‘ไคลี่ มิโนก’ จัดคอนเสิร์ตที่ไทยในรอบ 14 ปี เสิร์ฟเพลงฮิตครบทุกยุค

“ไคลี่ มิโนก” กลับมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทย ในรอบ 14 ปี กับ “Kylie Minogue: Tension Tour 2025” เสิร์ฟเพลงฮิตครบทุกยุค
“ไคลี่ มิโนก” (Kylie Minogue) ศิลปินระดับตำนาน เจ้าของเพลงฮิตมากมายที่อยู่มาทุกยุค กลับมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทยใน “Kylie Minogue: Tension Tour 2025” ที่พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 ซึ่งในคราวนี้ขนเพลงฮิตมาให้แฟนเพลงฟังแบบจุใจ ให้สมกับที่รอคอยมายาวนานถึง 14 ปี
เริ่มต้นคอนเสิร์ตด้วย “Lights Camera Action” ซิงเกิลหลักจากอัลบั้มล่าสุด “Tension II” ทำเอาคนดูนั่งไม่ติดเก้าอี้ตั้งแต่เริ่ม ก่อนจะส่งเพลงฮิตมารัว ๆ ไม่ว่าจะเป็น “In Your Eyes” “Get Outta My Way” และ “What Do I Have to Do?”
แต่แค่นี้ยังไม่สะใจ ไคลี่เสิร์ฟเพลงแดนซ์ต่อเนื่องทั้ง “Come Into My World” “Good As Gone” และ “Spinning Around” เพลงฮิตที่ทุกคนสามารถร้องตามได้ทุกคน ก่อนที่จะทักทายผู้ชมเป็นภาษาไทย โดยกล่าวว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาที่ไทยอีกครั้ง ขณะนั้นเองเธอได้ไปเห็นผู้ชม 2 คนแต่งตัวได้น่ารักเป็นที่ประทับใจ จนไคลี่ได้เรียกให้ทั้งคู่ขึ้นมาบนเวที สร้างความประทับใจให้แก่คนทั้งฮอลล์กับความเป็นกันเอง
เข้าสู่องก์ที่ 2 ไคลี่มาในชุดสีแดงกับเพลง “On a Night Like This” เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมทั้งฮอลล์ ตามมาด้วย “last night i dreamt i fell in love” ซิงเกิลล่าสุดที่ทำร่วมกับ Alok ดีเจชาวบราซิล ถัดไปเป็นเพลงฮิตเพลงโปรดของใครหลายคน “Better the Devil You Know” “Shocked” และ “Things We Do for Love”
จากนั้นไคลี่พาทุกคนย้อนไปในยุค 80 กับเพลง “The Loco-Motion” และในเพลงนี้เองที่เธอได้เดินฝ่าฝูงชนขึ้นไปทำการแสดงต่อบน B-Stage เวทีที่อยู่กลางฮอลล์ พร้อมร้องเพลง “Hold On to Now” ส่วนเพลง “Where the Wild Roses Grow” ไคลี่มีกิมมิคเล็ก ๆ ด้วยการมอบดอกกุหลาบให้แฟนเพลง
เข้าสู่ช่วงแฟนรีเควสต์ ไคลี่ถามแฟน ๆ ว่าอยากฟังเพลงอะไร และร้องให้ฟังแบบสด ๆ ซึ่งแฟนชาวไทยได้เลือกเพลง “Please Stay” และ “I Should Be So Lucky” เพลงแจ้งเกิดของเธอ
จากนั้นไคลี่เล่าว่าเธอได้ทำอัลบั้ม “DISCO” ในช่วงที่เกิดโควิด ทำให้ไม่ได้โชว์เพลงจากอัลบั้มนี้ เธอจึงจัดเพลงในอัลบั้มนี้มาให้ฟังแบบจุใจ เริ่มต้นจาก “Say Something” ที่มีกลีบดอกไม้โปรยลงมาอย่างสวยงาม ต่อด้วย “Supernova” และ “Real Groove” ที่ไคลี่เดินกลับไปสู่เวทีหลัก พร้อมแสดงเพลง “Magic” และ “Where Does the DJ Go?” ต่อ ปิดช่วงของอัลบั้ม DISCO อย่างสวยงาม
ถัดไปเป็นคิวของเพลงเซ็กซี่อย่าง “Confide in Me” และ “Slow” โดยไคลี่ถอดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นชุดสีม่วงสดสะดุด ก่อนจะไปมันกันต่อในเพลง “Timebomb” และ “Edge of Saturday Night”
เข้าสู่องก์ 5 ด้วยเพลง “Tension” ชื่อเดียวกับทัวร์ในครั้งนี้ ตามมาด้วยเพลงชาติของเธออย่าง “Can't Get You Out of My Head” ที่เพียงแค่ขึ้นต้นมาว่า “LA LA LA” ก็ทำให้ทุกคนกรี๊ดอย่างสุดเสียง และร้องเพลงนี้อย่างสุดพลัง จากนั้นเป็นเพลง “All the Lovers” ที่เชิดชูสนับสนุนทุกความรักของทุกคน
หลังจากที่ไคลี่กลับเข้าหลังเวทีไปแล้ว แต่ทุกคนยังคงไม่ไปไหน ตะโกนเรียกชื่อไคลี่ เพื่อให้กลับขึ้นมาแสดงอังกอร์อีกครั้ง ซึ่งไคลี่ก็ไม่ปล่อยให้รอนานขึ้นมาแสดงเพลง “Padam Padam” เพลงสุดฮิตในหมู่ LGBTQ+ จนกลายเป็นหนึ่งในเพลงชาติ LGBTQ+ ยุคใหม่ และทำให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ด
ปิดท้ายด้วย “Love at First Sight” อีกเพลงความหมายดี ๆ ช่วยให้จบคอนเสิร์ตอย่างสมบูรณ์ ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม ไคลี่เสิร์ฟเพลงฮิตตลอดเส้นทางดนตรี 40 ปี และยังคงแรงดีไม่มีตกตั้งแต่ต้นยันจบคอนเสิร์ต แถมทักทายแฟนเพลงอย่างเป็นกันเอง คุ้มค่าการรอคอยกว่า 14 ปี จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงเป็นศิลปินที่คนทั่วโลกตกหลุมรัก อยู่มาได้ทุกยุค และยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากแฟนเพลงเสมอมา