‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

เมื่อผู้กำกับที่เคยเป็นสตันท์แมนมาก่อน โดดมาทำหนัง ‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ บวกเคมีที่เข้ากันของนักแสดงยอดฝีมือ ‘ไรอัน กอสลิง’ และ ‘เอมิลี่ บลันท์’ สิ่งที่ได้คือส่วนผสมที่แปลกใหม่และลงตัวในการเป็น ‘หนังรัก + หนังแอ็กชัน’ ที่ทำถึงทั้งสองด้าน

ถ้าพิจารณาจากเฉพาะชื่อเรื่อง ‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ เชื่อว่าคนร้อยทั้งร้อยต้องคิดว่ามันคือหนังบู๊แอ็กชัน ประเภทระเบิดภูเขาเผากระท่อมให้มันวินาศสันตะโรอย่างแน่นอน ซึ่งจะบอกว่าก็ไม่ผิด เพียงแต่ว่าไม่ถูกต้องทั้งหมดเท่านั้นเอง

เพราะเส้นเรื่องของ ‘THE FALL GUY’ พูดถึง ‘ความรัก’ ที่ ‘สตันท์แมน’ ผู้เก่งกาจชนิดหาตัวจับได้ยากคนหนึ่งมีต่อผู้หญิงที่เพิ่งได้รับโอกาสให้เป็นผู้กำกับหนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรกในชีวิต มันก็เลยเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อระหว่างหนังรักโรแมนติก และหนังบู๊ล้างผลาญที่ทำได้ถึงทั้งสองด้าน

 

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

นอกเหนือ เดวิด ลิตช์ ผู้กำกับบล็อกบัสเตอร์เจ้าของผลงานอย่าง Bullet Train, Deadpool 2, Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw แล้วก็ต้องยกเครดิตให้เหล่านักแสดงสุดยอดฝีมืออย่าง ไรอัน กอสลิง และ เอมิลี่ บลันท์ ผู้รับบทพระนาง

เสริมทัพด้วย วินสตัน ดุ๊ค, แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน และน้องหมา ฌอง คลอด ที่เล่นกันได้สมบทบาททุกตัวละคร จนทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก

 

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

ชีวิต ‘สตันท์แมน’ ฮีโร่ผู้ปิดทองหลังพระ

‘THE FALL GUY’ เป็นเรื่องราวของ ‘โคลท์ ซีเวอร์ส’ สตันท์แมนผู้มีชีวิตไม่ต่างจากทุกคนในสาขาอาชีพเดียวกันกับเขานั่นแหละ

 

พวกเขาถูกไฟเผส โดนระเบิด โดนยิง โดนชน โดนเหวี่ยงทะลุหน้าต่างตกจากที่สูงเสียดฟ้า ขับรถพลิกคว่ำ 8 ตลบ แต่ก็ยังต้องฝืนยิ้ม ยกนิ้วโป้งเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่เป็นไร เพื่อให้การถ่ายทำดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

 

แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุเฉียดตาย ‘โคลต์’ ที่คิดวางมือจากการเป็นสตันท์ก็ตัดสินใจกลับมายังกองถ่ายอีกครั้งเพื่อตามหาพระเอกคนดังที่หายตัวไป พร้อมกับพยายามเอาชนะใจคนรักของเขาที่ตอนนี้เธอก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับหนังฟอร์มยักษ์อย่างเต็มตัวแล้ว

 

 

จากพล็อตเรื่องดังกล่าว คงไม่มีใครเหมาะที่จะทำหนังเรื่องนี้ไปกว่าอดีตสตันท์แมนตัวจริงเสียงจริงอย่าง ‘เดวิด ลิตช์’ อีกแล้ว

นั่นเพราะ ‘The Fall Guy’ มีความเป็นตัวเขามากที่สุด เหนือกว่าผลงานเรื่องอื่น ๆ ที่เคยกำกับมา รวมไปถึงหนังที่ไปรับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างอย่าง John Wick อีกด้วย

‘เดวิด ลิตช์’ ที่ทำงานสตันท์มาร่วม 20 ปี ยังเคยเป็นนักแสดงแทนให้กับแบรด พิตต์ใน Fight Club ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถสังเกตแนวทางการถ่ายทำที่ประณีตของผู้กำกับชั้นเซียนอย่าง เดวิด ฟินเชอร์ ได้อย่างใกล้ชิด

 

“ในฐานะนักแสดงสตันท์ ผมได้รับอภิสิทธิ์ในการได้ดูและเรียนรู้โดยที่ไม่มีใครไล่ผมออกจากกองถ่าย ตอนที่ผมได้ดูฟินเชอร์ทำงาน ผมก็เริ่มติดใจกระบวนการถ่ายทำ แล้วพอมาทำงานในฐานะสตันท์ต่อ ผมก็เริ่มทำงานถ่ายทำไปด้วยพร้อม ๆ กัน

ผมถ่ายทำหนังสั้น ตัดต่อมันแล้วก็ให้ความสำคัญกับการออกแบบท่าเคลื่อนไหว การถ่ายทำ และการนำเสนอซีเควนซ์แอ็กชันให้เป็นเรื่องราวที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสำหรับผู้กำกับ นั่นคือการเปลี่ยนแปลงของผมจากการแสดงสตันท์ไปสู่การออกแบบแอ็กชันและการออกแบบท่าเคลื่อนไหวครับ”

 

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

 

แต่ลิตช์ฝันไกลไปถึงการเป็นผู้กำกับ ซึ่งโอกาสในฐานะผู้กำกับยูนิทที่สองมาถึงเขาด้วย John Wick ที่แม้ว่าเครดิตผู้กำกับอย่างเป็นทางการจะตกเป็นของแช็ด สตาเฮลสกี้ ตามหลักการของสมาพันธ์ผู้กำกับ แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันในวงกว้างว่าลิตช์เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ร่วมกับสตาเฮลสกี้

 

นับตั้งแต่นั้นมา ลิตช์ก็ได้กำกับภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลายทั่วโลกหลายเรื่อง เช่น Bullet Train, Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw, Deadpool 2 และ Atomic Blonde ตามมาด้วยการก่อตั้ง 87นอร์ธ โปรดักชันส์ บริษัทออกแบบแอ็กชันและงานสร้างระดับโลกที่สร้างภาพยนตร์ที่ทำรายได้รวมกันกว่า 2.9 พันล้านเหรียญในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี

 

แต่ถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในฐานะผู้กำกับแค่ไหน ลิตช์ก็ยังคงมีความผูกพันกับรากเหง้าของเขา นั่นคือ การเป็น ‘สตันท์แมน’ อย่างลึกซึ้ง ทำให้เมื่อได้รับการทาบทามให้กำกับ The Fall Guy ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซีรีส์ขึ้นหิ้งคัลท์คลาสสิกในยุค 1980 เขาจึงไม่ลังเลใจ

 

อย่างไรก็ตามนอกจากจะแสดงความเคารพต่อซีรีส์ต้นฉบับแล้ว The Fall Guy เวอร์ชั่นภาพยนตร์มีการปรับปรุงเส้นเรื่อง และใส่ความเป็นตัวของตัวเองเข้าไปมากขึ้น โดยมือเขียนบท ‘ดรูว์ เพียร์ซ’ บอกว่าเตรียมเอาไว้สองเวอร์ชันคือ หนังฟอร์มยักษ์แบบ Mission Impossible กับเวอร์ชันที่แทบจะเป็นฟิล์มนัวร์ แต่ก็ยังมีงานสตันท์แบบยิ่งใหญ่

 

บทนี้ต้อง ‘ไรอัน กอสลิง’ เท่านั้น

ในส่วนของนักแสดงนำ ‘โคลท์ ซีเวอร์ส’ เป็นบทที่ต้องอาศัยเสน่ห์น่าหลงใหล และพรสวรรค์ที่หาตัวจับยาก โดยทีมงานตั้งใจหาคนที่ไม่เพียงแค่สวมบทตัวละครตัวนี้ได้เท่านั้น แต่ต้องมีส่วนร่วมในการขัดเกลาแก่นของเรื่องราวนี้ได้ด้วย

 

และเขาคนนั้นก็คือ ‘ไรอัน กอสลิง’ ที่มีผลงานมากมายเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงเสน่ห์ดึงดูดใจ และความสามารถรอบด้านของเขาในการสวมบทบาทต่าง ๆ ได้อย่างแนบเนียน

 

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

 

“สำหรับผม โอกาสในการได้ร่วมงานกับเดวิด ลิตช์เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมาก ๆ เพราะผมเป็นแฟนหนังของเขา แล้วการที่เขาเป็นนักแสดงสตันท์ที่สร้างหนังเกี่ยวกับแวดวงสตันท์ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ” กอสลิงกล่าว

 

“การสร้างหนังแอ็กชันภายในโลกของคนที่สร้างหนังแอ็กชันให้ความรู้สึกสมจริงเหลือเกิน เพราะพวกเขาเป็นคนกลุ่มเดียวที่รู้ว่าจะทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นให้สำเร็จได้ยังไง หนึ่งในงานแสดงครั้งแรก ๆ ของผมคือซีรีส์แอ็กชันสำหรับเด็กที่ชื่อว่า Young Hercules ผมก็เลยมีสตันท์ ดับเบิลเกือบตลอด

จากประสบการณ์ที่ผมมีกับสตันท์ ดับเบิล พวกเขาจะเข้ามาทำอะไรเจ๋ง ๆ ที่เสี่ยงอันตราย ก่อนจะหายตัวไปในเงามืด แล้วนักแสดงก็จะได้รับเครดิตจากสิ่งที่พวกเขาทำ ดังนั้น มันก็เลยเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ฉายสปอตไลท์กลับไปหาพวกเขา และเน้นให้เห็นถึงสิ่งเหลือเชื่อทั้งหลายทั้งปวงที่พวกเขาทำ และความเสี่ยงที่พวกเขาต้องเผชิญในการทำสิ่งเหล่านั้นน่ะครับ”

 

จาก ‘หนังบู๊’ สู่ ‘หนังรัก’

ร่างแรก ๆ ของ The Fall Guy นั้นแตกต่างอย่างมากจากภาพยนตร์ฉบับสมบูรณ์ที่เราเห็นบนหน้าจอ

 

“วิสัยทัศน์เริ่มแรกของเราคือการเล่าเรื่องราวของพระเอกชนชั้นแรงงาน ประมาณร็อคกี้ ที่ไม่เพียงแต่จะสามารถทนต่อแรงต่อยได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนหยัดครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากถูกต่อยจนร่วงลงไปได้ด้วย” คาซาดี้กล่าว

 

“แต่พอเราพัฒนาเรื่องราวลึกลงไปเรื่อย ๆ โทนของเรื่องก็เปลี่ยนไปในลักษณะที่สนุกสนานและตลกขบขันมากขึ้น ไรอันฉลาด และมีสัญชาตญาณเฉียบคมอย่างเหลือเชื่อ สัญชาตญาณที่เขามีเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการหล่อหลอมทิศทางของหนังเรื่องนี้ และส่งผลให้เราคิดเรื่องราวที่สร้างความบันเทิงและแปลกใหม่ยิ่งกว่าเดิมอีกครับ”

 

นั่นคือ เรื่องราวความรักอันลึกซึ้งที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาโดย ‘ไรอัน กอสลิง’ มีบทบาทสำคัญในจุดนี้

 

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’ ‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

 

การเข้าถึงตัวละคร ‘โคลท์ ซีเวอร์ส’ อย่างแท้จริงทำให้นักแสดงที่มีสัญชาติญาณการแสดงอันยอดเยี่ยมอย่างไรอันสัมผัสได้ว่าการนำเส้นเรื่อง ‘รักแท้’ มาใช้ สร้างความหนักแน่นให้กับเรื่องราวทั้งหมด และทำให้หนังมันน่าติดตามเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

ประกอบกับตัวไรอัน กอสลิงเองก็มีฝีมือมากพอที่จะถ่ายทอด ‘ความรักลึกซึ้ง’ ของสตันท์แมนผู้ต่ำต้อย ที่มีต่อผู้กำกับสาวออกมาบนหน้าจอ ยิ่งเมื่อได้มาปะทะฝีมือกับนักแสดงที่มีความสามารถ มีเสน่ห์ และที่สำคัญคือเคมีเข้ากันสุด ๆ อย่าง ‘เอมิลี บลันท์’ ด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้ The Fall Guy มีความโดดเด่นในแบบที่ไม่เหมือนใคร

 

จดหมายรักถึง ‘สตันท์แมน’ และทีมงานเบื้องหลัง

ผู้อำนวยการสร้าง ‘เคลลี แม็คคอร์มิค’ พูดถึงการทำหนัง The Fall Guy ว่าไม่เพียงแต่เป็นโอกาสให้ได้ยกย่องวงการสตันท์เท่านั้น แต่ยังเป็นการดึงความสนใจไปยังเหล่าคนทำงานเบื้องหลังและมีบทบาทสำคัญในกระบวนการถ่ายทำด้วย

 

“เรามองเห็นคุณค่าของการร่วมมือเหล่านี้ และเป็นวิธีที่เราจะแสดงความเคารพต่อวงการหนังและทีมงานที่วิเศษสุดที่เราเคยร่วมงานด้วยในทั่วโลกค่ะ”

 

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

 

“พวกเขาเป็นคนที่ตกจากหลังม้า มอเตอร์ไซค์ หรือขั้นบันไดครับ” ลิตช์กล่าว “แต่ในหนังของเรา เราให้ความหมายที่กว้างขึ้นกับคำคำนี้ แพะของเราไม่ได้เป็นเพียงแค่สตันท์แมนที่เจ็บตัวเพื่อการถ่ายทำเท่านั้น แต่เขาเป็นคนที่ต้องยอมรับผิดในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำด้วย นอกจากนั้น เขายังเป็นคนที่ตกหลุมรัก และเต็มใจที่จะเสี่ยงทุกอย่างเพื่อกอบกู้ชีวิตรักของเขากลับคืนมาอีกด้วยครับ”

 

สำหรับผู้กำกับ เดวิด ลิตช์ แล้ว The Fall Guy เป็นมากกว่างานถ่ายทำ

 

“สำหรับผมแล้ว The Fall Guy เป็นจดหมายรักสำหรับนักแสดงและวีรบุรุษที่ไม่ได้รับการสรรเสริญแห่งวงการหนัง เหล่าช่างฝีมือมากฝีมือและพรสวรรค์ ผู้อุทิศความรักและความทุ่มเทของพวกเขาให้กับศิลปะการถ่ายทำ มันเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ออกแบบงานสร้าง ผู้กำกับภาพ ช่างเทคนิค ช่างไฟ ผู้ช่วยกองถ่าย ผู้ช่วยผู้กำกับและทุกคนที่ทุ่มเททั้งหัวใจและจิตวิญญาณให้กับการร่ายเวทมนตร์การเล่าเรื่องบนหน้าจอ

โปรเจ็กต์นี้มีพื้นที่พิเศษในใจของผมเพราะมันได้ร้อยเรียงเหตุการณ์ในชีวิตจริงจากการเดินทางของผมในฐานะนักแสดงสตันท์และสมาชิกทีมงานถ่ายทำเข้าไปครับ”

 

ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ เข้าฉาย 25 เมษายน 2567 นี้ในโรงภาพยนตร์

 

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’ ‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’ ‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’

‘THE FALL GUY สตันท์แมนคนจริง’ ทำถึงทั้งความเป็น ‘หนังรัก’ และ ‘หนังแอ็กชัน’