เทศกาลกินเจ ภูเก็ต ปี2568 : ความโดดเด่นที่ทำให้เงินสะพัดกว่าทุกปี

เทศกาลกินเจ ภูเก็ต ปี2568 : ความโดดเด่นที่ทำให้เงินสะพัดกว่าทุกปี

เทศกาลกินเจ ภูเก็ต เป็นที่รู้จักระดับโลก ในปี 2568 คาดการณ์ว่า เงินสะพัดกว่าทุกปี เพราะกินเจ ภูเก็ต มีดีทั้งเรื่อง อาหาร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว

เทศกาลกินเจ ภูเก็ต ปีนี้ตรงกับวันที่ 21-28 ตุลาคม 2568  เป็นเทศกาลยิ่งใหญ่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จัก ทั้งเรื่องความแปลก แตกต่างจากเทศกาลอื่นๆ ตั้งแต่พิธีกรรม ขบวนแห่ อาหารมังสวิรัติที่หลากหลาย รวมถึงคนเข้าร่วมจำนวนมหาศาล 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทศกาลกินเจภูเก็ต สร้างรายได้ มีเงินสะพัดตั้งแต่หลักร้อยล้านถึงพันล้าน ไม่ต่างจากเทศกาลใหญ่ๆ ของหลายประเทศ

น่าเสียดายว่า ไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรมที่โดดเด่นอีกหลายแห่ง แม้ไม่ยิ่งใหญ่เท่าเทศกาลกินเจ ภูเก็ต แต่อวดนักท่องเที่ยวได้อย่างภูมิใจ เพียงแต่ไม่ได้รับการโปรโมทอย่างจริงจัง 

เรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนคิดถึงการท่องเที่ยวในมาเก๊า ใช้เวลาไม่กี่วันก็เที่ยวทั่วเมือง นักท่องเที่ยวจะรู้ว่า ต้องนั่งรถ และเดินไปถ่ายรูปที่ไหนอย่างไร มีจุดเช็คอินที่พลาดไม่ได้ตรงไหนบ้าง อาทิ ซากโบสถ์เซนต์ปอล จัตุรัสเซนาโด หมู่บ้านไทปา  แม้กระทั่ง เดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊า อาคารโรงแรมและบ่อนคาสิโน ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนรู้จัก และต้องแวะไปถ่ายภาพ

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างเทศกาลที่โดดเด่นอีกสักแห่งในโลก ผู้เขียนนึกถึงการแข่งขันขี่ม้าในเทศกาลนาดัม จัดในวันชาติของมองโกเลีย (วันที่ 11 กรกฎาคมของทุกปี)เป็นเทศกาลยิ่งใหญ่ที่ชาวมองโกเลียทั้งในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาร่วมกันเฉลิมฉลอง

เทศกาลกินเจ ภูเก็ต ปี2568 : ความโดดเด่นที่ทำให้เงินสะพัดกว่าทุกปี เทศกาลการแข่งขี่ม้าบนทุ่งหญ้าสีเขียวนอกเมืองอูลันบาตอร์ (เมืองหลวงของมองโกเลีย) มีภูเขาและท้องฟ้าเป็นแบล็คกราวด์ มีเนินเขาเป็นที่จอดรถจำนวนมหาศาล มีเพียงที่เดียวในโลก

ระหว่างเดินไปยังทุ่งหญ้าที่เป็นสนามแข่ง จะมีชาวมองโกเลียขี่ม้าสวนไปมาเป็นระยะ เป็นบรรยากาศที่แปลกสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ตรงนั้น จะไม่แปลกได้อย่างไร เด็กชาวมองโกลวัย10 ขวบควบม้าไม่ต่างจากมืออาชีพ ก็เพราะพวกเขามีเจงกีสข่าน นักรบผู้ยิ่งใหญ่ เป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิต

เมืองต้องมีรากวัฒนธรรม ไม่ต่างจากภูเก็ต เมืองที่มีวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมผสมผสาน ทั้งจีน มาเลเซีย และยังมีอิทธิพลจากยุโรปในย่านเก่า รวมถึงพิธีกรรมหนึ่งเดียวในโลก  ไม่ว่าการลุยไฟ เดินบนถ่านไฟร้อนๆ การทิ่มแทงของมีคมที่แก้มหรือส่วนอื่นๆ หรือพิธีแห่พระรอบเมืองของแต่ละศาลเจ้าที่ปฎิบัติมาช้านาน ที่นั่นมีศาลเจ้าขนาดใหญ่ 4 แห่ง ศาลเจ้าขนาดกลางและเล็กทั่วเกาะกว่า 40 แห่ง 

จึงไม่แปลกที่ช่วงเทศกาลกินเจ ภูเก็ต จะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเที่ยวภูเก็ตมากมาย โดยปี 2568 คาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 4.6 หมื่นล้านบาท เป็นการคาดคะเนมูลค่าสูงสุดในรอบ 5 ปี เพราะเป็นช่วงจังหวะมาตรการคนละครึ่งพลัสเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ

กินเจ ภูเก็ต เป็นเทศกาลท่องเที่ยวที่ครบเครื่อง ทั้งเรื่องกิน เที่ยว ไหว้พระ และตอบโจทย์ครั้งหนึ่งในชีวิตของหลายคนที่มีโอกาสได้เข้าร่วมในพิธีลุยไฟ (พิธีโก้ยโห้ย) เพื่อชำระพลังไม่ดีออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีพิธีโก้ยห่าน (พิธีสะเดาะเคราะห์) หลังจากพิธีลุยไฟ 

เพราะวิถีการเดินทางท่องเที่ยวของคนบนโลกนี้ ก็เพื่อพานพบประสบการณ์ที่เรียกว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต เฉกเช่น การดูคนมองโกเลียขี่ม้า หรือการเข้าร่วมเทศกาลหิมะซัปโปโร ญี่ปุุ่น

วกกลับมาที่ประเทศไทย มีแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางวัฒนธรรม และธรรมชาติที่โดดเด่นมากมาย แต่สิ่งที่ขาดหายไป ก็คือ การจัดการและการโปรโมทที่ดี โดยเฉพาะการจัดเส้นทางการท่องเที่ยวแต่ละจุด อย่าลืมว่า นักท่องเที่ยวอยากสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีในประเทศเขา และไม่ต้องการความฉาบฉวย

ยิ่งปีนี้( 2568) เป็นโอกาสที่ดี ประเทศไทยมีนักแสดงเกิร์ลเลิฟและบอยเลิฟที่ได้รับความนิยมติดอันดับโลก แฟนคลับก็มีอยู่ทั่วโลก สามารถใช้ซอฟต์พาวเวอร์ไทย โปรโมทอาหารและการท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักได้อย่างแน่นอน

ถ้าหน่วยงานท่องเที่ยวไม่ติดระบบหรือกรอบคิดแบบเดิมๆ ก็น่าจะเป็นจิกซอว์อีกตัวที่ทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัว