มองพรรณไม้ทะลุมิติกับ'นักพฤกษศาสตร์'ในมุมวิทยาศาสตร์และศิลปะ

มองพรรณไม้ทะลุมิติกับ'นักพฤกษศาสตร์'ในมุมวิทยาศาสตร์และศิลปะ

นักพฤกษศาสตร์ เป็นอีกอาชีพที่คนพูดถึงน้อยมาก และในบ้านเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ในวงจำกัด ทั้งๆ ที่เราอยู่ในเขตร้อนมีความหลากหลายของพันธุ์พืช

"เคยฟังข่าวว่า มีการค้นพบต้นไม้ชนิดใหม่ ทั้งๆ ที่มีมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีชื่อ บางทีอาจเป็นร้อยๆ ปี ...” ดร.สุนิสา แสงวิโรจนพัฒน์ นักพฤกษศาสตร์ ด้านอนุกรมวิธาน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย โครงการจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าถึงการตั้งชื่อพรรณไม้

นอกจากนี้ ผศ.ดร.ฉัตรทิพย์ รอดทัศนา ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังมาช่วยกันเล่าเรื่องราว ต้นไม้ พรรณไม้ในมิติต่างๆ ของงานสัมมนามิวเซียมสยามเรื่อง ใดใดในโลกล้วนพฤกษศาสตร์ 

รวมถึงมีการจัดนิทรรศการประวัติศาสตร์พืชพรรณ ผ่านการสำรวจและบันทึกข้อมูลเทคนิค plant press ของพืชที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ผ่านกระบวนการศิลปะและเวิร์คชอปพฤกษศาสตร์สุนทรีย์ กิจกรรมทั้งหมดเพื่อเชื่อมโยงให้เห็นภาพการเรียนรู้เรื่องพฤกษศาสตร์ 

 

มองพรรณไม้ทะลุมิติกับ\'นักพฤกษศาสตร์\'ในมุมวิทยาศาสตร์และศิลปะ (ภาพ : เฟซบุ๊ก Museum Siam)

มุมมองนักพฤกษศาสตร์ 

มองต้นไม้ใบหญ้าในมิติที่หลากหลาย นั่นแหละคือ บทบาทนักพฤกษศาสตร์ ต้องจำแนกแยกแยะพืชชนิดต่างๆ ที่มีอยู่บนผืนโลกเท่าที่จะศึกษาค้นคว้าได้ ปัจจุบันมีการจำแนกสิ่งมีชีวิตในด้านพฤกษศาสตร์กว่า 550,000 ชนิดหรือสปีชีส์

ปกติคนทั่วไปแค่รู้ว่า นี่ต้นอะไร มีประโยชน์อย่างไร แต่นักพฤกษศาสตร์ต้องจำแนกบันทึกรวบรวม ตั้งแต่ชื่อ/ชนิด/สายพันธุ์ ฯลฯ โดยมีนักอนุกรมวิธานพืช ช่วยบันทึกเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ทั้งชื่อสามัญ ชื่อท้องถิ่น ผู้ค้นพบ ชนิดของพืชนั้นๆ และโยงไปถึงประวัติศาสตร์ 

เมื่อคุยเรื่องการสำรวจพันธุ์ไม้ เพื่อเก็บหลักฐาน นักอนุกรมวิธานพืช เฉกเช่น ดร.สุนิสา เล่าว่า เวลาเก็บชิ้นตัวอย่างพืชมาใช้ ต้องเป็นต้นที่มีดอก การรวบรวมจึงจะสมบูรณ์ หากไม่รู้ว่าเป็นพืชชนิดไหน ก็เก็บมาก่อน แล้วค่อยค้นหาชื่อ

มองพรรณไม้ทะลุมิติกับ\'นักพฤกษศาสตร์\'ในมุมวิทยาศาสตร์และศิลปะ (ตัวอย่างการดองพืช จากนิทรรศการประวัติศาสตร์พืชพรรณ)

ไม่ใช่ว่าเข้าป่าเก็บตัวอย่างพืชอย่างเดียว...แล้วจบ เมื่อเก็บมาแล้วต้องนำมาพึ่งลม จัดระบบ แยกแยะชนิด และเก็บเป็นใบไม้แห้ง บางทีเก็บไว้ 5-10 ปีเพื่อรอคนมาศึกษา นอกจากนี้ยังมีเก็บเป็นภาพวาดศิลปะ และการดองพืช“ต้นไม้เกิดขึ้นในโลก ก่อนที่มนุษย์จะตั้งชื่อให้ต้นไม้ ดังนั้นการค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลกก็คือการตั้งชื่อใหม่ จะมีคนตั้งชื่อต้นแบบ ถ้ามีคนตั้งชื่อภายหลังก็ไม่ถูกต้องนัก นักพฤกษศาสตร์มีกฎว่า ใครตั้งชื่อก่อนให้ยึดชื่อนั้น"

นักพฤกษศาสตร์จะตั้งชื่อตามแนวทางวิทยาศาสตร์และอิงมาตรฐานโลก เพื่อทำให้คนทั้งโลกเข้าใจเหมือนกัน ดร.สุนิสา เล่าว่า  พืชบางชนิดไม่ได้เติบโตในป่า อาจเจอริมถนน บางคนเห็นมานานแล้ว แต่ไม่รู้จักชื่อ เพราะไม่มีคนศึกษา จึงมีหลายกรณีที่คนมองข้าม 

"ตอนเข้าป่าเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว กลางวันเก็บตัวอย่าง กลางคืนทำต้นแบบใบไม้แห้ง เป็นงานที่ใช้ร่างกายเยอะ ในวัยหนุ่มสาวก็ยังไหว และที่หนักๆ คืออดนอน ถ้าลงพื้นที่บ่อยๆ ก็จะแข็งแรง เป็นทริปที่รองเท้าไม่เคยแห้ง แต่พืชที่เก็บต้องแห้ง

ตอนนี้การค้นพบพืชใหม่ๆ จะมีคนท้องถิ่นส่งใบไม้และดอกมาให้พวกเราดู บางคนพบเจอในป่า และไม่รู้ว่าเป็นพืชชนิดไหน ถ้าเราไม่รู้ข้อมูลก็ต้องค้น บางทีฝากพรรณไม้ไว้ที่พิพิธภัณฑ์พืชก่อน แล้วค่อยนำมาศึกษา"

มองพรรณไม้ทะลุมิติกับ\'นักพฤกษศาสตร์\'ในมุมวิทยาศาสตร์และศิลปะ การเก็บตัวอย่างของนักพฤกษศาสตร์

หลายสิบปีที่แล้ว ดร.สุนิสา เคยออกสำรวจพรรณพืชร่วมกับนักพฤกษศาสตร์ต่างชาติ เธอ เล่าว่า ถ้าสำรวจในประเทศไหน ก็เก็บตัวอย่างชิ้นที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ในประเทศนั้น บางชนิดเก็บไว้เป็นร้อยๆ ปี ถ้าไม่มีสถานที่เก็บดีๆ ป้องกันความชื้นได้ พืชตัวอย่างอาจเสียหาย และตอนนี้มีออนไลน์ ทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลสะดวกมากขึ้น

  • ธรรมชาติเชื่อมโยงกัน

นอกจากนักอนุกรมวิธานพืชที่ทำหน้าที่เก็บรวบรวมพรรณพืชสายพันธุ์ต่างๆไว้  ยังมีนักพฤกษศาสตร์ที่ศึกษาด้านนิเวศวิทยา และภาพวาดทางวิทยาศาสตร์ เพื่อดูว่า ทำไมพืชชนิดนี้อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น อาจารย์ฉัตรทิพย์ บอกว่า เธอสนใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างพืชและสิ่งแวดล้อม 

“ตอนนี้ป่าชายเลนถูกคุกคามหนัก ต้องรีบเร่งศึกษาพืชแถบนั้น เวลาเก็บตัวอย่างออกมา ต้องตระหนักรู้ว่า ถ้าเจอพันธุ์ไม้บริเวณนั้นเพียงต้นเดียว สิ่งที่ทำได้คือ ถ่ายภาพเก็บไว้ ตอนเรียนที่สกอตแลนด์ จำได้ว่า ต้องออกไปเก็บตัวอย่างแถวอเมริกากลาง พายเรือ เจอพายุ ฝนตกเพื่อไปให้ถึงทุ่งหญ้าสะวันนา ก็สนุก

มองพรรณไม้ทะลุมิติกับ\'นักพฤกษศาสตร์\'ในมุมวิทยาศาสตร์และศิลปะ (การวาดภาพพรรณไม้เป็นอีกวิธีการรวบรวมข้อมูลของนักพฤกษศาสตร์ -ภาพ : เฟซบุ๊ก Museum Siam)

มุมมองนักพฤกษศาสตร์ 

นักพฤกษศาสตร์ชาติแรกๆ ที่เดินทางไปทั่วโลก ต้องยกให้อังกฤษ พวกเขาออกเดินทางตั้งแต่สมัยล่าอาณานิคม จึงมีองค์ความรู้ของพืชแต่ละส่วน มีผู้เชี่ยวชาญหลากหลายกลุ่มมากที่สุดในโลก

เป้าหมายของคนอังกฤษคือ อยากรู้ทุกอย่างของโลก คนอังกฤษมีนิสัยชอบสะสม พันธุ์ไม้จึงเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย มีการส่งนักพฤกษศาสตร์ออกไปสำรวจและสอนคนท้องถิ่นประเทศอื่น แล้วนำความรู้กลับมา"

นั่นทำให้ประเทศอังกฤษมีพิพิธภัณฑ์พืชเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก “สวนพฤกษศาสตร์คิว” มีจำนวนตัวอย่างพรรณไม้แห้งที่รวบรวมมาจากทั่วโลกกว่า 7 ล้านชิ้นสำหรับการศึกษาวิจัยด้านพฤกษศาสตร์ 

มองพรรณไม้ทะลุมิติกับ\'นักพฤกษศาสตร์\'ในมุมวิทยาศาสตร์และศิลปะ   (หนังสือ พรรณพฤกษชาติของไทย Flora of Thailand )

“สิงคโปร์มีการรวบรวมพันธุ์พืชอันดับหนึ่งของเอเชีย และมีผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากมีคนอังกฤษวางรากฐานระบบพันธุ์ไม้ไว้ สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่รู้ตัวว่าเล็กและพัฒนาองค์ความรู้  ส่วนไทยมีสวนพฤกษศาสตร์ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่เชียงใหม่ และสาขาต่างๆ ในภูมิภาค รวมถึงสวนเล็กๆ ”

ความหลากหลายของพืชเขตร้อนที่มีมากกว่าเขตอบอุ่น เป็นความได้เปรียบที่อาจารย์ฉัตรทิพย์ บอกว่า น่าเสียดาย ประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้น้อย ทั้งๆ ที่มีตัวอย่างมากมายในพิพิธภัณฑ์พืชรอคนศึกษา แต่ไม่ค่อยมีคนเรียนด้านนี้ แม้ความก้าวหน้าทางพฤกษศาสตร์จะไปไกล แต่ประเทศเรามีข้อจำกัด

ในฐานะนักอนุกรมวิธาน  อาจารย์สุนิสา บอกว่า การเก็บตัวอย่างพืชแห้ง และการดองพืช แม้ทำให้คงสภาพสามมิติ แต่มีข้อเสียคือสีของพืชมีลักษณะเจือจาง จึงต้องมีภาพวาด เพื่อทำให้ผู้ศึกษาเข้าใจเรื่องสีและรูปร่าง สามารถศึกษาได้จากหนังสือ พรรณพฤกษชาติของไทย (Flora of Thailand) 

อาจารย์ทั้งสองช่วยกันเล่าต่อว่า ทุกวันนี้นักพฤกษศาสตร์ไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์พืชทั้งวัน สามารถศึกษาจากภาพวาดพรรณไม้ และยุคนี้ง่ายมากในการพูดคุยกับนักพฤกษศาสตร์ทั่วโลก เพื่อทำข้อมูลให้ถูกต้อง 

“เราทุกคนมีส่วนในการสำรวจธรรมชาติและพืช ประชาชนสามารถถ่ายภาพพืชที่ไม่รู้จักและเห็นว่าสำคัญมาให้นักวิชาการดูได้ เพื่อระบุชนิด เป็นฐานข้อมูลอนุกรมวิธาน”

มองพรรณไม้ทะลุมิติกับ\'นักพฤกษศาสตร์\'ในมุมวิทยาศาสตร์และศิลปะ

สถานที่ศึกษาพรรณไม้

  • พิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ กรมวิชาการเกษตร (Bangkok Herbarium; BK) พิพิธภัณฑ์พืชแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ตัวอย่างพรรณไม้ที่เก็บรักษาไว้ส่วนใหญ่จะเป็นของนายแพทย์ A.F.G. Kerr และนักวิจัยสมัยนั้น มีการจัดเรียงตัวอย่างพรรณไม้ตามลำดับทางวิวัฒนาการของพืช
  • หอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พิพิธภัณฑ์พืชที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีการเก็บตัวอย่างพรรณไม้แห้งกว่า 1 แสนชิ้นจากการสำรวจพืชโดยนักอนุกรมวิธานพืช และเอกสารทางพฤกษศาสตร์จำนวนมาก มีบทบาทสำคัญในการจัดทำหนังสือพรรณพฤกษชาติของไทย (Flora of Thailand) 
  • อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ พิพิธภัณฑ์พืช มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา นครปฐม  เก็บรักษาตัวอย่างพืชสมุนไพรที่ได้จากการสำรวจและการศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรของประเทศไทย อาทิ ตัวอย่างพรรณไม้แห้ง ,ตัวอย่างดอง (Spirit Collections) ,ตัวอย่างผล (Carpological Collections),ตัวอย่างเมล็ด (Seed Collections) และเครื่องยาสมุนไพร (Botanical Crude Drug)กว่า 5,000 ชิ้น
  • พิพิธภัณฑ์พืชมีชีวิต ภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีสองส่วน ส่วนเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงพืชแบบควบคุมสภาพแวดล้อม และแหล่งเรียนรู้พื้นฐานด้านพฤกษศาสตร์