อินฟลู 'จีน' แฉ! แบรนด์หรูผลิตในจีน 80% แต่ติดฉลาก ‘Made in Europe’

อินฟลูเอนเซอร์จีนแฉแบรนด์หรูระดับโลกผลิตในจีนถึง 80% แต่กลับติดป้าย 'Made in Europe' วงการลักชัวรีสั่นสะเทือน ต้นทุนกระเป๋าแอร์เมสเพียง 49,000 บาท แต่ขายราคา 1.3 ล้าน
ในช่วงเวลาที่สงครามการค้าระหว่างจีนและโลกตะวันตกกำลังร้อนแรง บรรดาเจ้าของโรงงานและอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนได้ออกมาเปิดโปงความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับแหล่งผลิตสินค้าแบรนด์หรูระดับโลกที่หลายคนเข้าใจผิดมาตลอด
เซนหวัง ผู้เปิดโปงความจริงเบื้องหลังแบรนด์หรู
“เซนหวัง” อินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนได้ออกมาเปิดเผยว่า กระเป๋าแบรนด์หรูระดับโลกที่ผู้บริโภคเข้าใจว่าผลิตในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส อิตาลี หรือสหรัฐอเมริกานั้น แท้จริงแล้วกว่า 80% ผลิตในโรงงานในประเทศจีนทั้งสิ้น โดยเพียงแค่นำไปประทับตราโลโก้และใส่แพ็คเกจจิ้งที่ระบุว่า "Made in Europe"
ต้นทุนที่แท้จริงของกระเป๋า ‘แอร์เมส’
"เซนหวัง" ได้แจกแจงรายละเอียดต้นทุนการผลิตกระเป๋าแอร์เมส (Hermès) ที่มีราคาขายสูงถึง 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,300,000 บาท) ดังนี้
- หนัง 1 แผ่น 450 ดอลลาร์สหรัฐ
- ด้าย Feel Our Chinois from France (ชนิดเดียวกับที่ใช้เย็บเบาะรถ Rolls Royce) 25 ดอลลาร์สหรัฐ
- อะไหล่สีทอง The Ocean Stainless Steel 150 ดอลลาร์สหรัฐ
- ขอบ Edge Oil นำเข้าจากอิตาลี 50 ดอลลาร์สหรัฐ
- หนังแกะสำหรับด้านในกระเป๋า 100 ดอลลาร์สหรัฐ
- ซิปแบรนด์ Ri Brand 10 ดอลลาร์สหรัฐ
- ค่าแรงผู้เชี่ยวชาญในจีน 600 ดอลลาร์สหรัฐ
- ค่าอื่นๆ 15 ดอลลาร์สหรัฐ
รวมต้นทุนทั้งสิ้น 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 49,000 บาท) แต่ราคาขายในร้านสูงถึง 1,300,000 บาท
เซนหวังทิ้งท้ายว่า "คุณต้องคิดให้ดีว่าคุณกำลังซื้อกระเป๋า หรือแค่ซื้อโลโก้"
’หลุยส์ วิตตอง’ อีกหนึ่งแบรนด์ที่ถูกแฉ
ไม่เพียงแค่แอร์เมสเท่านั้น หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ก็ถูกกล่าวหาว่ามีการผลิตในจีนเช่นกัน โดยมีผู้เปิดเผยว่า 50% ของกระเป๋าหลุยส์ วิตตองผลิตที่กวางโจว ประเทศจีน ผู้จัดการโรงงาน OEM รายหนึ่งเปิดเผยว่ากระเป๋าหลุยส์ วิตตองที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับที่วางจำหน่ายในร้านมีต้นทุนการผลิตเพียง 50 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ และไม่มีแบรนด์ใดออกมาแสดงภาพโรงงานการผลิตในยุโรปเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาดังกล่าว
แบรนด์หรูระบุแหล่งผลิตอย่างไร?
หากตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของแบรนด์หรูต่างๆ พบว่า
- กุชชี่ (Gucci) ระบุว่าสินค้าส่วนใหญ่ผลิตในอิตาลี น้ำหอมผลิตในฝรั่งเศสหรืออังกฤษ และเครื่องสำอางผลิตในญี่ปุ่น
- หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ระบุว่าสินค้าส่วนใหญ่ผลิตในฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และสหรัฐอเมริกา โดยไม่มีการระบุถึงการผลิตในจีนแต่อย่างใด
ช่องโหว่ทางกฎหมาย กฎระเบียบแหล่งกำเนิดสินค้าของสหภาพยุโรป
หากข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นความจริง แล้วทำไมสินค้าเหล่านี้ยังสามารถติดฉลาก "Made in Europe" ได้? คำตอบอยู่ที่กฎระเบียบของคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เรื่อง Non-Preferential Rules of Origin ซึ่งกำหนดให้สินค้าสามารถระบุแหล่งกำเนิดจากประเทศใดก็ได้ หากมีการดำเนินการขั้นตอนสุดท้าย เช่น การใส่แพ็คเกจจิ้งหรือประทับโลโก้ในประเทศนั้น โดยไม่ได้ระบุว่าจะต้องมีสัดส่วนการผลิตในประเทศนั้นเท่าใด
ผลกระทบในอนาคต
หากข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นความจริง และหากยุโรปเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้ากับจีนตามนโยบายของสหรัฐอเมริกา ราคาสินค้าแบรนด์หรูที่แพงอยู่แล้วอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล
ขณะนี้ยังต้องรอการพิสูจน์ว่าใครกันแน่ที่พูดความจริง ระหว่างเจ้าของโรงงาน OEM ในจีนที่ออกมาเปิดโปง หรือบรรดาเจ้าของแบรนด์หรูระดับโลกที่ยืนยันว่าสินค้าของพวกเขาผลิตในยุโรป
ที่มา: อินฟลูจีน แฉ! แบรนด์หรูผลิตในจีน 80% แต่ติดฉลาก ‘Made in Europe’







