ระดมทุนสร้างสารคดีผสมดรามา ‘อาณาจักรแห่งความกลมเกลียว’

สมาคมนักศึกษาเก่าคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระดมทุนสร้างภาพยนตร์สารคดีผสมดรามา เรื่อง ‘อาณาจักรแห่งความกลมเกลียว’
ศิลป์ สร้าง ศิลป์ มาทำความรู้จักที่มาของ ผลงานศิลปะ ที่เปิดจำหน่ายในการระดมทุนสร้างภาพยนตร์สารคดีผสมดรามา เพื่อระลึกถึงบรมครูผู้วางรากฐานศิลปะสมัยใหม่ไทย
ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์สารคดีผสมดรามา เรื่อง อาณาจักรแห่งความกลมเกลียว (The Empire of Harmony)
โดยความร่วมมือระหว่าง สมาคมนักศึกษาเก่าคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กลุ่มศิลปินและ มาร์โค แกตติ ผู้สร้างภาพยนตร์อิสระจากประเทศอิตาลี ที่ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ภายในงานนอกจากจะมีการฉายภาพยนตร์ตัวอย่างให้ชมแล้ว ยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะและจัดจำหน่าย
เพื่อนำรายได้ไปสมทบทุนในการสร้างภาพยนตร์สารคดีผสมดรามาให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2569 ซึ่งยังต้องการงบประมาณในการสนับสนุนอีกประมาณ 2 ล้านบาท
มาชมกันค่ะว่ามีงานศิลปะของใครกันบ้าง และมีที่มาที่น่าสนใจลึกซึ้งเพียงใด เริ่มต้นกันที่ผลงาน เงาของสรรพสิ่ง ของ อินสนธิ์ วงค์สาม ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ผู้ยังคงทำงานศิลปะอยู่แม้จะมีอายุมากกว่า 90 ปีแล้วก็ตาม
เงาของสรรพสิ่ง โดย อินสนธิ์ วงค์สาม
ผลงานชิ้นนี้ใช้เทคนิคเซรามิกบนกรอบไม้สัก สร้างเป็นงานศิลปะนามธรรมที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างรูปทรงภายในและภายนอก
วัสดุแข็งแกร่งกับวัสดุเปราะบางที่เกื้อกูลและพึ่งพากัน สะท้อนให้เห็นถึงสื่อถึงการอยู่ร่วมกันของสรรพสิ่งที่ไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างเดียวดาย
จากนางฟ้าถึงศาสตราจารย์ศิลป์ 2 ผลงานจาก ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี จิตรกรภาพเหมือนบุคคลชั้นแนวหน้าของไทย มีผลงานภาพเหมือนบุคคลสำคัญและพระบรมสาทิสลักษณ์ในราชวงศ์จักรีที่อยู่ในคอลเลกชันของสถาบันชั้นนำ
นางฟ้า โดย ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี
ศิลป์ พีระศรี โดย ศักดิ์วุฒิ วิเศษมณี
นางฟ้า (ดินสอบนกระดาษ, 75 x 87 ซม.) เป็นภาพร่างสำรวจรูปทรงก่อนพัฒนาเป็นภาพสีน้ำมันในชุดที่สร้างต่อเนื่องกว่า 2 ปี นางฟ้าเปลือยกายผสมองค์ประกอบนางฟ้าตะวันตกที่มีปีกขนาดใหญ่กับนางฟ้าแบบไทยที่สวมชฎา สะท้อนการผสมวัฒนธรรมและจินตนาการ
และ ศิลป์ พีระศรี (ดินสอบนกระดาษ, 75 x 87 ซม.) วาดจากภาพถ่ายบุคคลของ ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ไทย ด้วยเส้นสายสด ฉับไว และทรงพลัง
ทั้งสองผลงานบรรจุในกรอบที่ศิลปินออกแบบเอง ติดตราสัญลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนทั้งความประณีตและเอกลักษณ์ของศิลปิน
ท่ามกลางทุ่งสังหาร โดย ฉลอง บุญจันทึก
ฉลอง บุญจันทึก และศิวพร ภรรยาผู้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้
ท่ามกลางทุ่งสังหาร ของ ฉลอง บุญจันทึก ผลงานชิ้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก The Tiger Hunt ของ Peter Paul Rubens ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 งานชั้นครูด้านพลังการเคลื่อนไหวและความดุดัน
ศิลปินนำมาตีความใหม่จากฉากแห่งชัยชนะและความรุนแรง กลับกลายเป็นฉากที่ผู้หญิงคนหนึ่งยืนสงบ สบตาผู้ชมด้วยสายตาเข้มแข็ง เปี่ยมด้วยเมตตา และไม่ยอมถูกความรุนแรงกลืนกิน
เบื้องหลังภาพนี้ให้ความรู้สึก กินใจ เมื่อได้ทราบว่าศิลปินเขียนขึ้นเพื่อเชิดชูภรรยา ผู้หญิงที่ยอมสละไตข้างหนึ่งให้กับสามี
ความรักที่เปี่ยมไปด้วยพลังนี้ศิลปินสะท้อนผ่านการสร้างโลกคู่ขนานที่ผู้หญิงไม่ได้เป็นเพียงเหยื่อ ในสนามรบของชาย
แต่กลับเป็นศูนย์กลางของความสงบงามท่ามกลางความรุนแรง เขาเชิดชูสภาวะความเป็นหญิง ไม่ใช่ด้วยความอ่อนแอ แต่ด้วยพลังนิ่งเงียบที่ยิ่งใหญ่
แม้ชื่อผลงานจะดูดุดัน หากเต็มไปด้วยความจริงของชีวิตที่น่าประทับใจ
Beliefs & Faiths โดย สรรพวิทย์ สิทธิสันต์
มาถึงภาพที่ชวนให้คิดถึงความอบอุ่นของบ้านในผลงาน Beliefs & Faiths ของ สรรพวิทย์ สิทธิสันต์ ศิลปินร่วมสมัยผู้ถ่ายทอดรายละเอียดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย–จีน ผ่านผลงานจิตรกรรมสีน้ำที่งดงามละเมียดละไม
ภาพบ้านห้องแถวเก่าในเมืองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศความทรงจำ ภายในบ้านประดับด้วยวัตถุมงคลแบบจีน ทั้งรูปเคารพพระสังกัจจายน์ เทวรูปจีนยันต์มงคล สัตว์ศักดิ์สิทธิ์
และแมวกวักจากญี่ปุ่น ข้าวของเครื่องใช้เช่นวิทยุ โทรทัศน์ และพัดลมยุคศตวรรษที่ 20 สะท้อนภาพวิถีชีวิตในอดีตได้อย่างชัดเจน
โดยมี สติกเกอร์ เรารักในหลวง เหนือวงกบประตู ที่บ่งบอกการผสานความเป็นไทยกับอัตลักษณ์จีนได้อย่างลึกซึ้ง
กำศักดิ์ อติพิบูลย์ศิลป์ กับผลงาน Bliss
ตามด้วยความสุขวาบวามในผลงานมีชื่อว่า Bliss ของ กำศักดิ์ อติพิบูลย์สิน ศิลปินผู้สร้างชื่อจากการทำงานจิตรกรรมนามธรรมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
ผลงานนี้สะท้อนความเข้าใจในศิลปะนามธรรมซึ่งมิใช่การเล่าเรื่อง แต่เป็นการสื่อสารสภาวะจิตภายในโดยตรง
สุธี คุณาวิชยานนท์ ศิลปินและอาจารย์ประจำคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร ให้คำเปรียบเปรยถึงผลงานของกำศักดิ์ว่า
“ร่องรอยของฝีแปรงอันเสรี สีสันจัดจ้าน และแรงกระทำที่ข้นคลั่ก ถ่ายทอดพลังดิบอันปราศจากการควบคุม เสมือนเมโลดีของดนตรีชั้นเยี่ยมที่ถ่ายทอดอารมณ์โดยไม่ต้องพึ่งถ้อยคำ”
Crown Face 2 โดย โอภาส โชติพันธวานนท์
ส่งท้ายด้วยผลงาน Crown Face 2 โดย โอภาส โชติพันธวานนท์ ศิลปินที่สร้างสรรค์และพัฒนางานกระดาษเปเปอร์มาเช่มาอย่างต่อเนื่อง
ประติมากรรมชิ้นนี้ใช้ลวดอลูมิเนียมถักทอเป็นโครงคล้ายงานจักสานพื้นบ้าน ก่อร่างเป็นรูปใบหน้าขนาดใหญ่และมงกุฎที่หุ้มด้วยเยื่อกระดาษทับซ้อนแล้วระบายสีอะคริลิกอย่างประณีต
รายละเอียดเส้นสายถักสานสื่อถึงทั้งความเปราะบางและพลังสร้างสรรค์
ริมฝีปากสีแดงสดที่เด่นชัดบนผลงานเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งการเปล่งเสียงและการยืนยันตัวตน มงกุฎไทยที่ปรากฏไม่ได้จำกัดอยู่ในราชพิธี
หากกลับเป็นการยกย่อง คนธรรมดา ให้มีศักดิ์ศรีและเกียรติยศเช่นเดียวกับชนชั้นสูง ผลงานชิ้นนี้จึงเปรียบเสมือนคำประกาศถึงสิทธิและโอกาสของทุกคนในการสร้างสรรค์สิ่งงดงามและได้รับการยอมรับ
ถึงแม้ว่านิทรรศการจะจัดแสดงขึ้นเพียงวันเดียว แต่ผู้สนใจสามารถเข้าไปชมและสนับสนุนผลงานศิลปะในโครงการระดมทุนทั้งหมดได้ทางhttps://www.facebook.com/profile.php?id=100063859950607 (เฟซบุ๊ก สมาคมนักศึกษาเก่าคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร)
ในส่วนของภาพยนตร์สารคดีดรามาขณะนี้ถ่ายทำในส่วนของประเทศอิตาลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังเหลือในส่วนของเรื่องราวในประเทศไทย สามารถชมภาพยนตร์ตัวอย่างได้ทางเพจของสมาคมนักศึกษาเก่าคณะจิตรกรรม ฯ ด้วยเช่นกัน
อ้างอิง : ผลงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินชั้นนำ จำหน่ายโครงการระดมทุนสร้างภาพยนตร์ เรื่อง
อาณาจักรแห่งความกลมเกลียว โดย สุธี คุณาวิชยานนท์
เกี่ยวกับ : อาณาจักรแห่งความกลมเกลียว
สารคดีผสมดรามา (Docudrama) ความยาว 80 นาที ผลงานการกำกับฯ ของ มาร์โค แกตติ (Marco Gatti) ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิตาลี
นำเสนอเรื่องราวของ ดินแดนแห่งศิลปะที่สยามเก่าและไทยใหม่ บรรจบเข้ากับโลกตะวันตก ถ่ายทอดเรื่องราวของสาวลูกครึ่งไทย-อิตาลี
ที่เดินทางจากทัสคานีสู่กรุงเทพฯ เพื่อตามหาสายสัมพันธ์อันกลมเกลียวของชีวิตกับศิลปะ
ผ่านภาพวาดบนเพดานโดม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมของ แกลิเลโอ คินี สู่ผลงานบรมครูของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม ศิลปิน 5 แผ่นดิน







