สวย เลิศ บน'รองเท้าส้นสูง' ยืน เดินนานๆ เสี่ยงเข่าเสื่อม

สวย เลิศ บน'รองเท้าส้นสูง' ยืน เดินนานๆ  เสี่ยงเข่าเสื่อม

สาวๆ ที่นิยมใส่รองเท้าส้นสูง รู้ทั้งรู้ว่า สวมใส่นานๆ ส่งผลกระทบต่อข้อเข่า เอ็นข้อเท้า เพราะเวลาใส่ต้องเกร็งตลอดเวลา แต่ยอมเพราะใส่แล้วสวย ลองดูวิธีใส่ส้นสูงให้ถูกวิธี

สำหรับสาวๆ ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบใส่รองเท้าส้นสูงติดต่อกันเป็นเวลานานในชีวิตประจำวัน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดขา ปวดเท้า ปวดหลัง หรือลุกลามเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมในอนาคต

เนื่องจากการสวมใส่ส้นสูง ทำให้เท้าต้องยืนเขย่งตลอดทั้งวัน กระดูกนิ้วเท้า เอ็นข้อเท้า เอ็นร้อยหวาย กล้ามเนื้อน่อง และเข่า ต้องเกร็งอยู่ตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้เกิดอาการปวดน่องบ่อยๆ และเป็นตะคริว ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลให้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้ก่อนวัยอันควร

หากใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับรูปเท้า ก็อาจเกิดการกดทับและเสียดสี อันตรายได้เช่นกัน อาทิ การสวมใส่รองเท้าที่มีหน้าแคบเกินไป อาจบีบรัดอุ้งเท้า จนเกิดบาดแผลได้ เป็นต้น 

นอกจากอาการที่เกิดกับเท้าแล้ว การสวมรองเท้าส้นสูงยังส่งผลกระทบต่อกระดูกสันหลังทำให้มีอาการปวดเกร็งที่หลัง เนื่องจากแกนของกระดูกสันหลังและแผ่นหลังจะโน้มไปข้างหน้า เพื่อให้ร่างกายสามารถตั้งตรง และทรงตัวได้บนรองเท้าส้นสูง ทำให้กระดูกบริเวณบั้นเอวรับน้ำหนักมาก

เมื่อสะสมเป็นเวลานาน หมอนรองกระดูกอาจจะเคลื่อน และกดทับเส้นประสาท จนอาจเกิดอาการปวดหลังอย่างรุนแรงได้

สำหรับสาว ๆ ที่หลงรักการใส่ส้นสูง ควรเลือกใส่เฉพาะเวลาที่จำเป็นและไม่ควรใส่ที่ส้นสูงเกิน  1.5 นิ้ว ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกแบบส้นหนา หรือที่เรียกกันว่าส้นตึกจะดีกว่า เพื่อลดปัญหาข้อเท้าพลิกจากรองเท้าส้นแหลม

สวย เลิศ บน\'รองเท้าส้นสูง\' ยืน เดินนานๆ  เสี่ยงเข่าเสื่อม

 

ยิ่งในฤดูฝนควรใส่รองเท้าส้นแบนมากกว่ารองเท้าส้นสูงจะดีกว่า เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มจากการใส่รองเท้าส้นสูง หรือถ้าหากเกิดอุบัติเหตุข้อเท้าพลิก จนเกิดอาการปวดหรือบวมบริเวณข้อเท้า ให้ใช้น้ำแข็งประคบประมาณ 20 -30 นาที ขณะเดียวกันให้ยกขาขึ้นสูง ทำซ้ำ ประมาณ 4 - 5 ครั้งต่อวัน

ในช่วงแรก ๆ ที่เกิดการบาดเจ็บ คุณหมอแนะว่า ควรประคบด้วยน้ำแข็งต่ออีก 2 - 3 วัน หลังจากนั้น ให้ประคบร้อน ส่วนข้อห้ามสำคัญคือ ห้ามนวด หรือบิดข้อเท้าเป็นอันขาด แต่ถ้าประคบแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง รวมถึงอาการต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ปวดขา ปวดเข่า ปวดหลัง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง หรือทิ้งไว้จนลุกลามจนเป็นเรื้อรัง

สำหรับแนวทางการรักษานั้นมีหลายวิธีด้วยกันขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้เป็นหลัก เช่น การทำกายภาพบำบัด การบริหารกล้ามเนื้อ หรือการให้ยาบรรเทาอาการสำหรับผู้ที่มีอาการไม่มาก

แต่สำหรับผู้ที่มาด้วยอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างชัดเจนนั้น แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีฉีดน้ำไขข้อเทียมเพื่อลดอาการปวด ซึ่งน้ำไขข้อเทียมจะเป็น สาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารที่มีอยู่ในข้อของมนุษย์ มีลักษณะที่เหนียว และยืดหยุ่นสูงทำให้ข้อต่างๆ โดยเฉพาะผิวกระดูกข้อเข่าไม่ได้รับแรงกด หรือกระแทกมาก เวลาคนเราเดิน หรือวิ่ง 

นอกจากนั้น สารนี้ยังช่วยให้เกิดความลื่นที่ผิวกระดูกอ่อนเวลาเรางอหรือเหยียดหัวเข่า การเสียดสีที่ผิวกระดูกจะน้อยลง ทำให้กระดูกอ่อนผุกร่อนลดน้อยลงตามไปด้วย ส่งผลให้ข้อเข่าอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อนน้อยลงเช่นกัน โดยปกติคนเราจะมีน้ำในข้อเข่าอยู่ประมาณ 1-2 ซีซี เท่านั้น 

เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นน้ำในข้อเข่าก็จะมีปริมาณลดลง โดยเฉพาะคนที่เป็นข้อเข่าเสื่อม มักพบว่าน้ำในข้อเข่ามีปริมาณที่น้อยมาก คนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรงน้ำในเข่าแทบจะแห้งผากจนไม่มีเหลือเลยครับ สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คืออาการของข้อเข่าเสื่อมจะลุกลามเร็วมากขึ้นไปอีก บางคนเข่าโก่งขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1 ปี

......................     

อ้างอิง : ข้อมูลนพ.ธนันท์ สมิทธารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน กระดูกและข้อ ( เข่า สะโพก )