100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

ชวนชมนิทรรศการ The Power of Visualisation 100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ กบฏแห่งวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

KEY

POINTS

  • นิทรรศการ The Power of Visualisation จัดขึ้นเนื่องในวาระ 100 ปีชาตกาลของ ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ หรือ ‘ท่านกูฏ’ เพื่อรำลึกและถ่ายทอดแนวคิด ปรัชญาที่สะท้อนอยู่ในวิถีชีวิต และผลงานที่มีอิทธิพลกับศิลปะไทยสมัยใหม่ของไทย
  • ฉายา ‘ท่านกูฏ’ เป็นการยกย่องจากรุ่นน้องเพื่อเรียกให้สอดคล้องกับ ‘ท่านอังคาร’ อังคาร กัลยาณพงศ์ (ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2532) เพื่อนสนิทร่วมรุ่น
  • ทั้งคู่เป็นตำนานของศิลปากรที่เรียกรุ่นตัวเองว่า ‘รุ่นก๊อก’ เพราะมักเขียนงานขัดคำสั่งของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี จนได้ศูนย์คะแนนไปหลายครั้ง แต่ยังยืนยันตามแนวทางของตัวเอง ประกอบกับมีความชื่นชอบ วินเซนต์ แวนก๊อก ศิลปินยุคอิมเพรสชันนิสม์
  • ‘ท่านกูฏ’ นำแนวทางแบบโพสต์-อิมเพรสชันนิสม์มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน และเป็นผู้บุกเบิกผลงานจิตรกรรมใหญ่อภิศิลป์ (Great Art) หรืองานศิลปะชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานด้านจิตรกรรมฝาผนัง

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

ภาพตะวัน สุวรรณกูฏ สาธิตการวาดใบไม้

"เราเติบโตมาด้วยการช่วยงานพ่อ ตั้งแต่ล้างพู่กัน ขยับขึ้นไปเขียนใบไม้เป็นหมื่นเป็นแสนใบให้คุ้นมือ"

ภาพตะวัน สุวรรณกูฏ บุตรสาวของ ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ เล่าพลางแจกปากกาหมึกดำให้คนละด้ามแล้วลงมือวาดใบไม้ลงบนผนังให้ทุกคนลองวาดตาม

การวาดรูปใบไม้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ชวนผู้ชมเปิดประสบการณ์ไปกับนิทรรศการ The Power of Visualisation ที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีชาตกาลของ ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ หรือ ‘ท่านกูฏ’ ผู้บุกเบิกและกบฏแห่งวงการศิลปะไทยสมัยใหม่ ณ ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier)

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

นาคนิมิตร สุวรรณกูฏ

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

ภาพจำลองผลงานจิตรกรรมที่โรงแรมอนันตรา สยาม

นาคนิมิตร สุวรรณกูฏ บุตรชายของท่านกูฏ กล่าวถึงเหตุผลที่ชวนให้ผู้ชมมาลองวาดเส้นเป็นรูปใบไม้ว่านอกเหนือจากประวัติและผลงานแล้ว สิ่งที่ทายาทต้องการนำเสนอ คือ ปรัชญาการทำงานของท่านกูฏ 3 ประการ ได้แก่ ความสมถะ การปฏิบัติสู่ปัญญา และพลังของดิน น้ำ ลม ไฟ

“เรื่องแรกคือ Down to Earth ความสมถะ ความติดดิน พ่อสืบเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองอุบล มีความเชื่อตามวลีที่ว่า เจ้านายดีบ่เห็นแก่เงินแสนไถ่ แต่เห็นแก่ไพร่แสนเมือง (ผู้นำควรเห็นแก่บ้านแก่เมืองและประชาชนมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง) เป็นความรู้สึกแบบภราดรภาพ

เรื่องที่สอง เป็นการปฏิบัติสู่ปัญญา หมายถึงการที่เราเขียนรูปไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นการปฏิบัติสมาธิจนเกิดการเชื่อมโยงระหว่างการมองจากตาเนื้อ ไปสู่การมองเห็นด้วยการหลับตา เป็นมโนจักขุของปัญญาในทางศิลปะหมายถึงการสร้างสรรค์เรื่องใหม่ๆ รูปใหม่ๆ

สุดท้ายเป็นเรื่อง Force of Nature พลังของดิน น้ำ ลม ไฟ คือความงามทางสุนทรียะ ครั้งหนึ่งเราขับรถให้พ่อระหว่างทางมีต้นไม้ล้มเพราะโดนลมพายุพัดแต่มันไม่ตาย ต้นไม้พยายามแตกกิ่งก้านสาขาออกมา พ่อบอกว่าตรงนี้คือพลังของธรรมชาติที่พยายามมีชีวิตรอด ในรูปเขียนของพ่อจึงมีองค์ประกอบของดิน น้ำ ลม ไฟ ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวและมีชีวิตชีวา” นาคนิมิตรบอกกับเรา

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

“ทิพย์นิยายอ่าวสยาม” ภาพจิตรกรรมบนฝาผนังปูนที่ ‘ท่านกูฏ’ เขียนไว้ที่ร้านศรีวิวัฒน์ไก่ย่าง 100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

จินตนิยายเหนือจริงที่ปรากฏอยู่ในผลงาน “ทิพย์นิยายอ่าวสยาม”

เนื่องด้วยผลงานจิตรกรรมของ ‘ท่านกูฏ’ ล้วนเป็นผลงานสร้างสรรค์บนผนังอาคารขนาดใหญ่ อาทิ ผลงานจิตรกรรมที่ห้องโถงรับรองพระราชอาคันตุกะ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ (พ.ศ.2514-2515) ภาพจิตรกรรมบนฝาผนังและเสาในห้องอาหารเบญจรงค์ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ (ปัจจุบันผลงานได้รับการบูรณะซ่อมแซมและนำมาจัดแสดงในโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่) ผลงานจิตรกรรมบริเวณลอบบี้โรงแรมมณเฑียร และจิตรกรรมบริเวณลอบบี้โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ

จึงมีเพียงผลงาน “ทิพย์นิยายอ่าวสยาม” ภาพจิตรกรรมบนฝาผนังปูนที่ ‘ท่านกูฏ’ เขียนไว้ที่ร้านศรีวิวัฒน์ไก่ย่าง ใกล้กับเวทีมวยราชดำเนิน ในช่วงประมาณปี 2505-2508 ที่ได้รับการอนุรักษ์โดยองค์กรอนุรักษ์ไร้พรมแดนมาจัดแสดง

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่ 100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

ผลงานแอนิเมชั่นประกอบดนตรี ประพันธ์ โดย แทนสกุล สุวรรณกูฏ

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

“เขี้ยวหมูป่า” เรื่องสั้นที่ท่านกูฏเขียน ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารกันยายน นลิน (พ.ศ.2509-2514)

ร่วมกับผลงานภาพถ่าย วิดีทัศน์ บทประพันธ์ และผลงานแอนิเมชั่นประกอบดนตรี ประพันธ์ โดย แทนสกุล สุวรรณกูฏ (บุตรชายของนาคนิมิต)ที่ตีความปรัชญาThe Power of Visualisation ของคุณปู่ออกมาได้อย่างงดงามตระการตา ผ่านท่วงทำนองของบทเพลงที่สอดประสานไปกับภาพวาดที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต

นิทรรศการ The Power of Visualisation จัดขึ้น ณ ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) ภายในโครงการ ท่าช้าง-วังหลวง ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2569

เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 – 17.00 น. บัตรเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาท และนักเรียน / นักศึกษา / เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร 150 บาท

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 082 896 1929 Website: museumpier.com

FB: https://www.facebook.com/museumpier/?locale=th_TH

 

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

เกี่ยวกับ ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ

ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ท่านกูฏ’ (พ.ศ. 2468–2525) เป็นศิลปินชั้นครูชาวไทยและศิลปินไทยหัวก้าวหน้ารุ่นแรกๆ ที่ทำงานศิลปะไทยร่วมสมัย และศึกษาที่มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. 2487 เป็นนักศึกษารุ่นแรกของศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี

นอกจากเป็นจิตรกรแล้ว ท่านกูฏยังเป็นทั้งมัณฑนากร นักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ศิลป์ และนักดนตรี ผลงานของท่านแผ่ขยายไปในศิลปะหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรมฝาผนัง วรรณกรรม และ

นาฏลักษณ์ศิลปะเริงรำ แนวคิดของท่านกูฏใกล้กับแนวสัจนิยมจึงต่อต้านระบบ Hierarchies ระบบ Academic ต่อต้านการจัดอันดับ การประกวดศิลปกรรมแห่งชาติ

ผลงานจิตรกรรมฝาผนังของ ‘ท่านกูฏ’ ได้แก่ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โรงแรมมณเฑียร โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ และวัดเทพพล ย่านตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

100 ปีชาตกาล ‘ท่านกูฏ’ ไพบูลย์ สุวรรณกุฎ กบฏวงการศิลปะไทยสมัยใหม่

ทายาทท่านกูฏ (จากซ้าย) นาคนิมิตร กาพย์แก้ว กุศลมงคล ภาพตะวัน และเพลงสกุณ