อยากมีชีวิตยืนยาว (Longevity)ต้องเริ่มที่ตัวเรา การแพทย์ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด

คิดหรือยัง...จะมีชีวิตยืนยาว (Longevity)แค่ไหน แม้กำหนดไม่ได้ แต่เลือกชีวิตดีๆ ได้ เริ่มจากจัดระเบียบชีวิต หาแรงบันดาลใจ แล้วลงมือทำ
หากมีชีวิตยืนยาวเป็นร้อยๆ ปี แล้วต้องติดเตียง ป่วยไข้ด้วยโรคนั้นโรคนี้ เป็นภาระให้คนในครอบครัว คงไม่ใช่ทางเลือกที่หลายคนอยากได้
การยืดอายุขัยให้ยืนยาว จะมีความหมายก็ต่อเมื่อเป็นช่วงชีวิตที่มีสุขภาพที่ดี (Healthspan) ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้ ไม่ใช่แค่อยู่นานที่สุดตามอายุขัย (lifespan)
เรื่อง Longevity ต้องทำความเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ อย่านึกว่าเทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด ยกตัวอย่างปัจจุบันสามารถตรวจ Epigenetic Test (ภาวะเหนือยีน) เพื่อดูอายุร่างกาย หรืออายุชีวภาพ อาจเยาว์วัยหรือแก่กว่าอายุตามปีเกิด และสามารถตรวจอัตราการแก่ชราในร่างกายได้
ถ้าจะทำให้ร่างกายแก่ช้าลง แม้จะมีคำตอบอยู่บ้าง ในเรื่องการจัดระเบียบชีวิต ทั้งการกิน อยู่ นอนและออกกำลังกาย แต่ยังมีปัจจัยแปรผัน ทั้งเรื่องยีนและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ในงาน Bitkub Summit 2025 ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กิจกรรมหลัก นอกจากเรื่องเทคโนโลยี การเงิน ยังมีเรื่องสุขภาพ เนื่องจาก ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบิทคับ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ก่อนหน้านี้ เขาทดลองใช้เทคโนโลยีด้านสุขภาพหมดเงินหลายล้านบาท และหันมาปรับวิถีชีวิตการกิน อยู่ และออกกำลังกาย ก็พบว่า น่าจะเป็นทางเลือกที่ได้ผลมากกว่า
จึงจัดการเสวนา เชิญผู้รู้มาให้ความรู้ ทั้งวงพูดคุยภายในบริษัทและเผยแพร่ให้คนทั่วไปเข้าร่วมเรื่องสุขภาพเชิงลึก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้นและนำไปใช้กับชีวิตได้ด้วย
โดยเฉพาะเรื่อง Longevity มีคนสนใจฟังจำนวนมากในหัวข้อ The Power of Longevity ความลับของศาสตร์แห่งการมีชีวิตยืนยาว ณ ห้องประชุมใหญ่ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
- อยู่อย่างไรไม่ป่วย และมีอายุยืนยาว
หมอฟ้า-พญ.วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ แพทย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกันและเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medecine) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เล่าถึงแกนหลักของ Longevity ว่า ยังมีความเข้าใจผิดๆ ในบางเรื่อง
“คำว่า Longevity หมายความว่า อยู่ให้ยืนยาวที่สุด และสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยคือ อายุขัย ใครอยากอยู่ 100 ปีหรือ 120 ปี นี่คือ Longevity โดยนิยาม แต่ความท้าทายไม่ใช่ว่าทุกคนอยากอยู่100 ปีหรือ 120 ปี สิ่งที่ทุกคนอยากได้คือคุณภาพชีวิตที่ดี จะอยู่อย่างไรไม่ให้ป่วย”
คุณหมอฟ้า บอกว่า จากการประชุมที่ผ่านมา ที่เมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก พบว่า มีคนเข้าใจผิดว่า การมี Longevity และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องใช้ตัวช่วย พวกอาหารเสริมมีอะไรบ้าง และต้องทำอะไรอีกบ้าง
“เรื่อง Longevity ในแง่วิทยาศาสตร์อาจมีงานวิจัยรองรับในวงจำกัด และเริ่มมีคนเข้าใจผิดว่า การมีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องจ่ายเงินกินอาหารเสริมเยอะๆ หรืออาจมีวิธีอื่นที่เลือกได้ ฯลฯ
ไม่อยากให้คนเข้าใจความหมายคำว่า Longevity ผิดๆ เข้าใจว่ามีทางลัดเพื่อให้คนอายุยืน และการอ้างอิงผลงานทางวิทยาศาสตร์ ต้องมีความจริงรองรับ
และต่อไปจะมีการใช้คำว่า Healthspan (อายุยืนอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่แค่อายุยืน ยังใช้ชีวิตได้อย่างมีพลัง มีความสุขในบั้นปลาย) "
- Healthspan อายุยืนอย่างมีคุณภาพ
Healthspan คือ การมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ส่วน Lifespan มีอายุยืนตามอายุขัย อาจไม่มีคุณภาพ ติดเตียงหรือป่วยก็ได้ หากนิยามแบบนี้จะมีความชัดเจนมากกว่าคำว่า Longevity
"เหมือนที่หมอฟ้าบอก คนเริ่มหาตัวช่วย และทางลัดต่างๆ ทำให้เข้าใจผิด ทั้งๆ ที่ Longevity คือพื้นฐานที่เรามีตั้งแต่เด็กๆ คือ ออกกำลังกาย พักผ่อนเพียงพอ อาหารสมดุล อยู่กับโซเชียลมากไปก็ไม่ดี อยู่กับธรรมชาติบ้าง สิ่งที่เป็นพิษก็อย่าเอาเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าอายุน้อยหรืออายุมาก ก็ทำได้" นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด การปลูกถ่ายปอดและเวชบำบัดวิกฤต ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าว
ทางลัดที่ทำให้คนอายุยืน นอกจากเสียเงิน แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่อันตราย คุณหมอธนีย์ยกตัวอย่าง การทดลองในหนูเรื่องการพัฒนาเซลล์ในร่างกาย
"เมื่อเริ่มได้ผลบางอย่าง ก็มีคนอยากนำมาทำการค้า โดยคิดว่า ถ้านำผลงานวิจัยมาใช้รายแรกๆ จะโด่งดัง รอให้เสร็จอาจช้าไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าดีหรือไม่ ถ้าทำแบบนั้นจะมีผลข้างเคียงไหม เพราะทุกอย่างที่ทำกับร่างกาย มีทั้งข้อดีและข้อเสีย"
- ความเครียดที่ต้องกำจัด
เพราะความเครียดไม่ได้มาจากจิตใจอย่างเดียว อาจมาจากร่างกายก็ได้ หมอหน่อย-พญ.สุวรรณี ศิริวิมลานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ให้ความรู้เรื่องนี้ว่า ความเครียดเป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคต่างๆ รวมถึงโรคที่เรากลัวที่สุดคือ มะเร็ง
“ความเครียดที่เรารู้จักคือ ความเครียดทางจิตใจ ยังมีอีกอย่างที่คนไม่พูดถึงคือ ความเครียดทางร่างกาย และเวลาร่างกายรับรู้ความเครียด จะแยกไม่ได้ว่ามาจากจิตใจหรือร่างกาย ดังนั้นถ้าวันนี้เรารู้ตัวว่า เรามีความเครียดทางจิตใจหรือร่างกาย ถ้าเรากำจัดความเครียดเหล่านั้น ก็คือ หนึ่งในทาง Longevity ที่ไม่เสียเงิน"
พงศ์พรหม ยามะรัต Business Development -Human Evolution Unit JMCQCS นักธุรกิจด้านเทคโนโลยี ที่หันมาสนใจสุขภาพ เคยป่วย จึงหันมาออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง เล่าว่า ไม่ได้เป็นหมอ จึงต้องศึกษาหาความรู้เอง เริ่มจากป่วย แล้วตั้งคำถามว่า ยา...ใช่ทางออกของชีวิตไหม จนค้นพบว่า ต้องเดินสายกลาง
"ก็หาความรู้สุขภาพมากขึ้น ปรับการกิน การออกกำลังกาย และการนอน ปัจจุบันสมองสดใสกว่าตอนอายุ 30 และนี่คือผลของการปรับพฤติกรรม เมื่อหันมาเมตตากับตัวเองมากขึ้น สุขภาพดีขึ้นได้"
- ลองใช้เทคโนโลยี สุดท้ายกลับมาที่ตัวเรา
ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้บริหาร บริษัทบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด พยายามรวบรวมคนหลากหลายอาชีพที่สนใจสุขภาพมาแลกเปลี่ยนความรู้หลายเวที โดยเชื่อว่า Longevity ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นอนาคตและความมั่นคงของประเทศ
เขาเล่าไว้ในเพจท๊อป จิรายุส-Topp Jorayut ว่า
"ที่ผ่านมาเราเคยชินกับการป่วยก็รักษา แต่ไม่เคยให้ความสำคัญกับการป้องกัน เราเคยชินกับการเห็นคนแก่นอนติดเตียง แต่ไม่เคยตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรถึงจะไม่กลายเป็นคนนั้น เราเคยชินกับการเป็นผู้รับโอกาส แต่ไม่เคยลุกขึ้นมาสร้างโอกาสด้วยตัวเอง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคม Super-Aged Society มีผู้ป่วยติดเตียงมากขึ้นเรื่อย ๆ อายุเฉลี่ย (Lifespan) ของชายไทยอยู่ที่ 75 ปี แต่กลับมีช่วงชีวิตที่มีสุขภาพดี (Healthspan) จนถึงเพียง 65 ปี ซึ่งหมายความว่าช่องว่าง 10 ปีนั้น คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างคนสุขภาพดี อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง หรือต้องพึ่งพาคนในครอบครัว
เรายังมีปัญหาคนเกิดใหม่ลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลระยะยาว สัดส่วนประชากรในประเทศจะไปกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กเกิดใหม่น้อย มีคนแก่มาก และคนแก่เหล่านั้นยังเป็นคนป่วยอีก ปัญหาเหล่านี้จะกระทบกันเป็นทอด ๆ ไปถึงเรื่องกองทุนสุขภาพ ประกันสังคม หรือกองทุนเลี้ยงชีพต่าง ๆ
หากประเทศของเรายังติดกับดักนี้ต่อไป ในอีก 5 ปีข้างหน้ากองทุนเหล่านี้จะไม่มีศักยภาพในการดูแลสุขภาพของคนไทย และในอีก 50 ปีข้างหน้า ประชากรจาก 70 ล้านคน จะเหลือราว 33 ล้านคน
ที่ผ่านมา ประเทศไทยใช้งบประมาณในการรักษาคนเป็นมะเร็ง 1 คน เทียบเท่ากับงบประมาณที่ประเทศฟินแลนด์ทำโปรแกรมป้องกันสุขภาพให้ประชากร 10,000 คน ซึ่งในระยะยาว ประชากรที่มีสุขภาพดี 10,000 คนนี้ ก็จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแรงให้กับประเทศ อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณในการรักษาโรคต่าง ๆ ในอนาคต
ข้อต่อมา คือวิถี Longevity ต้องเป็นโปรแกรมพื้นฐานการดูแลสุขภาพในสถานพยาบาล เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ต้องยกระดับทักษะจากการรักษาสู่การป้องกัน เพื่อให้เท่าทันกับสภาพแวดล้อมและสังคมที่เปลี่ยนไป
ข้อที่สาม คือ การปรับกติกาและความเข้าใจร่วมในสังคมใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของกองทุนสุขภาพ ประกันสังคม หรือกองทุนเลี้ยงชีพต่าง ๆ ว่าจะมีการจัดสรรและปรับเปลี่ยนอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับสัดส่วนของประชากรที่คนส่วนใหญ่จะกลายเป็นผู้สูงอายุ
ขณะที่คนวัยทำงานซึ่งเป็น‘เดอะแบก’ มีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ ผมมองว่าประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วน หากเราเปลี่ยนแปลงช้าเกินไป จะเกิดผลกระทบจำนวนมากต่อประเทศ
และข้อสุดท้าย ที่สำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนความคิดคนในสังคม ปัจจุบันคนจำนวนมากยังมองว่า Longevity เป็นเรื่องไกลตัว หรือไม่ก็เป็นการดูแลสุขภาพแบบที่มีต้นทุนสูง และเป็นภาระ
ในฐานะที่ผมมีโอกาสได้ทดลองเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องสุขภาพมากมาย ผมบอกได้เลยว่า เทคโนโลยีเหล่านั้นช่วยได้แค่ 20% ช่วยอุดช่องโหว่ของคนที่ยังมีข้อจำกัดในการดูแลตัวเอง"
ล่าสุดเขาพูดบนเวที Bitkub Summit 2025 ว่า เรื่อง Longevity ไม่จำเป็นต้องหรูหรา
"ผมทดลองนั่นนี่ ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ที่ผมทำทั้งหมด 20 เปอร์เซ็นต์เสียเงิน ส่วน 80 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้เสียเงิน แต่ต้องมีวินัย การนอนให้พอ 8 ชั่วโมง การออกกำลังกาย การกินอาหารที่ดี เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ สุขภาพไม่ได้เริ่มจากโรงพยาบาล แต่มาจากวิธีที่เรามีชีวิตอยู่ทุกวัน
ท๊อป เล่าถึงตอนเขาอายุ 33 ปีว่าทดสอบอายุร่างกายทางชีวภาพของเขาอยู่ที่ 49 ปี จึงหันมาดูสุขภาพประมาณ 18 เดือน ปีนี้อายุ 35 ปี อายุร่างกายทางชีวภาพลงมาที่ 30 ปี
ทั้งหมดเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในการพูดคุยเรื่องการมีชีวิตยืนยาว...
.............
ภาพ : เพจท๊อป จิรายุส-Topp Jorayut







