‘Guns N' Roses’ วงร็อคระดับตำนาน ที่ยืนหยัดในวงการกว่า 40 ปี

จุดเริ่มต้นของวง “Guns N' Roses” เกิดเริ่มต้นจาก การรวมตัวกันของวง “Hollywood Rose” ของ “แอ็กเซิล โรส” กับ “อิซซี สตราดิน” และวง “L.A. Guns” ซึ่งก่อตั้งโดย “เทรซี่ กันส์” โดยสมาชิกของวง Guns N' Roses มีการเปลี่ยนตัวหลายสิบครั้ง แต่สมาชิกรุ่นคลาสิกที่ทุกคนจดจำได้ประกอบไปด้วย แอ็กเซิล โรส, อิซซี สตราดิน, “สแลช”, ดัฟฟ์ แมคเคแกน, และ สตีเวน แอดเลอร์

“Appetite for Destruction” (1987) เป็นอัลบั้มแรกของวง แต่ถึงอัลบั้มนี้จะไม่ได้มีกระแสตอบรับที่ดีมากนัก เมื่อตอนที่ปล่อยอัลบั้มออกมา แต่ในปัจจุบันอัลบั้มเปิดตัวของวงกลับได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ร็อก โดยนิตยสาร Rolling Stone กล่าวว่าอัลบั้มนี้สร้างความปลี่ยนแปลงให้แก่วงการฮาร์ดร็อคในตอนนั้น

นอกจากนี้ มิวสิควิดีโอเพลง “Sweet Child O’ Mine” จากอัลบั้มนี้ยังเป็นมิวสิควิดีโอเพลงยุค 80 เพลงแรกที่มียอดเข้าชมมากกว่า 1,000 ล้านครั้ง 

Guns N' Roses เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลก จากอัลบั้ม “Use Your Illusion I” และ “Use Your Illusion II” ที่ออกมาในปี 1991 ทำยอดขายถล่มทลายและมีเพลงฮิตอย่าง “November Rain” และ “You Could Be Mine” พร้อมได้รับรางวัลมากมายจากเวทีต่าง ๆ เช่น American Music Awards และ MTV Video Music Awards

“Guns N' Roses ยังคงเป็นตัวอย่างของวงดนตรีที่สผลักดันให้ดนตรีร็อกก้าวไปข้างหน้า เมื่อคุณได้ยินเพลงของพวกเขา มันจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ และไม่ใช่ทุกคนที่แต่งเพลงแบบนี้ได้” โจ เพอร์รี มือกีตาร์ของ Aerosmith กล่าวไว้ในรายการ 100 Greatest Artists ของนิตยสาร Rolling Stone

ระหว่างปี 1991–1993 วง Guns N' Roses จัดทัวร์คอนเสิร์ต “Use Your Illusion Tour” ซึ่งครองสถิติทัวร์คอนเสิร์ตที่ยาวนานที่สุดทัวร์หนึ่งในประวัติศาสตร์ร็อกอีกด้วย ด้วยแสดงทั้งหมด 192 รอบใน 27 ประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ด้วยระยะเวลาทัวร์ที่ยาวนาน คอนเสิร์ตนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องการเกิดจลาจล เริ่มคอนเสิร์ตช้า และมีการยกเลิกคอนเสิร์ตอีกด้วย

ในปี 2001 Guns N' Roses เปิดทัวร์ชื่อว่า “Chinese Democracy” มีกำหนดการแสดง 3 รอบในสหรัฐอเมริกาและ 1 รอบในบราซิล ส่วนทัวร์ในปี 2002 มีกำหนดการแสดงในเอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรปบางรอบ

วงไม่ได้ทัวร์อีกเลย จนกระทั่งปี 2006 ที่เริ่มทัวร์อีกครั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย และยาวไปจนถึงปี 2007 ก่อนที่จะปล่อยอัลบั้มอัลบั้มชุดที่ 6 ในชื่อเดียวกันนี้ในปี 2008 จากนั้นทัวร์ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2011 ด้วยการแสดงทั้งหมด 239 รอบ มีผู้ชมทั้งหมดประมาณ 4,000,000 คน

ปัจจุบัน Guns N' Roses ทำยอดขายไปมากกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นวงที่ช่วยทำให้เพลงบัลลาดอันทรงพลังกลับคืนสู่ดนตรีแนวเฮฟวีเมทัล รวมถึงมีอิทธิพลต่อวงร็อกรุ่นหลังอีกหลายวง เช่น Fall Out Boy, Avenged Sevenfold, Nickelback และ The Strokes

ด้วยความรักในเสียงดนตรี ทำให้ Guns N' Roses สามารถยืนระยะอยู่ในวงการดนตรีมาได้นานกว่า 40 ปี แอ็กเซิล โรส นักร้องนำ Guns N' Roses กล่าวว่า วงมีแนวทางที่ชัดเจนเสมอมา และต้องการให้แฟนเพลงสัมผัสตัวตนของพวกเขา

“พวกเราทุกคนอยากให้ผู้คนตระหนักว่า เราได้เล่นในสิ่งที่เราอยากจะเล่นจริง ๆ ไม่ใช่การเล่นดนตรีเพื่อเอาอกเอาใจผู้อื่น ทั้งที่มันไม่ได้เป็นตัวของเราเลย นั่นแหละสิ่งที่พวกเราทำมาโดยตลอด” แอ็กเซิล โรสกล่าว

ส่วนดัฟฟ์ แมคเคแกน มือเบสแห่งวง Guns N' Roses กล่าวว่า “ผมรู้มาตลอดว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ผมรักที่สุด ถ้าถามว่าผมหาเลี้ยงชีพได้ด้วยการเล่นดนตรีหรือเปล่า? สำหรับผมมันเป็นคำถามที่ค่อนข้างตลกนะ เพราะดนตรีเป็นความหลงใหลของผม ถ้าผมจะยากจนเพราะการเล่นดนตรี ก็ปล่อยให้ผมจนเถอะ” 

ขณะที่ สแลช มือกีตาร์แห่งวง Guns N' Roses กล่าวไว้ว่า “การเป็นร็อกสตาร์ก็คือ การยืนอยู่บนทางแยกที่ระหว่างสิ่งที่คุณเป็นอยู่และคนที่คุณฝันใฝ่อยากจะเป็น สิ่งที่แย่ที่สุดในการอยู่วงดนตรีวงนี้ก็คือ ผมไม่มีเวลาว่างไปทำอะไรเลย รวมถึงเวลาในการใช้เงินที่หามาได้ด้วย” 

ด้วยความทุ่มเทขนาดนี้นี่เองที่ทำให้ Guns N' Roses ได้รับการยกย่องว่าเป็นวงร็อกที่แสดงสดได้ดีที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลกมาอย่างยาวนาน

Guns N' Roses จะกลับมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอีกครั้งใน “Guns N' Roses 2025 World Tour – Bangkok” #GNRBKK2025 ในวันอังคารที่ 13 พฤษภาคม 2568 นี้ เวลา 20:00 น. ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม 

ที่มา: Irish Star, The Concert