“ENHYPEN” จัดคอนเสิร์ตในไทยครั้งแรก คว้าอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์

“ENHYPEN” จัดคอนเสิร์ตในไทยครั้งแรก คว้าอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์

“ENHYPEN” บอยแบนด์ตัวท็อปเจน 4 จัดคอนเสิร์ตในไทยครั้งแรก “ENHYPEN WORLD TOUR MANIFESTO in BANGKOK” มอบความสนุกแบบจัดเต็ม ทั้งแสง สี เสียง และเพลงฮิต จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทย

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในไทยของ “ENHYPEN” บอยแบนด์ตัวท็อปของเจน 4 กับคอนเสิร์ตที่ชื่อว่า “ENHYPEN WORLD TOUR MANIFESTO in BANGKOK” เมื่อวันที่ 28-29 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค อารีน่าเมืองทองธานี แม้ว่าพวกเขาจะเดบิวต์มาได้เพียง 2 ปี แต่บัตรก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความนิยมในตัวทั้ง 7 หนุ่มได้อย่างดี อีกทั้ง #MANIFESTO_IN_BANGKOK ยังติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ทำการแสดงรอบแรก มาจนถึงวันจันทร์ที่ 30 ม.ค.

สำหรับ “ENHYPEN” นั้นเป็นวงบอยแบนด์ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากรายการ “I-LAND” (2563) เซอร์ไวเวอร์โชว์ จนได้ผู้ชนะทั้ง 7 คนมาเดบิวต์เป็น ENHYPEN ประกอบไปด้วย จองวอน (Jungwon), ฮีซึง (Heeseung), เจย์ (Jay), เจค (Jake), ซองฮุน (Sunghoon), ซอนอู (Sunoo) และ นิกิ (Ni-ki) โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ Belift Lab ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ “HYBE Corporation

ENHYPEN เรียกได้ว่ามาแรงสุด ๆ และน่าจับตามองตั้งแต่ปีที่เดบิวต์ เพราะเป็นเจ้าของรางวัล ศิลปินแห่งปี (New Artist/ Rookies of the Year) จากเวทีประกาศรางวัลทุกเวที และเติบโตอย่างก้าวกระโดด สังเกตได้จากยอดขายอัลบั้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกการคัมแบ็ก โดย “Dimension: Dilemma” อัลบั้มเต็มชุดแรกของวงที่วางจำหน่ายปี 2564 ทำยอดขายได้มากกว่าล้านชุด เป็นครั้งแรกของวงด้วยจำนวนกว่า 1,300,000 ชุด ทำให้กลายเป็นศิลปินเจน 4 วงแรก ที่สามารถทำยอดขายทะลุหลักล้าน โดยที่มีอายุวงไม่ถึง 1 ปี ขณะที่ “Manifesto: Day 1” (2565) มินิอัลบั้มล่าสุดของวงทำยอดขายมากกว่า 1,500,000 ชุด

ด้วยหน้าตาและเสน่ห์เฉพาะตัวของสมาชิกแต่ละคนที่แตกต่างกันจึงทำให้ ENHYPEN หรือที่แฟน ๆ ชาวไทยเรียกว่า “เอ็นไก่” นั้นมีแฟนคลับกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่กระแสตอบรับดีมาก ๆ สามารถทำยอดขายในญี่ปุ่นมากกว่า 1,600,000 ล้านชุด ขึ้นแท่นศิลปินเจน 4 ที่ทำยอดขายสูงสุดในญี่ปุ่น

เนื่องด้วย ENHYPEN เดบิวต์ในช่วงที่โควิด-19 เกิดการแพร่ระบาดอย่างหนัก ทำให้พวกเขาแทบไม่มีโอกาสได้พบเจอกับ “เอ็นจีน” (ENGENE) แฟนคลับของพวกเขา จนเมื่อในช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการคุ้มเข้มโควิด-19 ทำให้ทางวงใช้โอกาสนี้ประกาศจัดเวิร์ลทัวร์ครั้งแรกในชื่อ “ENHYPEN WORLD TOUR MANIFESTO” เริ่มต้นที่เกาหลีใต้ สหรัฐ ญี่ปุ่น ประเทศไทย และปิดท้ายที่ฟิลิปปินส์

แม้ว่า ENHYPEN จะเพิ่งมาร่วมงานประกาศรางวัล 37th Golden Disc Awards งานประกาศรางวัลที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของวงการ K-POP ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่คอนเสิร์ตในครั้งนี้ถือว่าเป็นคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบครั้งแรกของพวกเขา

“ENHYPEN” จัดคอนเสิร์ตในไทยครั้งแรก คว้าอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์ สมาชิกวง ENHYPEN 

(จากซ้ายไปขวา) จองวอน, เจค, เจย์, ฮีซึง, ซอนอู, นิกิ และ ซองฮุน

ทันทีที่ทั้ง 7 หนุ่ม ENHYPEN ปรากฏกายบนเวทีด้วยชุดสีขาวเรียบหรู ก็เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าเอ็นจีนได้ทั้งฮอลล์ ก่อนจะทำการแสดงเพลงเดบิวต์ของพวกเขาอย่าง “Given-Taken” และ “Flicker” และพูดคุยแนะนำตัวเอง จากนั้นทำการแสดงต่อด้วยเซ็ตเพลงแดนซ์น่ารักฟังสบายอย่าง “Not For Sale” “Let Me In (20 CUBE)” และ “That Feeling When (TFW)” ก่อนที่จะปิดท้ายในช่วงนี้ด้วยเพลง “Upper Side Deamin’” และ “Mixed Up

จากนั้นทุกคนกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งด้วยลุคแวมไพร์สุดลึกลับและเซ็กซี่ยิ่งขึ้นด้วยเสื้อผ้าสีแดงดำ ด้วยเพลงแดนซ์สุดเท่ทั้ง “Drunk-Dazed”, “One in a Billion”, และ “FEVER” หนึ่งในเพลงที่ดังที่สุดของพวกเขา ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมในฮอลล์ได้อย่างท้วมท้น ก่อนที่เมมเบอร์แต่ละคนก็พูดคุยกับคนดู และทำท่าน่ารักและเซ็กซี่แบบที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน ทำเอาเหล่าเอ็นจีนส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นและยกสมาร์ตโฟนมาเก็บภาพความประทับใจไว้

การแสดงในชุดที่ 3 เหล่าเมมเบอร์มาในชุดนักเรียนไฮสคูลสุดน่ารัก ทำการแสดงเพลง “Attention, Please!” ซึ่งไฮไลต์ของเพลงนี้ คือ เมมเบอร์ทั้ง 7 คนได้โยนลูกบอลพร้อมลายเซ็นให้แก่ผู้ชม ก่อนที่จะลงไปหาผู้ชมทั่วชั้น 1 ในเพลง “Polaroid Love” เพลงที่ดังที่สุดและเป็นไวรัลในโซเชียลมากที่สุดของวง ซึ่งเหล่าเอ็นจีนก็ร้องตามได้อย่างดังสนั่น จนหนุ่มเอ่ยปากขอให้แฟนคลับร้องให้ฟังอีกรอบ จากนั้นปรับโหมดมาฟังช้าซึ้ง ๆ อย่าง “Just A Little Bit” ก่อนที่จะปิดท้ายโชว์นี้ด้วยเพลง “Tamed-Dashed

เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ต ทั้ง 7 หนุ่มออกมาด้วยเสื้อผ้าสไตล์ Y2K สีขาวล้วน ในเพลง “Blessed-Cursed” กับท่าเต้นสุดเท่อันเป็นเอกลักษณ์ของวง ขณะที่ “Go Big or Go Home” อีกหนึ่งเพลงที่คนดูกระโดดตามทั้งฮอลล์ และร้องท่อนชื่อของทั้ง 7 คนได้อย่างเป๊ะ ไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลยทีเดียว หลังจากนั้นเข้าสู่เพลงสุดท้ายของอย่าง “Future Perfect (Pass The MIC)” ซิงเกิลหลักจากอัลบั้มล่าสุดของวง ซึ่ง ENHYPEN ก็แสดงได้อย่างพร้อมเพรียง

ถึงจะบอกว่าเป็นเพลงสุดท้าย แต่เหล่าเอ็นจีนรู้ดีว่าคอนเสิร์ตนี้ยังไม่จบ ไม่มีใครลุกจากที่นั่งรอคอย Encore อย่างใจจดจ่อพร้อมเรียกชื่อ 7 หนุ่มพร้อมกัน ดังกึกก้องไปทั้งอิมแพ็ค และ ENHYPEN ก็กลับมาพร้อมกับเพลง “ParadoXXX Invasion” และให้แต่ละคนได้แสดงความรู้สึกที่แต่ละคนมีต่อคอนเสิร์ตในครั้งนี้ 

ทั้ง 7 หนุ่มกล่าวขอบคุณเหล่าเอ็นจีนที่อดทนรอที่จะได้พบกัน พวกเขาไม่คิดว่าจะมีแฟนคลับในประเทศไทยมากมายถึงขนาดนี้ขอบคุณแฟน ๆ จากต่างจังหวัดที่อุตส่าห์เดินทางมาหาพวกเขา พร้อมสัญญาว่าจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งแน่นอนในฮอลล์ที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น พร้อมชมเอ็นจีนชาวไทยว่าแรงดีไม่มีตก ทำให้คอนเสิร์ตสนุกยิ่งขึ้น ก่อนจะอ้อนว่าขอให้ทุกคนยังเป็นแฟนคลับพวกเขาต่อไปอีกนาน ๆ และพูดภาษาไทยว่า “รักนะ” และ “สัญญานะ” อีกด้วย

ปิดท้ายโชว์ด้วยเพลง “Shout Out” ซึ่งเป็นเพลงที่เจคร่วมแต่ง และแสดงเพลง Future Perfect (Pass The MIC) อีกหนึ่งรอบ โดยระหว่างนี้แฟนคลับก็โยนของขึ้นมาบนเวทีให้กับศิลปิน หลังจากรับของเสร็จแล้วทั้งหมดพากันเดินไปยังเวทีหลัก 

แต่ก่อนที่ม่านจะปิดลง “ฮีซึง” พี่ใหญ่ของวงได้พูดว่าการแสดงยังไม่จบ และทุกคนออกมาแสดง Go Big or Go Home อีกครั้ง และลงไปหาผู้ชมเป็นครั้งสุดท้ายเป็นอันจบคอนเสิร์ตอย่างสมบูรณ์

ตลอดระยะเวลาทั้ง 3 ชั่วโมงของคอนเสิร์ต ได้แสดงให้เห็นของศักยภาพของสมาชิก ENHYPEN ที่แรงดีไม่มีตก ทั้งร้องทั้งเต้นแบบจัดหนักจัดเต็ม และได้มุมใหม่ ๆ ทั้งสกิลการเอ็นเตอร์เทนคนดู ความตลก เป็นกันเองกับแฟนคลับ อัธยาศัยดี ที่ไม่ได้เห็นในสื่ออื่น ๆ มาก่อน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วและมีคนรักมากมายขนาดนี้

“ENHYPEN” จัดคอนเสิร์ตในไทยครั้งแรก คว้าอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์

จากนี้เหล่าเอ็นจีนชาวไทยคงได้แต่ตั้งตารอคอย วันที่จะได้พบกับ ENHYPEN ศิลปินที่รักในเร็ววันนี้ และเชื่อว่าทั้ง 7 คนก็คงอยากจะรีบกลับมาแสดงผลงานใหม่ให้แฟนได้ ๆ ชมกันอีก และพร้อมที่จะร้องบทเพลงเหล่านั้นไปด้วยกันอีกครั้ง ดังที่เนื้อเพลง Shout Out ร้องไว้ว่า

 

We go and shout, shout, shout when we're together

ตอนที่เราอยู่ด้วยกัน เรามาออกไปและตะโกนด้วยกันเถอะ

Stay, stay, stay, you make it better (yeah)

อยู่กับคุณแล้วทำให้ผมดีขึ้น

My life without you is a misery

ชีวิตของผมที่ไม่มีคุณคงมันคงแย่น่าดู

심장이 터질 듯이 뛰고 있어

มันทำให้หัวใจของผมเต้นแรงเหมือนกับจะระเบิดออกมาเลย