แก๊งหิมะเดือด วัยรุ่นตัวแสบกับภาระสุดฮา แกะสลักหิมะที่ญี่ปุ่น

แก๊งหิมะเดือด Frozen Hot Boys ทางเน็ตฟลิกซ์ แม้ไม่ใช่หนังมาแรง แต่เป็นหนังที่เกินคาดหมาย นั่นก็คือ สนุก ตลก ดราม่าในบางซีน ซึ้งและเศร้าบางจังหวะ ไม่เน้นขายฝัน 

แม้ผู้ใหญ่มากมายจะไม่ให้โอกาสหรือให้อภัยเยาวชนตีรันฟันแทง และไม่คิดว่าพวกเขาจะกลับตัวได้ แต่ก็มีผู้ใหญ่บางคนเข้าใจและให้โอกาส เลือกที่จะมองอีกมุม

นั่นก็คือ ธนกฤต กิตติอภิธาน ผู้กำกับรุ่นใหม่ที่คลุกคลีกับการทำหนังสั้นมานาน เลือกนำเสนอเรื่องราวของเยาวชนกระทำผิดกับโอกาสในชีวิต โดยนำการแข่งขันแกะสลักหิมะมาเป็นแกนหลักของเรื่อง

และเรื่องนี้ได้เป้-นฤบดี เวชกรรม จาก Low Season สุขสันต์วันโสด มาช่วยไกด์งานกำกับ ช่วยกันปรุงรสใหม่ให้หนังไทย

เรื่องมีอยู่ว่า ครูชมพู ครูสาวสอนศิลปะ(ณฐพร เตมีรักษ์) จากศูนย์ฝึกเยาวชนบ้านเบญจธรรมอยากไปเจอพ่ออีกครั้ง หลังจากพ่อย้ายไปอยู่เมืองซัปโปโร ญี่ปุ่น เธอพยายามโน้มน้าวเยาวชนที่กระทำความผิด แต่มีแววศิลปะ 

อย่างแจ๊บ คุก4 ที่หลายคนบอกว่า เกินเยียวยา (ณฐวัฒน์ ธนทวี เคยแสดงซีรีส์ บทเพื่อน บทเพลง Friend Forever The Series และภาพยนตร์หุ่นพยนต์),โจ เยาวชนหัวโจ๊ก(ศดานนท์ ดุรงคเวโรจน์ เคยรับบทโต้ง เด็กเนิร์ดในฉลาดเกมส์โกง)

และเพื่อนๆ อีกสองคน ร่วมทีมกัน โดยมีครูบอย เพื่อนครูชม (ตาต้า-ชาติชาย เคยรับบทเซียงในสัปเหร่อ )อีกแรงในการสนับสนุน เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักหิมะที่ญี่ปุ่น 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง...ทีมนักแกะสลักหิมะชาวไทยที่เคยคว้าชัยชนะในการแข่งขัน ที่เมืองซัปโปโรและฮาร์บิน ทั้งๆ ที่คนไทยอยู่เขตเมืองร้อน แต่สามารถชนะการแกะสลักหิมะได้ โดยทีมนักแสดงต้องเรียนรู้และฝึกแกะสลักน้ำแข็ง และทำออกมาได้ดีซะด้วย

รวมทั้งแต้ว-ณฐพร ก็แกะสลักน้ำแข็งได้  ซึ่งเรื่องนี้เธอรับบทต่างจากที่แสดงมาหลายเรื่อง และได้เห็นศักยภาพที่ทำออกมาได้ดี เป็นครูกวนๆ บางทีก็อ่อนโยน บางทีก็ก้าวร้าว แต่เข้าใจสิ่งที่เยาวชนกระทำเมื่อวัยรุ่นเลือดร้อนเหล่านี้ แทบมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง 

พวกเขาทั้งถูกเยาะเย้ย และชกต่อยทะเลาะกันในทีม แต่การแข่งขันแกะสลักหิมะเป็นโอกาสที่ไม่เคยมีใครหยิบยื่นให้ หลายคนไม่คิดว่า พวกเขาจะทำได้ มีเพียงครูชมเท่านั้นที่เชื่อมั่น

ฉากที่เปิดตัวป้าอัญ ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกเยาวชน แม่ของครูชม ทำให้นึกถึงป้ามล ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก

ซึ่งผู้กำกับก็ได้แรงบันดาลใจจากตรงนั้นมาทำหนัง จึงมีฉากกินหมูกระทะ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในบ้านกาญจนาภิเษก ป้ามลนำมาใช้ เพื่อให้เด็กมีความเชื่อใจ

ความบ้าดีเดือด และเพี๊ยนๆ ของครูชม ผสมโรงกับครูบอย แม้ไม่ตลกเต็มร้อย ก็ฮาได้ในบางช่วง และเส้นเรื่องมีความชัดเจนเรื่องปมในใจของเยาวชนที่กระทำผิด แต่หนังไม่ได้พาลงลึก ปมบางอย่างผู้ใหญ่ก่อให้เยาวชนวัยเดือดทนไม่ได้ และเข้าใจได้เลยว่า เวลาวัยรุ่นแค่มองหน้ากัน แล้วบอกว่า หาเรื่องหรือ...เป็นอย่างไร

เป็นหนังที่เล่าประเด็นสังคมได้สนุก ไม่ฟูมฟาย และเชื่อว่า การให้อภัย ไม่ควรปราศจากเหตุผล ชวนให้คิดต่อว่า ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป ในอดีตทำผิดพลาดไปแล้ว เมื่อแก้ไขไม่ได้ก็ยอมรับ และต่อไปก็เลือกทำสิ่งดีๆ

เหมือนที่ครูชมบอกว่า “ความผิดของเธอ มันเกิดขึ้นไปแล้ว มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ต้องไม่ลืมว่า เคยทำอะไรไว้ ก็สำนึกผิด และใช้ชีวิตต่อไปให้มันดีๆ " 

นี่คือ ซีนดราม่า แต่ยังมีซีนฮาๆ ทำให้หนังดูสนุก ไม่โลกสวยเกินไป

ลองไปดูเถอะ แล้วจะรู้ว่า หนังไทยดีๆ มีอยู่...