1,400 ศพสังเวยน้ำท่วม ทำไม ‘มาเลเซีย’ เสียชีวิตแค่ 3 ราย? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

1,400 ศพสังเวยน้ำท่วม ทำไม ‘มาเลเซีย’ เสียชีวิตแค่ 3 ราย? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

1,400 ศพสังเวยน้ำท่วม แต่ทำไม ‘มาเลเซีย’ เสียชีวิตแค่ 3 ราย? (ณ วันที่ 3 ธ.ค.) ถอดบทเรียนสำคัญจากการจัดการภัยพิบัติของมาเลเซีย เพื่อให้ไทยเตรียมรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

1,400 ศพ คือยอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อยที่สุดในวิกฤติอุทกภัยทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ณ วันที่ 3 ธ.ค.)

อินโดนีเซีย ศรีลังกา และไทย คือ 3 ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักสุด โดยมียอดผู้เสียชีวิต 753, 465 และ 185 คนตามลำดับ ขณะที่มาเลเซียยอดผู้เสียชีวิตถูกลงบันทึกไว้เพียง 3 คน! หากตัวเลขในมาเลเซียมีเพียงแค่ 3 รายจริง มาเลเซียสมควรเป็นกรณีศึกษาให้กับทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

วิกฤติอุทกภัยครั้งนี้อันเป็นผลมาจากพายุลูกแล้วลูกเล่า ถือเป็นภัยที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงศรีลังกาเผชิญร่วมกัน วิกฤติครั้งนี้แท้จริงคือวิทยาศาสตร์ เพราะวัดได้ ประเมินและพยากรณ์ความรุนแรงได้ ดังนั้นจึงสามารถป้องกันลดความสูญเสียลงได้ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ ประเทศที่เตรียมพร้อมอย่างดีกลับมีแค่มาเลเซียเท่านั้น

รัฐบาลกลางมาเลเซียโดยหน่วยงาน The National Disaster Control Centre (NDCC) ได้ออกประกาศเตือนถึงภัยพิบัติในรอบฤดูไต้ฝุ่นนี้ตั้งแต่ 13 พ.ย. สู่หน่วยงานภาคปฎิบัติที่เกี่ยวข้องและประชาชนล่วงหน้า และเตรียมการอพยพ ล่วงมาจนถึงช่วงที่ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรัฐในคาบสมุทรมลายู กระทั่งเช้าวันที่ 27 พ.ย. หลังจากที่ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดน้ำก็เข้าท่วมกว่า 35 พื้นที่ใน 7 รัฐ

ในวันเดียวกันนั้นเอง 10,193 ครัวเรือน ก็ได้อพยพหนีน้ำไปยังศูนย์อพยพหลบภัยชั่วคราวที่กระจายกว่า 216 แห่ง ไปก่อนที่น้ำจะท่วมเรียบร้อยแล้ว!

หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้รายงานถึงจุดน้ำท่วมหนัก 3,682 จุด และพื้นที่เสี่ยงโคลนถล่ม 254 จุด ขณะที่ 1 อาทิตย์ก่อนหน้านั้นการพยากรณ์ภัยน้ำท่วมหนักเตือนภัยล่วงหน้าอย่างแม่นยำ กระตุ้นให้เกิดปฎิกิริยาลูกโซ่ที่ทำให้หน่วยงานต่างๆจำต้องเร่งทำงานทำหน้าที่ตามกฎหมาย

เจ้าหน้าที่รัฐกว่า 103,500 คนถูกแจ้งให้เตรียมพร้อมสแตนบาย 24 ชม. ศูนย์อพยพหลบภัยชั่วคราวกว่า 9,058 แห่งทั่วประเทศถูกเตรียมความพร้อมสู่การรองรับผู้อพยพหนีภัยที่สามารถรองรับคนได้มากถึง 2.2 ล้านคน การเตรียมการทั้งหมดนี้ยังไม่รวมการขุดลอกคลอง การเตรียมงบประมาณพิเศษ และที่สำคัญที่สุดคือ ระบบการจ่ายเงินเยียวยาที่ถูกออกแบบไว้ให้พร้อมโอนเงินทันทีภายใน 1-3 วัน เมื่อผู้ประสบภัยจำต้องย้ายจากบ้านสู่ศูนย์อพยพหลบภัยชั่วคราว

ขณะที่ภัยพิบัติยังไม่เกิด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้วางแผนถึงการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยที่จะระดมทรัพยากรทั้งจากหน่วยงานรัฐและ NGOs เข้ามาช่วยภายหลังภัยพิบัติ ยังไม่ต้องพูดถึงรายละเอียดเล็กๆ อาทิ การอพยพคนมาเลเซียจากหาดใหญ่ ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวคือการเตรียมแผนรับมือภัยพิบัติ และหนึ่งในผลลัพธ์ก็คือ ยอดผู้เสียชีวิตในมาเลเซียที่น้อยมากอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างไทย

การที่ทุกขั้นตอนมีตัวเลขที่แม่นยำขนาดนี้แปลว่า เตรียมตัวอย่างดีและก็ปฎิบัติได้ดีจึงทำให้มียอดผู้เสียชีวิตน้อยมาก และนี่คือบทเรียนสำคัญอย่างยิ่งกับการเตรียมรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับไทยในอนาคต