สวนพักใจในกรุงเทพ สุนทรียะที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พิงหลัง

สวนพักใจในกรุงเทพ สุนทรียะที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พิงหลัง

สวนพักใจในกรุงเทพ ที่เป็นมากกว่าสถานที่ออกกำลังกาย...ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ ทำกิจกรรมร่วมกัน และสถานที่หย่อนใจ

แม้ปัจจุบันกรุงเทพฯ จะมีพื้นที่สีเขียวหรือสวนสาธารณะกว่า 50 แห่ง เพื่อรองรับการทำกิจกรรมหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อใช้ออกกำลังกายหรือเดินเล่น แม้จะมีกิจกรรมอื่นๆ บ้างก็เฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ 

ทำไมไม่ค่อยมีสวนที่เปิดโอกาสให้ประชาชนออกมาทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาลอย่างเดียว  เพราะเมืองไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสิ่งนั้น และสังเกตได้ว่า ถ้าช่วงเวลาไหนจัดกิจกรรมให้ลงทะเบียนผ่านออนไลน์ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็มีคนสมัครเต็ม ไม่ว่ากิจกรรมการอบรมเพาะชำต้นไม้ ตัดกิ่งวาดรูป โยคะ เดินสำรวจแมลง สำรวจย่านเก่า สำรวจต้นไม้ ฯลฯ 

จึงขอยกตัวอย่างสถานที่พักใจที่เลือกได้ และอยากให้เมืองมีสวนหรือสถานที่แบบนี้เยอะๆ .... 

 

  • สวนโมกข์กรุงเทพฯ มีต้นไม้ใหญ่ และธรรมะ

สวนโมกข์กรุงเทพฯ หรือหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เป็นสถานที่สงบร่มเย็น อยู่ใกล้สวนรถไฟ มีต้นไม้ร่มรื่น แม้คนไม่ได้นับถือพุทธ ก็แวะเวียนมาได้ 

สำหรับคนที่ไม่รู้จัก หรือไม่เคยมา อยากบอกว่า ที่นี่ไม่เหมือนวัด ไม่เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป แต่มีเรื่องราวและกิจกรรมทางธรรมตามแนวทางท่านอาจารย์พุทธทาสให้เข้าร่วมทุกสัปดาห์ มีห้องนิพพานชิมลางให้นั่งสมาธิเงียบๆ มีมุมให้นั่งเล่นชมนก ชมไม้ ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ลานหินโค้ง

และอาคารที่สถาปัตยกรรมเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติเหมาะกับการอยู่กับตัวเอง ทำความเข้าใจชีวิต ธรรมชาติและธรรมะ  

หากต้องการปลีกวิเวกแบบไม่ค้างคืน ไม่ต้องการความเงียบสงบมากนัก สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ นอกจากกิจกรรมหลากหลาย ยังมีการพาทัวร์ในสวนโมกข์ “เพลินธรรม นำชม” ซึ่งรับรองได้ว่าไม่น่าเบื่อ

สวนพักใจในกรุงเทพ สุนทรียะที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พิงหลัง

ครึ่งวันในสวนโมกข์ที่อาสาสมัครพาทัวร์ กลายเป็นเรื่องสนุกที่ทำให้เข้าใจธรรมะและธรรมชาติ ซึ่งบางคนอาจคลิกในบางเรื่องของชีวิตระหว่างการพาทัวร์ อาสาสมัครจะช่วยถอดปริศนาธรรมงานศิลป์ งานปั้นและสถาปัตยกรรม เพื่อให้เข้าใจธรรมะของท่านอาจารย์พุทธทาส

ส่วนอีกจุดที่มีโอกาสเข้าไปนั่งเล่นสงบอารมณ์ ก็คือ ห้องนิพพานชิมลอง บรรยากาศไฟสลัวๆ เงียบๆ สามารถเข้ามานั่งสมาธิได้ 

ธรรมะของท่านอาจารย์พุทธทาสเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย...  เมื่อรู้สึกโกรธ หงุดหงิด ไม่พอใจ และไม่สบอารมณ์ ซึ่งเกิดขึ้นทุกๆ วัน ให้กลับมาอยู่กับลมหายใจ หากเมื่อใดเราวิ่งตามอารมณ์ความรู้สึก เราก็จะเหนื่อย เกิดความตึงเครียด ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว

และนี่คือ สวนที่เปิดให้คนมาเรียนรู้เรื่องใจ ถ้าต้องการคำแนะนำก็มีกัลยาณมิตรช่วยแนะนำ  เพราะคนเราทุกข์จากความคิด ชอบปรุงแต่ง คิดไปเอง คิดไปก่อน เมื่อใดอารมณ์เกิด ก็แค่ตามรู้ ไม่ต้องตามคิด

การสัมผัสบรรยากาศสวนรูปแบบนี้...

หากต้องการธรรมะ ก็ได้ธรรม

หากต้องการธรรมชาติ ก็ได้สิ่งนั้น

หากต้องการงานศิลป์ ก็ได้เห็นความงามที่มีอยู่

หากไม่ต้องการอะไรเลย ก็มาเดินเล่น

สวนพักใจในกรุงเทพ สุนทรียะที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พิงหลัง คำสอนของท่านอาจารย์พุทธทาสไม่ได้สอนเรื่องไกลตัวเลย ในคู่มือมนุษย์ บันทึกไว้ว่า “ร่างกายและจิตใจที่คนเข้าไปยึดถือด้วยอุปาทานอยู่นั่นแหละ เป็นความทุกข์...” 

สวนโมกข์กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ถนนนิคมรถไฟสาย 2 เขตจตุจักร ทุกสัปดาห์มีกิจกรรมทางพุทธศาสนาที่ไม่ได้เน้นแค่แนวทางท่านอาจารย์พุทธทาส ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้เบิกบานใจ

  • พักใจและเรียนรู้ป่าในกรุง สุขาภิบาล 2  

สวนพักใจในเมืองอีกแห่งที่คนส่วนใหญ่รู้จัก เรียกเต็มๆ ว่า ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง โดยสถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. ย่าน สุขาภิบาล 2 บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น ควรไปช่วงเช้าๆ ถ้าไปช่วงเย็นๆ ก็ไม่ควรเกิน 18.00 น. 

สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ป่า เพื่อทำให้คนเข้าชมเห็นว่า ป่าในธรรมชาติต้องมีการจัดการเรื่องน้ำและดินอย่างไร เป็นอีกป่าและสวนที่น่าสนใจทีเดียว

ที่นี่เป็นเสมือนปอดอีกแห่งของคนเมือง มีต้นไม้นานาพรรณ เนื่องจากปลูกมาหลายสิบปี จึงมีความร่มรื่น โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็นๆ เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม น่าเดินเที่ยวมาก

ป่าในกรุงแห่งนี้เกิดจากทางปตท.พัฒนาพื้นที่รกร้าง12 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ 9 ไร่ทำเป็นป่านิเวศ ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับสภาพป่าธรรมชาติแต่อยู่ในเมือง โดยเลือกปลูกพันธุ์ไม้ดั้งเดิม และไม้หายากกว่า 300 ชนิด โดยแต่ละรอบมีคนบรรยาย เพื่อให้เห็นว่า ในอดีตกรุงเทพฯมีต้นไม้นานาพันธุ์อะไรบ้าง

สวนพักใจในกรุงเทพ สุนทรียะที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พิงหลัง ป่าในกรุงมีตั้งแต่ ป่าไม่ผลัดใบ ป่าดิบที่ลุ่ม พบเห็นได้ในที่ราบลุ่มภาคกลาง ตามริมแม่น้ำ ห้วย หนอง ลำคลอง บึง สลับภูมิประเทศที่เป็นดอน เนินหรือโคก มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 0-100 เมตร ซึ่งปัจจุบันแทบจะไม่เหลือป่าแบบนี้แล้ว

นอกจากนี้ยังมีแนวคิดปล่อยให้ป่าจัดการตัวเอง ตามแนวคิดของ ศาสตราจารย์ดร.อาคิระ มิยาวากิ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโยโกฮาม่า บุคคลที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า เป็นผู้สืบทอดแนวคิดการสร้างป่าโดยดำรงสภาพธรรมชาติไว้ ที่นี่พยายามปลูกทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง พืชป่าน้ำกร่อย และพืชป่าทนเค็ม เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติ

รวมถึงปลูกไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้พื้นล่าง หลากหลายชนิด อาทิ ยางนา, ตะเคียนทอง, มะขามป้อม, ตะแบก, พระเจ้าห้าพระองค์, นนทรี, มะกล่ำต้น, มะเดื่อ, มะค่าโมง, ลำดวน, ขันทองพยาบาท, หว้า, สมอพิเภก ฯลฯ

สวนพักใจในกรุงเทพ สุนทรียะที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พิงหลัง การนำแนวคิดของอาคิระมาประยุกต์ใช้ เน้นการปลูกพันธุ์ไม้ดั้งเดิมของพื้นที่ มีการเตรียมดิน และสร้างเนินดิน เตรียมกล้าไม้จากการเพาะเมล็ด และกล้าไม้ต้องอายุหกเดือนขึ้นไป ความสูง 80-100 เซนติเมตรเพาะในถุงดำ ต้องมีรากแก้วแข็งแรงสมบูรณ์ โดยจะปลูก 3-4 ต้นต่อตารางเมตร ปลูกแบบสุ่มๆ ไม่เป็นแนวเป็นแถว เพื่อให้กล้าไม้แข่งกันเติบโตตามธรรมชาติ

ส่วนเทคนิคการปลูกก็ไม่ได้ซับซ้อน คนทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้ โดยนำกล้าไม้ไปจุ่มน้ำก่อนปลูก หลังจากปลูกแล้วให้คลุมด้วยฟางข้าว หรือวัสดุย่อยสลาย เพิ่มความร่วนซุยให้ดิน และพื้นที่บางส่วนทำเป็นเนินดิน เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวดิน ธาตุอาหารและอินทรียวัตถุในดิน

ป่าในกรุง แบ่งพื้นที่ปลูกป่านิเวศไว้ 75 เปอร์เซ็นต์ ,พื้นที่แหล่งน้ำ 10 เปอร์เซ็นต์ และพื้นที่อาคารเพื่อการเรียน 15 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอาคารนิทรรศการ มีหลังคาใช้ปลูกต้นไม้ในรูปแบบ Roof Garden โดยปลูกพรรณไม้นานาชนิด เพื่อช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร เป็นต้นแบบนวัตกรรมอาคารสีเขียว โดยผนังอาคารใช้ดินธรรมชาติเป็นฉนวนกันความร้อน

ด้านนอกอาคาร มีพวกเมล็ดพันธุ์หลากหลายชนิดบรรจุไว้ในเรซิ่นใสๆ ให้ชม ส่วนภายในอาคารมีนิทรรศการเพื่อการเรียนรู้ จะได้เห็นว่า คน ป่า เมือง อยู่อาศัยเกื้อกูลพึ่งพาซึ่งกันและกันอย่างไร

ส่วนทางเดินชมเรือนยอด (Sky Walk) เพื่อให้คนได้เรียนรู้สังคมพืชระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับพื้นดินถึงระดับความสูง 10.2 เมตร และหอชมป่าความสูง 23 เมตร เพื่อชมตัวเมืองกรุงเทพฯ

ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง ปตท. เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น. ตั้งอยู่ที่ถนนสุขาภิบาล 2 เขตประเวศ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

สวนพักใจในกรุงเทพ สุนทรียะที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พิงหลัง

  • สวนลอยฟ้าเชื่อมกับเซ็นทรัล พาร์ค

สวนลอยฟ้าแห่งแรกที่เชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้า ในโครงการมิกซ์ยูส การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จัดเป็นพื้นที่สีเขียวไล่ระดับตามระดับความสูงของอาคารดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เป็นอีกโครงการที่ผสมผสานการอยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า ไลฟสไตล์และธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้ชื่อว่า สวนดุสิตอรุณ  

มีการออกแบบโดยคำนึงถึงการสร้างระบบนิเวศ และนิเวศเมือง มีไม้พื้นถิ่นกรุงเทพฯ อาทิ มะกอกน้ำ  ตะแบก ลำพู เป็นอาหารตาอาหารใจ ออกแบบมาเพื่อให้คนได้ทำกิจกรรมได้หลากหลายในรูปแบบสวนลอยฟ้า  7 ไร่ 

เมื่อเปิดอย่างเป็นทางการ ก็มีคนมากมายอยากมาเที่ยวห้างสรรพสินค้าและชมสวน เป็นจุดพักใจกลางเมืองที่แตกต่างจากสองแหล่งพักใจที่กล่าวมา 

ลองแวะมาชมวิวระเบียงรังนก ใกล้ต้นตะแบก ไม้ผลัดใบ ดอกสีม่วงอมชมพู รวมถึงมุมอัฒจันทร์ดุสิตพินี ,จุดชมวิวสวัสดีบางกอก และม่านน้ำ 2513 ฯลฯ 

สวนพักใจในกรุงเทพ สุนทรียะที่มีต้นไม้ใหญ่ให้พิงหลัง

ที่นี่เป็นสวนอีกแห่งที่ให้ความสำคัญเรื่องระบบนิเวศ ไม่ว่าเรื่องกรองฝุ่น ลดอุณหภูมิ และฟอกอากาศ เน้นความยั่งยืน โดยออกแบบอย่างเป็นระบบ ทำให้สวนลอยฟ้ากลางกรุงสามารถมองเห็นสวนลุมและตึกสูงใหญ่ในกรุงเทพฯได้

ว่ากันว่า มีการออกแบบโดยผสานกับศาสตร์ฮวงจุ้ยและดีไซน์ร่วมสมัย เพื่อสร้างพลังดีๆ ให้ผู้อยู่อาศัย โดยมีความตั้งใจให้เป็นศูนย์รวมพลังชีวิตใจกลางเมือง 

พื้นที่สีเขียวสวนลอยฟ้าแบบนี้ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ เลือกที่จะทำสิ่งที่แตกต่าง มีห้างสรรพสินค้า มีสวนกลางแจ้ง และเชื่อว่า ในอนาคต โครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่จะให้ความสำคัญกับสวนและพืชท้องถิ่นมากขึ้น 

สวนเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างสถานที่พักใจที่มีความชัดเจนในเรื่องกิจกรรม ทั้งทางธรรม การเรียนรู้เรื่องป่า และสวนหย่อนใจหลังเดินห้างฯ 

นี่คือ ตัวอย่างสวนพักใจที่เลือกได้