เทรนด์ใหม่ของการดูเวลา เมื่อ 'นาฬิกา' ไม่ได้อยู่แค่บนข้อมืออีกต่อไป

ใครจะคิดว่านาฬิกา จะกลายเป็นสร้อยคอ หรือแม้แต่ลิปสติกได้? ชวนอัปเดตเทรนด์ล่าสุด ที่กำลังปฏิวัติ "เรือนเวลา" แบบเดิมที่คุ้นเคย ให้เป็นได้มากกว่าแค่ข้อมือ!
ใครจะคิดว่านาฬิกา จะกลายเป็นสร้อยคอ หรือแม้แต่ลิปสติกได้? ชวนอัปเดตเทรนด์ล่าสุดจากโลกแฟชั่นและเรือนเวลาที่กำลังปฏิวัติ "เรือนเวลา" แบบเดิมที่คุ้นเคย ให้เป็นได้มากกว่าแค่ข้อมือ!
ย้อนกลับไปเมื่องาน Grammy Awards ปี 2024 ซึ่งนักร้องสาวคนดัง "เทย์เลอร์ สวิฟต์" ปรากฏตัวพร้อมสร้อยคอโช้กเกอร์ที่ดูเผิน ๆ เหมือนจิวเวลรี่สุดหรู แต่แท้จริงแล้วมันคือนาฬิกา
ผลงานชิ้นพิเศษที่เรียกเสียงฮือฮาได้ในครั้งนั้น รังสรรค์โดย Lorraine Schwartz ที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก และเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นเทรนด์ "นาฬิกาที่ไม่ได้อยู่บนข้อมือ"
จากลิปสติกสู่เรือนเวลา: ความขี้เล่นในแบบ Chanel
ปีนี้ Chanel ได้เปิดตัวคอลเลกชัน "Kiss Me" ที่งาน Watches and Wonders Geneva เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มันเป็นนาฬิกาที่ซ่อนตัวอยู่ในดีไซน์แท่งลิปสติกสีดำ ประดับพลอยเบริลสีเหลืองทอง เจียระไนทรงบาแกตต์ ส่องประกายเหมือนเครื่องประดับสุดหรู แต่เมื่อคลิกเบา ๆ จากลิปสติกก็เผยให้เห็น "หน้าปัดเวลา" ที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างมีชั้นเชิง
ในคอลเลกชันเดียวกันนี้ ยังมี “Protect Me” และ “Give Me Luck” ที่ตีความเครื่องรางและจี้ในแบบโคโค่ ชาเนล ผ่านดีไซน์ร่วมสมัย สะท้อนแนวคิดใหม่ของการผสม “ศิลปะแห่งเวลา” กับ “แฟชั่นที่เป็นตัวตน”
“มันเป็นรูปแบบใหม่ของการสวมใส่เวลาที่สะท้อนเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร” Manon Hagie จาก Sotheby’s เผยกับ CNN
เมื่อนาฬิกากลายเป็นจิวเวลรี่
ฝั่งแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Van Cleef & Arpels ก็ขอร่วมขบวนด้วยการส่ง “Cadenas” รุ่นฉลองครบรอบ 90 ปี ที่ดูเหมือนกำไลประดับเพชรมากกว่านาฬิกา
ส่วน คาเทียร์ (Cartier) ก็ส่งนาฬิกาที่ไม่ใช่นาฬิกาออกมาอวดโฉมเช่นกัน
มีทั้ง Panthère Jewelry Watches กำไลดีไซน์เสือดำประดับเพชรที่ซ่อนหน้าปัดไว้อย่างแนบเนียน พร้อมจะเผยความลับเมื่อแสงตกกระทบ
ส่วนฝั่งสุภาพบุรุษ Cartier Tank à Guichets ก็ท้าทายขนบอีกครั้ง ด้วยหน้าปัดที่ไม่มีเข็ม แสดงเวลาแค่ผ่าน “ช่องเล็ก ๆ” สองช่อง ดีไซน์ย้อนยุคปี 1928 ที่กลับมาพร้อมเสน่ห์แห่งมินิมัลลิสม์สุดเท่
'Area 51' ของเรือนเวลา
ในอีกด้านของโลกสะสม นาฬิกาหน้าตาแหวกขนบก็เผยโฉมใน “Area 51” งานประมูลนาฬิกาที่จัดโดย Sotheby’s ซึ่งตั้งชื่อ Area 51 ตามสถานที่ลับสุดยอดทางทหารของสหรัฐฯ ในทะเลทรายเนวาดา ซึ่งถูกอ้างว่า ปกปิดหลักฐานของสิ่งมีชีวิตนอกโลก
การประมูลนาฬิกา “เอเลี่ยน” วินเทจและโมเดิร์น 51 เรือนสุดแปลก ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาที่มีรูปทรงตัวเรือนที่แปลกตา หรือผลิตจากวัสดุที่ไม่ค่อยได้ใช้ทำนาฬิกา โดยงานดังกล่าว ปิดประมูลครบทั้ง 51 เรือน โดยเคาะราคากันไปมูลค่ารวม 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จากงานประมูล Area 51
(ซ้าย) นาฬิกาข้อมือ Rolex รุ่น “Starship Gold” จากปี 1980
(ขวา) นาฬิกาข้อมือ Patek Philippe Ref. 4233/1จากปี 1975
โดยสิ่งที่น่าสนใจ คือ กลุ่มนักสะสมหน้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ ผู้หญิงและคนรุ่น Gen Z ที่มองนาฬิกาเป็นเครื่องประดับแฟชั่นมากกว่าการลงทุนแบบเดิม
กลับสู่ยุค Art Deco ด้วยจี้และเข็มกลัด
พร้อมกันนี้ ยังพบว่า กระแส "นาฬิกาแบบจี้" (Pendant Watch) ก็กลับมาอีกครั้ง
ตั้งแต่ Jaeger-LeCoultre, Richard Mille ไปจนถึง Piaget ต่างนำเสนอเรือนเวลาที่ห้อยระย้าจากลำคอ สะท้อนความโรแมนติกแบบสาวแฟลปเปอร์ยุค 1920s
Piaget ถึงขั้นนำของสะสมวินเทจมาโชว์เคียงกับผลงานใหม่ เพื่อเล่าเรื่องราว “อดีตที่หลอมรวมกับปัจจุบัน” และยอมรับว่า “นาฬิกาแบบจี้ขายดีจนแทบผลิตไม่ทัน”
ด้าน Dior และ Van Cleef & Arpels ก็เพิ่มสีสันด้วยอัญมณีสดใส เทอร์ควอยซ์, ลาพิส ลาซูลี, คาร์เนเลียน ทำให้นาฬิกากลายเป็นเครื่องประดับที่บ่งบอกบุคลิกได้มากกว่าการบอกเวลา
Hermès และศิลปะแห่งการติดเวลา
ในฝั่งของ Hermès, Philippe Delhotal พลิกคอนเซ็ปต์สมอโซ่ให้กลายเป็นนาฬิกา “เข็มกลัด” ประดับเพชรและพิงค์ทัวร์มาลีน ที่สามารถติดกับแขนเสื้อ หรือถอดมาห้อยเป็นสร้อยคอก็ได้ — ชิ้นเดียวแต่ปรับเปลี่ยนได้หลายลุค
เมื่อ “เวลา” กลายเป็นแฟชั่น
นาฬิกายุคใหม่นี้ไม่ได้มีไว้แค่ “ดูเวลา” แต่เพื่อ “แสดงเวลาในแบบของตัวเอง”
มันคือการปลดปล่อยจากกรอบของข้อมือ สู่สร้อยคอ เข็มกลัด หรือแม้แต่ลิปสติก
และในโลกที่แฟชั่นกับศิลปะผสมผสานกันอย่างไร้ขีดจำกัด "เวลา" อาจกลายเป็นเครื่องประดับที่มีสไตล์ที่สุดในศตวรรษนี้
อ้างอิง : CNN







