ไม่อยากป่วยด้วยโรคร้าย ลองปรับไลฟ์สไตล์ กินอาหารกระตุ้นด่าง

เคยสังเกตไหมว่า อาหารที่กินเข้าไปมีความเป็นกรดหรือด่าง แล้วทำไมต้องกินอาหารกระตุ้นด่าง แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน นำเสนอเรื่องนี้
“ถ้าอยากผิวดี ต้องกินผักและผลไม้รสเปรี้ยวเยอะๆ...”
“วันนี้คุณกินผักกี่ใบ ”
“ตอนคุณพ่อหมออายุ 101 ปี ยังชงโอวิลตินกินเองได้ ความจำไม่เสื่อม คุณพ่อมีคติประจำใจว่า ไม่อยากเป็นภาระใคร”
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งที่ คุณหมอพักตร์พิไล ทวีสิน ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ รพ.บำรุงราษฎร์ นำเสนอเรื่อง อาหารกระตุ้นด่างและสุขภาพ ในงานThailand Wellness & Healthcare Expo 2025 หนึ่งในหัวข้อที่นำมาปรับเปลี่ยนใช้กับชีวิตได้
สาเหตุหลักการเสียชีวิตของประชากรโลกประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์มาจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ส่วนใหญ่มาจากไลฟสไตล์ของแต่ละคน โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน
“คนไทยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเยอะ สถิติการเสียชีวิตอันดับหนึ่งมาจากโรคมะเร็ง
รู้ไหม...เวลาที่เราไปตรวจสุขภาพ เมื่อผลเลือดทางแล็บออกมา หากพบว่าไขมันและความดันโลหิตสูง แพทย์ส่วนใหญ่จะจ่ายยาทันที ต่างจากหมอเวชศาสตร์ชะลอวัย จะเน้นเรื่องการป้องกันโรค ดูแลสุขภาพก่อนป่วย
ถ้าตรวจพบว่า ไขมันสูงนิดหนึ่ง น้ำตาลขึ้นหน่อย ความดันขึ้นเล็กน้อย ตัวหมอเองมองว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ยา ควรปรับไลฟสไตล์ จะใช้อาหารเสริม ฮอร์โมน ใช้สารธรรมชาติ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ หมอไม่กินยา พยายามไม่ให้คนไข้ใช้ยาที่เป็นสารเคมีที่สังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ ใครมีญาติผู้ใหญ่ที่กินยาหลายๆ ตัวแล้วสุขภาพดีขึ้น...มีไหม"
คุณหมอพักตร์พิไล เล่าถึงคุณพ่อของเธอว่า ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้วสุขภาพทรุดโทรมไปเยอะ
"ตอนฉลองวันเกิดครบรอบ 100 ปี ยังยืนหลังตรง ไปทำบุญปล่อยปลาได้ อายุ 101 ปีความจำยังไม่เสื่อม คุณพ่ออยู่คนเดียวได้ ไม่มีพี่เลี้ยง ชงโอวัลตินกินเอง หาอาหารทานเองได้
คุณพ่อบอกว่าไม่ต้องมายุ่ง ไม่รู้ตื่นกี่โมง บางทีตื่นตี 5 จะเรียกเด็กให้ทำอาหารเช้าให้ก็เกรงใจ แต่ปีนี้ 102 ปีต้องมีคนดูแล คุณพ่อคิดตลอดว่า ต้องไม่เป็นภาระใคร และชอบเดินออกกำลังกาย”
- โรคจากไลฟสไตล์
ในฐานะหมอเวชศาสตร์ชะลอวัย เธอ มองว่า มีหลายกรณียารักษาแค่อาการ แต่ไม่ได้รักษาโรค ปกติร่างกายสร้างคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันจากธรรมชาติ มีส่วนประกอบในสมอง 20-25 เปอร์เซ็นต์ เยื่อหุ้มเซลล์ก็ต้องมีคอเลสเตอรอล เป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมน เครียดมาก คอเลสเตอรอลขึ้นได้ ควรแก้ที่ต้นเหตุไม่ดีกว่าหรือ
แนวทางการดูแลสุขภาพแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย เน้นปรับสมดุลให้ร่างกาย พยายามให้คนไข้รู้จักการป้องกันโรค ไม่ต้องรอให้ป่วย และสิ่งสำคัญที่คุณหมอย้ำคือ คนเราต้องสุขภาพดีจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต
"ถ้าไม่รู้จักขยับร่างกาย ลุกเดินบ้าง ต่อไปก็จะเดินไม่ได้ ถ้าอายุมาก ก็เดินประมาณ 5,000- 7,000 ก้าว ในเรื่องอาหารการกิน สมัยก่อนมีข้าวกล้อง น้ำพริก คนไทยจะกินไข่ ปลา เนื้อ ไม่เยอะ ไม่ค่อยมีอาหารแปรรูปที่ไม่รู้ว่าธรรมชาติดั้งเดิมเป็นอย่างไร และปกติธรรมชาติร่างกายของเราค่อนไปทางด่าง
ก่อนอื่นต้องสังเกตอาหารที่กินแต่ละวัน อาหารที่กระตุ้นความเป็นกรด (PRAL-Potential Renal Acid Load) อย่างขนมปัง อาหารปิ้งย่างผ่านความร้อนสูง จะทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อขับของเสียที่มีความเป็นกรด
"คนปัจจุบันกินอาหารแปรรูปเยอะ เนย นม น้ำตาล แอลกอฮอล์ และยาที่เป็นสารเคมี โดยเฉพาะน้ำอัดลม ไม่มีประโยชน์เลย บริโภคมากๆ เสี่ยงเป็นเบาหวาน กระดูกพรุน ความเป็นกรดจะกร่อนแคลเซี่ยม โพแทสเซียมออกจากกระดูก
ถ้าจะดื่มกาแฟ ควรเป็นกาแฟดำวันละไม่เกิน 1 แก้ว คาเฟอินในกาแฟจะขับปัสสาวะ ร่างกายจะขาดน้ำมากขึ้น ถ้าไม่ค่อยดื่มน้ำจะมีผลต่อสมอง" คุณหมอพักตร์พิไล ย้ำเตือน
- ความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย
คงได้ยินบ่อยๆ ว่า ร่างกายเป็นหมอที่ดีที่สุด ควรปรับสมดุลร่างกายเลือกอาหารที่มีความเป็นด่าง เพื่อปรับค่า pH ในเลือดให้อยู่ที่ 7.35-7.45 สามารถตรวจได้จากปัสสาวะ
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ร่างกายมีความเบี่ยงเบนเป็นกรดหรือด่าง คุณหมอพักตร์พิไล บอกว่า ตื่นเช้ามาลองทดสอบปัสสาวะ (มีแผ่นตรวจปัสสาวะหาค่าความเป็นกรด-ด่าง)
"ถ้าร่างกายมีความเบี่ยงเบนความเป็นกรดเยอะ จะเพิ่มความเสี่ยงกับทุกโรค โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังไปจนถึงโรคติดเชื้อ ให้กินผักผลไม้รสเปรี้ยวประมาณ 60-65 เปอร์เซ็นต์ของอาหารทุกมื้อ ถ้ากินไม่ได้ แล้วร่างกายมีความเป็นกรดสูง หมอจะใช้ยาที่มีโซเดียมไบคาร์บอเนตใช้มานานกว่าร้อยปีคือ อีโน และโซดามิ้นท์ ใช้ลดกรดในกระเพาะ ข้อสำคัญต้องดื่มน้ำเต็มแก้ว
ในงานวิจัยยุคแรกมีการใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตรักษาผื่นผิวหนังในกองทัพอังกฤษ ปี คศ.1918 เพราะทหารอังกฤษเป็นโรคผิวหนังที่มาจากความเป็นกรด หมอยุคนั้นเอาโซเดียมไบคาร์บอเนตผสมน้ำ เพื่อรักษาผื่นแพ้"
คุณหมอ เล่าต่อว่า ปัจจุบันเด็กอเมริกันเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเยอะขึ้น เพราะถูกเลี้ยงด้วยไก่ทอด น้ำอัดลม มันฝรั่งทอด มักกะโรนี และชีส ฯลฯ เด็กที่นั่นไม่ค่อยกินผัก
"ตอนลูกหมอเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ ครูแม่บ้านจะคอยดูให้เด็กทุกคนกินผักหนึ่งจาน ถ้าไม่มีผักก็ต้องมีผลไม้ ในห้องอาหารใหญ่ ครูแม่บ้านจะไปนั่งดูว่า เด็กหยิบจานสลัดไหม ที่นั่นจะให้ความสำคัญพืชผักผลไม้มาก เพราะรู้ว่า ถ้าไม่มีผักผลไม้อาจป่วยได้
ถ้าอยากผิวดีต้องกินผักและผลไม้รสเปรี้ยวเยอะๆ ถ้าจะกินทุเรียน ก็กินเล็กน้อย เพราะเป็นผลไม้รสหวาน เวลามีคนไข้มาหาหมอ หมอต้องรู้ว่า เข้านอนกี่โมง ออกกำลังกายอย่างไร ดื่มน้ำวันละกี่แก้ว ฯลฯ ต้องรู้ไลฟสไตล์เพื่อรู้ปัญหาสุขภาพ"







