าไม่รู้ว่าบทของตัวเองจะเป็นยังไงเหมือนกัน แต่อย่างน้อยเขาหวังว่าจะได้เข้าฉากกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ผู้รับบท ด็อกเตอร์ดูม ซักฉาก เพราะ Iron Man ทำให้เขาตกหลุมรักมาร์เวล มันคงเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดสำหรับเขาเลยทีเดียว”
รับชมภาพยนตร์ Thunderbolts* ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
เรียบเรียงข้อมูลจาก GQ.com, USATODAY, Numéro Netherlands






