‘คนไทย’ อินหนัง ‘Barbie’ เกินคาด เปิด 5 เหตุผล เบื้องหลังความดัง

‘คนไทย’ อินหนัง ‘Barbie’ เกินคาด เปิด 5 เหตุผล เบื้องหลังความดัง

เปิด 5 เหตุผลที่ทำให้หนัง “บาร์บี้” (Barbie) มีกระแสในประเทศไทย แม้ไม่มี “วัฒนธรรมบาร์บี้” เข้มข้นเหมือนชาติตะวันตก

กระแส “บาร์บี้” (Barbie) มาแรงในประเทศไทย กวาดรายได้จากการเข้าฉายสัปดาห์แรกไปแล้ว 16.3 ล้านบาท (20-23 ก.ค. 2566) และได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากผู้ชมเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก เพราะดูเหมือนว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าถึงกับ “วัฒนธรรมบาร์บี้” เหมือนกับประเทศตะวันตก และ ราคาของ “ตุ๊กตาบาร์บี้” ในไทยก็ใช่ว่าจะถูกจนทุกคนเข้าถึงได้ 

กรุงเทพธุรกิจ ได้สำรวจความเห็นของผู้ชมและสาเหตุที่ทำให้ ภาพยนตร์เรื่อง “บาร์บี้” กลายเป็นที่พูดถึงและทำรายได้ในไทยได้มากจนขึ้นอันดับที่ 2 ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ของ บ็อกซ์ออฟฟิศประเทศไทย (Thailand Box Office)

‘คนไทย’ อินหนัง ‘Barbie’ เกินคาด เปิด 5 เหตุผล เบื้องหลังความดัง

1. คุ้นเคยกับบาร์บี้

เมื่อพูดถึงของเล่นของผู้หญิง เกือบทุกคนจะต้องคิดถึงบาร์บี้เป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะบาร์บี้วางขายมาแล้วกว่า 60 ปี และยังคงขายดีมากจนถึงปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลของ Mattel ผู้ผลิตของเล่นและตุ๊กตาขวัญใจเด็กหญิงทั้งโลก ระบุว่า ในปีที่ผ่านมาบาร์บี้ทำยอดขายไปได้ถึง 1,500 ล้านดอลลาร์

ถึงคนไทยส่วนใหญ่จะไม่ได้เล่นตุ๊กตาบาร์บี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่บาร์บี้ไม่ได้มีแค่ของเล่นเท่านั้น วัยรุ่นไทยหลาย ๆ คนเติบโตมากับภาพยนตร์แอนิเมชันบาร์บี้ที่เริ่มออกฉายมาตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปัจจุบันทำออกมาแล้วถึง 42 ภาค ซึ่งแต่ละภาคมีเนื้อหาที่สนุกสนาน ช่วยเติมเต็มจินตนาการของเด็กได้เป็นอย่างดี พร้อมสอดแทรกแนวคิดการมองเห็นคุณค่าในตนเองเอาไว้เสมอ

คุณภาพด้านงานภาพของแอนิเมชัน 3 มิติบาร์บี้จะสู้งานสร้างของสตูดิโอชื่อดังในวงการฮอลลีวู้ดได้ แต่แฟชั่นเครื่องแต่งกายเวอร์วังอลังการ จัดหนักจัดเต็ม จริตของบาร์บี้ ความฟรุ้งฟริ้งของตัวละคร รวมถึงการแปลงร่างเปลี่ยนชุด ก็เป็นจุดเด่นที่โดนใจผู้ชมไม่ว่าจะเป็นวัยใดหรือเพศใดก็ตาม

เมื่อโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากยิ่ง ถึงจะเป็นคนที่ไม่ได้สนใจบาร์บี้ แต่ก็คงต้องเห็น “มีม” จากแอนิเมชันบาร์บี้ผ่านตากันมาบ้าง จึงไม่แปลกที่ชื่อบาร์บี้จะเป็นที่คุ้นหูของคนไทย

‘คนไทย’ อินหนัง ‘Barbie’ เกินคาด เปิด 5 เหตุผล เบื้องหลังความดัง

 

2. หน้าหนังที่ดึงดูด

เทรลเลอร์ของภาพยนตร์บาร์บี้กระตุ้นความอยากดูให้แก่ผู้ชมด้วย “บาร์บี้แลนด์” เมืองของบาร์บี้ที่เต็มไปด้วยสีพาสเทล และโดดเด่นด้วยสีชมพูสดใสซึ่งเป็นสีประจำตัวของบาร์บี้ มาพร้อมกับองค์ประกอบศิลป์ที่ละเอียดและสวยงามทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า ตลอดจนบ้านเมืองที่จำลองมาจากของเล่น ทำให้ผู้ชมหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของตุ๊กตาจริง ๆ 

นอกจากงานสร้างที่สมจริงแล้ว หนังเรื่องนี้ยังได้นักแสดงเจ้าบทบาทที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์มารับบทนำอีกด้วย ทั้ง “มาร์โก รอบบี” นักแสดงที่โด่งดังมาจากบท “ฮาร์ลี ควินน์” ยังมาสวมบทบาทเป็นบาร์บี้ได้อย่างลงตัว ขณะที่ “ไรอัน กลอสลิง” นักแสดงแถวหน้าของวงการ มาสวมบทเป็น “เคน” ตุ๊กตาเพื่อนชายของบาร์บี้ และยังจัดเต็มด้วยนักแสดงที่มีชื่อเสียงนับสิบชีวิตที่มาสร้างสีสันให้แก่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมอยากรู้ว่าเนื้อเรื่องจากเป็นอย่างไร เพราะรายชื่อนักแสดงในเรื่องนี้ล้วน “ไม่ธรรมดา” ทั้งสิ้น

3. ประเด็นทางสังคม

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงการผจญภัยของบาร์บี้ระหว่างโลกแฟนตาซีและโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งดูเผิน ๆ แล้วอาจจะคิดว่าเป็นหนังเด็ก แต่ความเป็นจริงแล้วบาร์บี้สอดแทรกประเด็นทางสังคมเอาไว้มากกว่านั้น ในฐานะนักแสดงนำและโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ มาร์โก ร็อบบี้ ให้สัมภาษณ์ว่า บาร์บี้ เป็นหนังเฟมินิสต์ แสดงให้เห็นสังคมที่ผู้หญิงเป็นใหญ่ ส่วนผู้ชายเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ หรือเครื่องประดับเท่านั้น ตรงกันข้ามโลกแห่งความเป็นจริง ที่ยังคงอยู่ในรูปแบบของปิตาธิปไตย เห็นได้จากโปสเตอร์ของภาพยนตร์ที่มีข้อความว่า “She’s everthing, He’s just Ken” (เธอคือทุกอย่าง เขาเป็นแค่เคน) 

เมื่อภาพยนตร์เข้าฉาย กระแสรีวิวจึงแตกออกเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน ผู้หญิง กลุ่ม LGBTQ+ และผู้ชายที่ตระหนักถึงความเท่าเทียม ส่วนใหญ่จะชื่นชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะบาร์บี้สามารถเล่าแนวคิดปิตาธิปไตยออกมาให้เข้าใจง่าย แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ “ผู้ชาย” เองก็ได้รับผลกระทบจากแนวคิดนี้ อีกทั้งยังพูดถึงเรื่องคุณค่าในตนเอง (Self-Awareness) และความสงสัยในตนเอง (Self-Doubt) ความไม่สมบูรณ์แบบในมนุษย์

ขณะที่กลุ่ม “ชายแท้” มักจะ “ไม่อิน” กับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยให้เหตุผลว่ารับไม่ได้ที่ทำให้ผู้ชายกลายเป็นตัวตลก อ่อนแอ ไม่เป็นผู้นำ หน่อมแน้ม และมองว่ายัดเยียดความเท่าเทียมมากเกินไป หรือที่เรียกว่า Woke จึงทำให้หลายคนอยากไปพิสูจน์ด้วยตาตนเองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่

นอกจากนี้ยังมีการจิกกัดวัฒนธรรมร่วมสมัย บริษัทผู้ผลิต หรือแม้แต่ตัวบาร์บี้เองแบบแสบ ๆ คัน ๆ อีกด้วย แถมยังซ่อน Easter Egg ตัวละครลับ หรือ สัญญะเกี่ยวกับบาร์บี้ไว้หลากหลายจุด ที่จะทำให้แฟนบาร์บี้เบิกบานใจอีกด้วย

‘คนไทย’ อินหนัง ‘Barbie’ เกินคาด เปิด 5 เหตุผล เบื้องหลังความดัง

 

4. ผู้กำกับมากความสามารถ

เกรตา เกอร์วิค (Greta Gerwig) เป็นผู้กำกับหญิงมากความสามารถที่มีผลงานระดับมาสเตอร์พีซอย่าง “Lady Bird” (2017) ภาพยนตร์แนวก้าวข้ามวัย (Coming of Age) และ “Little Women” (2019) ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมอมตะของโลกในชื่อเดียวกัน ภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องได้รับคำวิจารณ์ในทางบวกเป็นอย่างมากและสามารถพาเกอร์วิค เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้ 

ดังนั้นเมื่อแฟนหนังของเกอร์วิค รู้ว่าเธอกำลังจะสร้างภาพยนตร์บาร์บี้ จึงตั้งหน้าตั้งตารอคอย และรู้ได้ทันทีว่าภาพยนตร์บาร์บี้ที่ใช้คนแสดงจริงจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

 

5. โปรโมตสุดอลังการ

แม้ว่าบาร์บี้จะเป็นที่รู้จัก มีนักแสดงและผู้กำกับที่เรียกคนดูได้อยู่แล้ว แต่ Warner Bros. Pictures สตูดิโอผู้สร้าง ยอมทุ่มงบประมาณถึง 150 ล้านดอลลาร์ในการโปรโมตบาร์บี้ ซึ่งมากกว่าทุนสร้างหนังเรื่องนี้ที่ 145 ล้านดอลลาร์ด้วยซ้ำ โดยแคมเปญการตลาดหลัก ๆ ของบาร์บี้ประกอบไปด้วย 

  • เว็บไซต์เอไอที่ให้ผู้ใช้สามารถนำภาพของตัวเองไปทำเป็นโปสเตอร์สีสันสดใสสไตล์บาร์บี้ 
  • เปิดบ้านพักสีชมพูสดให้เช่าผ่าน AirBnB ในชื่อว่า “Barbie's Malibu DreamHouse”
  • ติดโฆษณาบนระบบขนส่งมวลชนในหลายประเทศทั่วโลก เช่น บนเครื่องบิน, รถประจำทางในอังกฤษ (London Bus)
  • ออกสินค้าพิเศษมากมาย

‘คนไทย’ อินหนัง ‘Barbie’ เกินคาด เปิด 5 เหตุผล เบื้องหลังความดัง

สำหรับในประเทศไทยนั้น มีมุมให้ถ่ายภาพตามโรงภาพยนตร์ ซึ่งมีทั้งกล่องบาร์บี้ขนาดเท่าคน และรถยนต์บาร์บี้ให้ได้สวมวิญญาณเป็นบาร์บี้หรือเคน ทำให้เกิดกระแสแต่งตัวสีชมพูเพื่อไปดูบาร์บี้ พร้อมมีโปรโมชันตั๋วราคาถูกและของแถมพิเศษ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่โรงภาพยนตร์

27 ก.ค. นับเป็นเข้าสู่การฉายในสัปดาห์ที่ 2 ของบาร์บี้ ยังคงยืนโรงได้อย่างต่อเนื่อง มีรอบฉายเท่ากับสัปดาห์ก่อน ขณะที่รายได้รวมทั่วโลกกำลังทะยานเข้าสู่หลักพันล้าน นอกจากรายได้จะดีแล้ว ยังได้คะแนนจากนักวิจารณ์ในระดับดี และสื่อหลายสำนักยังคาดว่าบาร์บี้จะได้เข้าชิงรางวัลออสการ์อีกด้วย แต่สุดท้ายแล้วการจะตัดสินว่าภาพยนตร์แต่ละเรื่องดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความคิดของแต่ละคนด้วยการรับชมด้วยสายตาตนเอง


ที่มา: EntrepreneurInsiderThailand Boxoffice

‘คนไทย’ อินหนัง ‘Barbie’ เกินคาด เปิด 5 เหตุผล เบื้องหลังความดัง