ปาของขึ้นเวที เรียกร้องความสนใจจากศิลปิน เทรนด์อันตรายที่ควรหยุด

ปาของขึ้นเวที เรียกร้องความสนใจจากศิลปิน เทรนด์อันตรายที่ควรหยุด

อยู่ดี ๆ การปาของใส่ศิลปินบนเวที กลายเป็นเทรนด์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ศิลปินตะวันตกหลายคนโดนทำร้ายจนต้องเย็บแผล แต่ดูเหมือนว่าผู้ชมจะไม่สำนึกยังคงทำต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญเผยทำไปเพราะความคึกคะนอง และเรียกร้องความสนใจ ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่ให้เกียรติศิลปิน

Key Points:

  • ศิลปินระดับโลก เช่น แฮร์รี สไตล์ส, ลิล นาส เอ็กซ์, พิงก์โดนแฟนเพลงปาของใส่แปลกใส่ขณะที่ทำการแสดงบนเวที ขณะที่ บีบี เร็กซา ต้องเย็บคิ้ว 3 เข็มหลังจากโดนมือดีปาโทรศัพท์มือถือใส่เบ้าตาเต็ม ๆ
  • เทรนด์ปาของใส่ศิลปิน กลายเป็นที่นิยมในช่วงหลังโควิด เนื่องจากแฟนเพลงต้องการเรียกร้องความสนใจจากศิลปิน และอยากเป็นไวรัลในโลกโซเชียล
  • ผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่าพฤติกรรมการขว้างปาสิ่งของจะยังไม่หายไปในเร็ววันนี้ แม้ศิลปินจะยกระดับความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

 

เมื่อศิลปิน K-POP ทำการแสดงเพลงสุดท้ายในคอนเสิร์ต แฟนคลับหลายวงมักจะโยนตุ๊กตาตัวโปรดหรือจดหมายขึ้นไปบนเวทีเพื่อเป็นตัวแทนความรักที่พวกเขามีให้กับศิลปิน ขณะที่ศิลปินไทยมักจะมีช่วงเวลาให้แฟนเพลงได้มอบพวงมาลัยให้นักร้องขวัญใจจนกลายเป็นธรรมเนียมมาถึงปัจจุบัน และศิลปินหลายคนเริ่มได้รับ “ของฝาก” แปลกขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ทุเรียน ครก หมูหัน หรือชุดสังฆทาน จนถึงจูง "วัว" มาให้ ก็เคยมีให้เห็นมาแล้ว

แต่สิ่งที่ศิลปินไทยและ K-POP ได้รับนั้นยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ศิลปินตะวันตกระดับโลกต้องรับมือกับแฟนเพลงที่โยนขึ้นมาบนเวทีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะเป็น “ลิล นาส เอ็กซ์” (Lil Nas X) แร็ปเปอร์ชาวอเมริกันเกือบโดนดิลโด้ เซ็กซ์ทอยฟาดเข้าหน้า ระหว่างทำการแสดงอยู่บนเวที ส่วน “พิงก์” (P!NK) นักร้องดีว่าได้รับถุงบรรจุอัฐิของแม่แฟนเพลงเป็นของขวัญ จนเจ้าตัวทำหน้าไม่ถูก

ด้าน “บีบี เร็กซา” (Bebe Rexha) นักร้องดังแห่งยุคต้องรีบพาส่งเข้าโรงพยาบาลด่วน หลังจากโดนโทรศัพท์มือถือลอยเข้าเบ้าตาอย่างจัง จนต้องเย็บแผลไปถึง 3 เข็ม โดยแฟนเพลงมือขว้างสารภาพว่าทำไปเพราะคิดว่ามันคงจะตลกดี แต่ไม่มีใครตลกกับความคึกคะนองของเขา แถมโดนจับอีกด้วย

ปาของขึ้นเวที เรียกร้องความสนใจจากศิลปิน เทรนด์อันตรายที่ควรหยุด ลิล นาซ เอ็กซ์ ศิลปินที่โดนปาเซ็กซ์ทอยบนเวที

ขณะที่ “แฮร์รี สไตล์ส” (Harry Styles) ศิลปินชายตัวท็อปของโลกในยุคปัจจุบัน โดนแฟนเพลงขว้างปาสิ่งของใส่บนเวทีโดยไม่ได้ตั้งตัวหลายต่อหลายครั้ง ทั้งนักเก็ต ขนม ช่อดอกไม้ จนถึงผ้าอนามัยแบบสอด ซึ่งเขาก็หลบได้ แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่เขาโดน “วัตถุ” บางอย่างปาเข้าหน้าอย่างจัง ตอนที่เขากำลังจะวิ่งไปขอบคุณแฟนเพลงที่ปลายเวที เช่นเดียวกับ เคลซี บัลเลรินี (Kelsea Ballerini) นักร้องคันทรี ถูกมือดีปาสร้อยข้อมือเข้าหน้าอย่างจังขณะที่กำลังทำการแสดง

ปาของขึ้นเวที เรียกร้องความสนใจจากศิลปิน เทรนด์อันตรายที่ควรหยุด

แฮร์รี สไตล์ส บนเวทีคอนเสิร์ต

 

ส่วน “เอวา แม็กซ์” (Ava Max) เจ้าของเพลงฮิต “Sweet but Psycho” ไม่ได้โดนแฟนเพลงปาสิ่งของใส่ แต่โดนแฟนเพลงชายขึ้นมาตบหน้าอย่างแรงบนเวที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวบตัวผู้ลงมือลงจากเวทีไป และดูเหมือนว่าเทรนด์เหล่านี้จะยังมีต่อไปเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น

ศิลปินที่ตกเป็น “เหยื่อ” จากเทรนด์ปาข้าวของโดยผู้ชม ต่างออกมาเรียกร้องให้แฟนเพลงหยุดการกระทำเหล่านี้ ขณะที่ “อเดล” (Adele) นักร้องขวัญใจคนทั้งโลก ได้พูดติดตลกระหว่างแสดงคอนเสิร์ตในลาสเวกัสว่า “ใครก็ตามที่จะโยนของใส่ฉัน ฉันจะฆ่าคุณแน่ ไม่เชื่อลองดู” โดยจุดประสงค์ของเธอคือการเรียกร้องให้ผู้ชมให้เกียรติและมีมารยาทต่อศิลปิน 

ไม่ต่างจาก “ชาร์ลี พูท” (Charlie Puth) ที่ทวีตขอร้องแฟนเพลงไม่ให้ขว้างปาสิ่งของใส่ศิลปิน “เทรนด์นี้มันต้องจบลง มันเป็นสิ่งที่ไม่ให้เกียรติกันและอันตรายมาก ได้โปรดเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงของพวกเราเถอะ”

แล้วแฟนเพลงบางคนจะยอมลงทุนซื้อตั๋วคอนเสิร์ตเพียงเพื่อได้ไปปาของใส่ศิลปินทำไมกัน ?

ปาของขึ้นเวที เรียกร้องความสนใจจากศิลปิน เทรนด์อันตรายที่ควรหยุด อเดลทำการแสดงในลาสเวกัส

  • ทำตัวเด่นเป็นจุดสนใจ

ดร.ลูซี เบนเน็ตต์ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ในสหราชอาณาจักร ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเพลงกับศิลปินที่ชื่นชอบ เธอกล่าวว่า การกระทำร่วมกันของแฟน ๆ สามารถสร้างความรู้สึก “เป็นส่วนหนึ่ง” ในชุมชนของกลุ่มแฟนคลับ และช่วยให้พวกเขาสามารถแสดงตัวตนออกมาได้

เบนเน็ตต์สังเกตว่า ทัศนคติของผู้ชมอาจเปลี่ยนไปตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งเป็นช่วงที่ศิลปินไม่มีคอนเสิร์ต และทำให้เหล่าแฟนคลับไม่สามารถแสดงตัวตนได้ ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยว ขาดส่วนรวมในชุมชนแฟนคลับ 

พอกลับมามีคอนเสิร์ตอีกครั้ง แฟนเพลงจึงพยายามแสดงออกไปในทางก่อกวน ก้าวร้าว ทำตัวให้โดดเด่นจากผู้ชมนับพัน เช่น การโยนสิ่งของขึ้นไปบนเวที เพื่อให้ศิลปินจดจำพวกเขาได้ และอาจจะกล่าวถึงพวกเขาบนโซเชียลมีเดีย

ขณะที่ มานูเอล กอนซาเลซ โมลิเนียร์ จิตแพทย์ ให้เหตุผลของการกระทำเหล่านี้ว่า “ในปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นหลัก ผู้ชมมักจะไม่ค่อยพอใจกับท่าทีที่เมินเฉยและการที่ศิลปินมองไม่เห็นพวกเขาในสายตา คนกลุ่มนี้ต้องการเป็นคนสำคัญและต้องการสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น ถึงได้แสดงออกแบบนั้น

การโยนสิ่งของขึ้นบนเวทีไม่ใช่เพียงการกระทำอย่างเดียวที่รบกวนสมาธิของศิลปิน แต่การตะโกนเรียกศิลปินทั้ง ๆ ที่พวกเขากำลังพูดอยู่และทุกคนเงียบกันหมด หรือเอาแต่ยกสมาร์ตโฟนมาถ่ายวิดีโอก็ทำลายสมาธิศิลปินได้เช่นกัน 

“เมื่อผู้คนมีส่วนร่วมและสนุกไปกับการแสดงมาก ๆ ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมาปริมาณมาก จนเกิดเป็นความคึกคะนอง พวกเขาต้องหาวิธีการตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวที โดยไม่คำนึงว่าการกระทำนั้นจะดีหรือไม่ดี” ซาเวียร์ วาลิโญ่ นักข่าวสายดนตรีกล่าวกับ สำนักข่าว Elpais

มอร์แกน มิลาร์โด กรรมการผู้จัดการของสถาบันดนตรีเพลงร่วมสมัยเบิร์กลี  ในแมสซาชูเซตส์ ชี้ว่าการกระทำของแฟนคลับไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายศิลปิน เพียงแค่ต้องการเรียกร้องความสนใจ และแสดงความรักที่มีต่อศิลปิน พร้อมอยากเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียลเท่านั้น แต่ต้องอย่าลืมว่าสาเหตุหลักของการมาชมคอนเสิร์ตเพื่ออะไร

“เราไม่ได้มาดูคอนเสิร์ต เพื่อที่จะได้เป็นไวรัลใน TikTok เท่านั้น คอนเสิร์ตควรเป็นพื้นที่ที่คนมารวมตัวกันเพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งในความมหัศจรรย์ของการแสดงสด”

ปาของขึ้นเวที เรียกร้องความสนใจจากศิลปิน เทรนด์อันตรายที่ควรหยุด บีบี เร็กซาโพสต์รูปผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว หลังจากเข้าเข้าแผลจากการโดนโทรศัพท์มือถือพุ่งเข้าหน้าระหว่างการแสดงคอนเสิร์ต

 

  • มาตรการป้องกันของศิลปิน

ในมุมมองของศิลปิน การโดนขว้างปาสิ่งของใส่ ถือว่าเป็นภัยคุกคามและไม่ปลอดภัยของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศิลปินหญิงที่มักจะโดนขว้างปาสิ่งของใส่เสมอ โดยคริสติน ลีบ ศาสตราจารย์ด้านการตลาดของมหาวิทยาลัยเอเมอร์สัน กล่าวว่า “ผู้คนมักจะลืมไปว่าศิลปินก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรใส่ศิลปินก็ทำได้”

ลีบ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้ศิลปินออกมาตรการให้ในการจัดคอนเสิร์ต เช่น นโยบายห้ามใช้โทรศัพท์ หรือแม้แต่วางตาข่ายรอบเวทีเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของต่าง ๆ มาโดนตัวศิลปิน หรือเลวร้ายกว่านั้นศิลปินอาจจะยกเลิกทัวร์ไปเลยก็ได้ แล้วหันไปจัดคอนเสิร์ตออนไลน์แทน เพราะทุกการกระทำย่อมมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ

ทั้งเบ็นเน็ตต์ มิลาร์โดและลีบ มีความเห็นตรงกันว่าพฤติกรรมการขว้างปาสิ่งของจะยังไม่หายไปในเร็ววันนี้ ต่อให้ศิลปินจะยกระดับมาตรการป้องกันก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่แฟนคลับทุกคนจะเห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว เหล่าสวิฟตี้ แฟนคลับของเทย์เลอร์ สวิฟต์ จัดทำคู่มือการดูคอนเสิร์ตแจกให้แก่ผู้ชมคอนเสิร์ต

“บางทีเราอาจเห็นแฟนคลับพยายามปกป้องความปลอดภัยมากขึ้นศิลปินมากขึ้น และมั่นใจว่าศิลปินของพวกเขาจะไม่ได้รับอันตรายและได้รับเกียรติอย่างที่ควรเป็น” เบ็นเน็ตต์กล่าว

ที่จริงแล้วคอนเสิร์ตเป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างชุมชนที่เต็มไปด้วยความรักของแฟนคลับที่มีต่อศิลปิน ทุกคนในคอนเสิร์ตต่างต้องคอยดูความปลอดภัยให้กันและกัน เพราะฉะนั้นแล้วผู้ที่กำหนด “วัฒนธรรมคอนเสิร์ต” ได้ดีที่สุดก็คือแฟนคลับนั่นเอง


ที่มา: BBC, BBC 2, ELPAISNBC NewsRollingstone