CMDW2025 ล้านนาภารตะ ลมหายใจช่างแกะสลักไม้เมืองเหนือสู่สากล

เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2025 (CMDW2025) จัดนิทรรศการ “ล้านนาภารตะ” เพื่อนำเสนอความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างล้านนาและอินเดียผ่านศิลปะงานไม้แกะสลัก
KEY
POINTS
- เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2025 (CMDW2025) จัดนิทรรศการ “ล้านนาภารตะ” เพื่อนำเสนอความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างล้านนาและอินเดียผ่านศิลปะงานไม้แกะสลัก
- มีเป้าหมายเพื่อยกระดับงานฝีมือของช่างแกะสลักไม้ในภาคเหนือให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และส่งเสริมภาพลักษณ์เชียงใหม่สู่การเป็นหมุดหมายของนักสร้างสรรค์
- นิทรรศการจัดแสดงโบราณวัตถุและงานแกะสลักที่สะท้อนอิทธิพลจากอินเดีย เช่น ลายพญานาค ฉากรามเกียรติ์ และลวดลายหม้อปูรณฆฏะ (หม้อดอก)
อาณาจักรล้านนา เริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 (กลางพุทธศตวรรษที่ 19) โดยมีการก่อตั้ง เชียงใหม่ หรือ “นครใหม่” เป็นราชธานี ซึ่งสถานที่ตั้งของเมืองอยู่ในเขตอิทธิพลทางวัฒนธรรมทั้งของอินเดีย จีน และพม่า
แม้ “อาณาจักรล้านนา” จะได้รับอิทธิพลจากนครรัฐเพื่อนบ้าน แต่วัฒนธรรมเหล่านั้นกลับล้วนมีบทบาทสำคัญที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับล้านนา
เชียงใหม่ ในฐานะศูนย์กลางแห่งดินแดนล้านนา จึงกลายเป็นดินแดนแห่งการหลอมรวมวัฒนธรรมที่น่าสนใจในภูมิภาค มีประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
“วัฒนธรรมเชียงใหม่” ได้รับการถ่ายทอดในรูปแบบของศิลปะศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม เครื่องเงิน หัตถกรรม สิ่งทอ นาฏศิลป์ และอาหาร
เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2568 หรือ Chiang Mai Design Week 2025 (CMDW2025) ชักชวน ‘ร้านขายของเก่า’ ซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท เดอะ โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล หางดง จำกัด ร่วมกันฉายภาพการสร้าง City Branding ให้เชียงใหม่ก้าวข้ามภาพจำเมืองท่องเที่ยวสู่การเป็นหมุดหมายของนักสร้างสรรค์และนักลงทุนจากทั่วโลกด้านงานหัตถกรรม ด้วยการจัดกิจกรรม ล้านนาภารตะ (Lanna Bharata) ในรูปแบบนิทรรศการงานไม้แกะสลัก
เนื่องจากอิทธิพล “ภารตะ” หรือที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่า “อินเดีย” มีบทบาทสำคัญในรากฐานของวัฒนธรรมล้านนามาช้านาน
ผู้คนในเชียงใหม่สมัยนั้นจึงได้นำวัฒนธรรมภารตะมาผสมผสานเข้ากับศิลปะของตน และด้วยอิทธิพลอันทรงพลังเหล่านี้ ช่างไม้เชียงใหม่ จึงได้รังสรรค์ผลงานไม้อันเป็นที่น่าจดจำ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเชียงใหม่อย่างแท้จริง ทิ้งร่องรอยไว้จนปัจจุบัน
แบ่งปัน – ยกระดับ – รากเหง้า
บริษัท เดอะ โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล หางดง จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจร้านขายของเก่ามาตั้งแต่ปีพ.ศ.2538 หลงใหลในความคล้ายคลึงกันระหว่างวัฒนธรรมอันงดงามของล้านนาและอินเดีย ต้องการแบ่งปันสิ่งที่ค้นพบแก่สาธารณชนได้ชม และยกระดับศิลปะเชียงใหม่สู่เวทีสากลโดยไม่ลืมรากเหง้า
จึงภูมิใจนำเสนอ นิทรรศการงานไม้แกะสลัก “ล้านนาภารตะ” การเดินทางอันน่าหลงใหลของศิลปะและหัตถกรรมไม้ผ่านภูมิศาสตร์และกาลเวลา
ร่วมกันนำเสนอนิทรรศการในรูปแบบพิพิธภัณฑ์โดยสองพี่น้องทายาทรุ่นที่สองของบริษัทฯ คือ ปิติ ตันติศักดิ์ อายุ 28 ปี รับผิดชอบด้านข้อมูลของเก่าภายในร้าน เปรม ตันติศักดิ์ อายุ 26 ปี รับหน้าที่การสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ของร้าน และ Mr.Douglas Van Tress ผู้ร่วมก่อตั้งร้านขายของเก่า บริษัทเดอะ โกลเด้น ไทรแองเกิ้ลฯ มากับ วีระชัย ตันติศักดิ์ บิดาของปิติและเปรม
“ผม น้องชาย และคุณพ่อ เราเป็นครอบครัวคนเชียงใหม่ ในร้านของเรามีของเก่าจากเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เป็นของล้านนาโบราณจริงๆ ขณะเดียวกันก็มีของที่มาจากอินเดีย” ปิติกล่าวและเล่าว่า จากการเดินทางไปซื้อของเก่าที่อินเดียหลายครั้ง สังเกตเห็นว่าของเก่าอินเดียมีความคล้ายคลึงกับของเก่าล้านนา กล่าวได้ว่าศิลปะล้านนาหลายอย่างได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย
“เราจึงอยากเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมล้านนามีความเชื่อมโยงกับอินเดียอย่างไร ที่สำคัญเราไม่อยากทำเป็นแค่โชว์รูมของเก่าทั่วไป เราอยากให้บุคคลทั่วไป ศิลปิน หรือคนรุ่นใหม่ มาเห็นแล้วอาจเกิดแรงบันดาล ใจ ของเก่าไม่ใช่เก่าแล้วเก่าเลย สามารถนำไปปรับใช้เข้ากับบ้านเรือนปัจจุบันได้ด้วย ไม่จำเป็นว่าเก่าแล้วต้องทิ้งไป เพื่อให้ยังคงซึ่งคุณค่าของความเป็นของโบราณ และเพื่อพัฒนาของโบราณให้สามารถกลับมาอยู่ในชีวิตของเรามากขึ้น เป็นทั้งการสืบสาน และยกระดับไปในตัว” ปิติ กล่าวถึงที่มาของการเข้าร่วมงาน CMDW2025 ผ่านการจัดนิทรรศการ “ล้านนาภารตะ”
มร.ดักลาส เล่าว่า 30 ปีก่อน เขานำตุ๊กตาไม้บ้านถวาย เชียงใหม่ ไปขายในร้านขายของเก่าของเขาในเมืองชิคาโก สหรัฐฯ ได้รับความนิยมมาก เขาจึงต้องหาโต๊ะสำหรับวางตุ๊กตา โดยเลือก ‘โต๊ะไม้บ้านถวาย’ เช่นกัน ปรากฎว่าลูกค้าสนใจอยากซื้อโต๊ะไม้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาต้องนำเข้าโต๊ะไม้บ้านถวายเพิ่มเติม งานไม้ของช่างฝีมือเชียงใหม่ได้รับความนิยมมากในร้านของเขา
แผ่นไม้เชิงชายลายพญานาค
งานแกะสลักไม้ชิ้นแรกต้อนรับผู้ชมนิทรรศการด้วย แผ่นไม้เชิงชายลายพญานาค เดิมประดับอยู่บนหลังคา “วัดดวงดี” ไม้สักแกะสลักเป็นลวดลายพญานาคอันอ่อนช้อย สัญลักษณ์สำคัญในงานไม้ล้านนา อายุราวพุทธทศวรรษ 2460
“ชิ้นนี้คุณพ่อผมได้มาเมื่อ 20 กว่าปีก่อน สมัยนั้น ‘วัดดวงดี’ จะเปลี่ยนหลังคา ก็นำชิ้นนี้ลง แล้วทำชิ้นใหม่ขึ้นมาแทน คนภาคเหนือเมื่อนำเชิงชายเก่าที่เป็นไม้ลง จะเผาทิ้งเป็นฟืน ไม่เก็บไว้ คุณพ่อเห็นว่าไม้แกะสลักเก่าก็จริงแต่มีความงดงาม ก็เลยไปได้มา” ปิติ เล่าที่มาของไม้แกะสลักโบราณชิ้นนี้
ในความเชื่อของล้านนา พญานาค เป็นวิญญาณผู้พิทักษ์สายน้ำ ให้ความอุดมสมบูรณ์ คุ้มครองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนในอินเดียมี นาครา เป็นเทพอสรพิษทรงพลัง มีนัยถึงสายน้ำ การเกิดใหม่ การปกป้องคุ้มครอง
ความหมายร่วมของสัญลักษณ์ดังกล่าว สะท้อนสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างชมพูทวีปและล้านนาผ่านศิลปะการแกะสลักไม้ที่สืบต่อกันมายาวนาน
รามเกียรติ์ – รามายณะ – ลายเครือเถา
ลายไม้แกะสลักสุดงดงามเป็นหลักฐานความเชื่อมโยงวัฒนธรรม ‘ภารตะและล้านนา’ ด้วยเช่นกัน แผงไม้แกะสลักฉากรามเกียรติ์ ที่นำมาจัดแสดงนี้ เล่าฉากพระรามเตรียมออกศึกกับทศกัณฐ์
ถึงเป็นไม้สัก แต่การแกะสลักได้แสดงให้เห็นถึงฝีมือ ‘ช่างแกะไม้ล้านนา’ ปลายพุทธศตวรรษที่ 25 สามารถทำให้ไม้กลายเป็นตัวละครที่มีท่วงท่าอ่อนช้อย มีรายละเอียดของเครื่องแต่งกาย แม้แต่อารมณ์บนสีหน้าก็ปรากฏ งดงามราวประติมากรรมนูนต่ำ
เรื่องราวรามเกียรติ์ของไทยได้รับอิทธิพลมาจากมหากาพย์วรรณกรรมเรื่อง ‘รามายณะ’ ของอินเดีย กล่าวถึงธรรมะ ความซื่อสัตย์ และชัยชนะของความดีเหนือความชั่ว
การแพร่เข้ามาของ ‘รามายณะ’ สู่อุษาคเนย์จนกลายเป็นรามเกียรติ์ของไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แสดงถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างสองภูมิภาค
จัดแสดงคู่กับ แผงไม้แกะสลักสำหรับเพดาน รัฐคุชราต ฝีมือช่างแกะไม้ชาวอินเดียยุคสมัยใกล้เคียงกันคือกลางพุทธศตวรรษที่ 25 ดูเผินๆ คล้ายลวดลายประดับอย่างไทยยุคเปิดรับวัฒนธรรมยุโรป เพราะอัดแน่นไปด้วยลายพรรณไม้อย่างลายปูนปั้นที่เห็นตามพระราชวัง โบสถ์ ตึกฝรั่ง ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5
แต่รูปแบบงานแกะสลักบนแผงไม้ชิ้นนี้เป็นรูปแบบที่พบได้ในแถบรัฐราชสถานหรือรัฐคุชราต มักใช้เป็นส่วนประกอบของสถาปัตยกรรม เช่น ฉากช่องประตู ผิวหน้าเครื่องเรือน ประดับวัด พระราชวัง สถานที่สำคัญต่างๆ
ลวดลายได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สะท้อนรสนิยมทางศิลป์และทักษะช่างผู้สืบทอดฝีมือดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งอินเดียอาจได้รับอิทธิพลจากยุโรปบ้างในยุคล่าอาณานิคม
ปัจจุบัน งานแกะไม้ลักษณะนี้ได้รับความนิยมในฐานะงานตกแต่งผนัง ลวดลายดอกไม้เชื่อมโยงกับศิลปะล้านนา ซึ่งใช้ลายเถาไม้และดอกไม้ในความหมายของความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญงอกงาม และการคุ้มครองสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
หม้อดอก เชื่อมโยง 2 วัฒนธรรม
ลวดลายไม้แกะสลักบนตู้เสื้อผ้าเก่าเล่า ‘ความเชื่อ’ ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมต่างพื้นที่ เมื่อ ‘ปิติ’ พาชม ตู้ไม้แองโกล-อินเดีย ตู้เสื้อผ้าไม้สักประดับกระเบื้อง ฝีมือช่างไม้อินเดียราวต้นพุทธศตวรรษที่ 25
ตู้ไม้ใบนี้โดดเด่นด้วยโครงสร้าง 2 ตอน วางซ้อนทับกันและแยกออกจากกันได้ เป็นการผสมผสานกันระหว่างรูปแบบเครื่องเรือนยุโรปและงานช่างฝีมืออินเดีย พบเห็นเป็นพิเศษในช่วงยุคอาณานิคม เพราะมีการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์บ่อย มักทำเพื่อส่งออก หรือใช้ในบ้านข้าราชการเจ้าอาณานิคมและชนชั้นสูงของอินเดีย
“จุดน่าสนใจคือลายไม้แกะสลักบนบานตู้ สะท้อนความเชื่อของอินเดียเกี่ยวกับ หม้อคาลาช (Kalash Puja)สำหรับทำพิธีไหว้องค์เทพ ซึ่งวัฒนธรรมล้านนาของเราก็มีความเชื่อเรื่อง หม้อดอก หรือ ‘หม้อปูรณฆฏะ’ สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญรุ่งเรือง ความเฟื่องฟู สามารถพบได้ในงานจิตรกรรมฝาผนังของวัดทั่วไป” ปิติ กล่าว
ในนิทรรศการฯ ยังมี ‘ของเก่า’ น่าชมอีกมากมาย แต่ละชิ้นต่างมีประวัติและคุณค่าเชิงช่างฝีมือ ปิติกล่าวว่าของเก่าภายในร้านเป็นของเก่าที่เจ้าของเดิมปราศจากความต้องการที่จะครอบครองแล้ว ไม่เคยไปรบเร้าเพื่อให้ได้มา
สิ่งของบางอย่างตัดสินใจทำเลียนแบบของเก่า เพื่อให้ของดั้งเดิมอยู่ในสถานที่ที่ควรอยู่ตามเดิม
"เราเคารพในของดั้งเดิม ถ้าเขาควรอยู่ตรงนั้น เราก็ไม่นำมา เช่น ศาลาหินอ่อนอินเดีย เป็นของเก่าอายุเยอะ เจ้าของเดิมไม่เอาแล้ว แต่เรารู้สึกว่าเขาควรจะต้องอยู่ในประเทศอินเดีย เราก็ขอให้เขาแกะสลักใหม่ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีทั้งงานเก่างานใหม่ปะปนกัน
เราอยากแสดงให้เห็นว่างานช่างฝีมือโบราณสามารถอยู่ร่วมสมัยได้ ช่างแกะสลักไม้ที่สืบทอดงานฝีมือโบราณก็ยังสามารถสร้างงานที่เป็นที่ต้องการของตลาดปัจจุบันได้ เรามีลูกค้าจากกรุงเทพฯ และภูเก็ตที่มองหางานฝีมือช่างโบราณไปตกแต่งบ้าน โรงแรม และรีสอร์ต" ปิติ กล่าว
นี่คือสิ่งที่ร้านขายของเก่าแห่งนี้อยากแบ่งปันกับสังคม
หมายเหตุ: เดอะ โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล หางดง เลขที่ 85 หมู่ 1 ต.หางดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่







