เที่ยววัด สำรวจคลอง ย่านฝั่งธนฯ ไม่มีในกูเกิลแมพ กับอาณัติ นักเล่าเรื่อง

เที่ยวคลอง ล่องเรือ ชมจิตรกรรมฝาผนัง ย่านฝั่งธนฯ ถ้าไม่อยากให้น่าเบื่อ ต้องมีนักเล่าเรื่องที่รู้จริง และนี่เป็นอีกมุมมองอาณัติ นักเล่าเรื่องท้องถิ่น
คนเล็กๆ กับการท่องเที่ยวในชุมชน ชมจิตรกรรมฝาผนังตามวัดริมคลองย่านฝั่งธนฯ กิจกรรมอีกอย่างที่คนไทยและต่างชาติชื่นชอบ ก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก แต่ตอนนี้รู้จักมากขึ้น เมื่อมีการเปิดเส้นทางเขตจอมทอง ไม่ว่าทัวร์เล็ก ทัวร์ใหญ่ หรือมาเที่ยวเอง ก็จะมีนักเล่าเรื่องท้องถิ่น คอยเสริมเติมเรื่องราวศิลปะและประวัติศาสตร์ ให้ข้อมูลที่สมบูรณ์มากขึ้น
อีกบทบาทของนักเล่าเรื่องท้องถิ่น จะมาช่วยเติมเรื่องราวในชุมชน เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในงานศิลป์ของวัดนั้นๆ ข้อสำคัญต้องเล่าเรื่องสนุกและรอบรู้ และนั่นเป็นเรื่องราวที่อยากเล่าถึงการพูดคุยกับ อาณัติ ปลอดโปร่ง นักเล่าเรื่องท้องถิ่นฝั่งธนบุรี อดีตผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสำรวจทรัพย์สิน ซิตี้แบงก์ประเทศไทย ที่เบนเข็มมาสู่เส้นทางนี้กว่า 10 ปี
“ผมทำงานซิติแบงค์ฯมาเกือบ 20 ปี ตั้งแต่อายุ 30 กว่าๆ จากนั้นหันมาทำธุรกิจส่วนตัว ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ปกติชอบนั่งเรือเที่ยวคลอง บ้านภรรยาผมก็อยู่คลองบางสะแก
เสาร์อาทิตย์ว่างเมื่อไร บางทีก็นั่งเรือด่วนเจ้าพระยาไปสุดทาง บางทีก็เหมาเรือแวะไปวัดโน้นวัดนี้ชมจิตรกรรมฝาผนัง คุยกับผู้คนย่านนั้น เพราะชอบประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่ไม่มีในหนังสือ และเมื่อก่อนชอบวิ่ง เคยลงมินิมาราธอน วิ่งเทรล และเดินป่า จนประสบอุบัติเหตุก็เลยวิ่งไม่ได้”
เพราะชื่นชอบประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะเรื่องราวในท้องถิ่น เวลาว่างก็นั่งเรือไปตามคลองต่างๆ เน้นย่านธนบุรี จากนั้นพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวตามเส้นทางที่สำรวจไว้ ซึ่งคนไม่ค่อยรู้จัก
จนรู้จักเจ้าของเรือ กลายเป็นหุ้นส่วนเรือท่องเที่ยวไฟฟ้า และเรียนรู้การขับเรือสอบนายท้ายเรือนำเที่ยวได้ตั้งแต่ก่อนโควิดระบาด ตอนนี้จึงทั้งเป็นนักเล่าเรื่อง และคนขับเรือ แต่ไม่ได้ทำทัวร์ แค่มีบริษัททัวร์จ้างให้บรรยายนำเที่ยว
เส้นทางที่นักท่องเที่ยวกระแสหลักไม่นิยมไป ไม่ว่าคลองด่าน คลองสนามชัย คลองบางขุนเทียน ซึ่งบางจุดไม่มีในแผนที่กูเกิล จะมีสวน วัดร้างเก่าๆ สมัยอยุธยาซ่อนตัวอยู่
อาณัติเดินทางเข้าไปบ่อย จนบุกเบิกเป็นเส้นทางท่องเที่ยว และมีโอกาสร่วมทริปกับอาจารย์ด้านประวัติศาสตร์หลายแห่ง จึงได้แลกเปลี่ยนความรู้ ทั้งมุมเรื่องเล่าในอดีตจากชาวบ้าน และประวัติศาสตร์กระแสหลักจากหนังสือและพงศาวดาร จนต่อยอดองค์ความรู้มาใช้ในปัจจุบัน
- วัดราชโอรสฯ วัดนอกกรอบ สมัยร.3
วัดแรกๆ ที่อาณัติพาคนมาเที่ยวทางเรือ เส้นทางคลองด่าน เขตจองทอง ก็คือ วัดราชโอรส วัดหนัง และวัดนางนอง ซึ่งเป็นช่วงที่กรุงเทพมหานคร มีโครงการการสื่อสารทางวัฒนธรรมชุมชนออกสู่สาธารณชน ผ่านนักเล่าเรื่องท้องถิ่น (Storytelling) เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่นอกเหนือจากไกด์มืออาชีพ โดยอาณัติเป็นนักเล่าเรื่องท้องถิ่นรุ่นที่ 1 ของกรุงเทพมหานคร ทำนานกว่า 5 ปี โดยก่อนหน้านี้เขาสำรวจเส้นทางด้วยตัวเอง
“ตอนนี้ผมเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าของเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าหนึ่งลำ ผมเป็นคนขับเรือและพาคนไปเที่ยว บรรยายเรื่องวัดและคลอง ไปวัดที่คนไม่ไป อาทิวัดราชโอรส วัดหนัง วัดนางนอง วัดบางขุนเทียน วัดกก วัดสิงห์ วัดกำแพง จากไม่ค่อยมีคนมาเที่ยว ตอนนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อยู่ที่ว่าอยากไปเส้นทางไหน
ปัจจุบันกทม.เขตจอมทอง จัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยว คนจึงมาเที่ยวเยอะขึ้น มีบริษัททัวร์พานักท่องเที่ยวต่างชาติมาเส้นทางนี้แล้ว ผมจะเป็นคนเล่าเรื่อง เพราะผมพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง
อย่างวัดราชโอรส เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 3 มีศิลปะไม่เหมือนที่อื่น เป็นศิลปะผสมผสานจีนและไทย เพราะรัชกาลที่ 3 ทรงสร้างให้มีลักษณะพิเศษ ซึ่งเป็นงานต้นแบบที่นำไปบูรณะวัดโพธิ์ ไม่ว่าพระนอน หินประดับวัด
- เล่าเรื่องใบสัญญาขายเมียเป็นทาส
อีกบทบาทที่นักเล่าเรื่องท้องถิ่นคนนี้ทำก็คือ เข้าไปช่วยพัฒนาท้องถิ่นด้วย อย่างชุมชนคลองบางประทุน เคยมีสวนมะพร้าวขนาดใหญ่ ต้นตำรับมะพร้าวน้ำหอม มีคนเอาปลูกที่อัมพวา ดำเนินสะดวก ที่นี่เป็นพื้นที่สีเขียวใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด ใกล้บีทีเอสบางหว้า
อาณัติ เข้าไปสำรวจชุมชนย่านคลองบางค้อหลายครั้ง ที่นั่นมีสวน มีบ้านขุนนางดั้งเดิม ไม่มีในแผนที่กูเกิล เขาพบบ้านเก่าสมัยรัชกาลที่ 4 ซ่อนตัวอยู่ และได้รู้จักบ้านครูป้อม จึงเข้าไปช่วยจัดของเก่าในบ้าน เพราะในอนาคตอาจจัดเป็นที่ท่องเที่ยวชุมชนอีกแห่ง
“หลายเรื่องที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกไว้ ไปเจอใบสัญญาขายเมียเป็นทาส สมัยรัชกาลที่ 4 รวมถึงพันธุ์ไม้ในสวนที่หายสาบสูญไปแล้ว อย่างมะม่วงพันธุ์หมอนทอง เป็นผลไม้ในคลองบางค้อ เจอ 3 ต้นในสวนครูป้อม มะม่วงพันธุ์นี้มีความยาวเท่ามะละกอ ก็คุยกับเจ้าของว่า น่าจะขยายพันธุ์ เพื่อเป็นสิ่งบ่งชี้ชุมชน เรื่องไหนทำได้ ผมก็ค่อยๆ ทำไป "
“ชีวิตคนเรายังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ อาชีพหลักขับเรือ พานักท่องเที่ยวเที่ยวและอธิบายให้พวกเขาฟัง รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมก็สำคัญ พยายามรณรงค์พาเด็กๆ มาเก็บขยะในคลอง สร้างจิตสำนึก”
จากมนุษย์ออฟฟิศที่เสาร์อาทิตย์และวันว่างต้องไปเที่ยว ไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัว หาเงิน หาความสุขใช้ชีวิต จนมีโอกาสสัมผัสเรื่องราวในชุมชน เขาบอกว่า เหมือนโลกอีกใบ
เพราะเป็นนักเล่าเรื่องท้องถิ่น ทำให้ผมรู้จักชาวบ้านเยอะขึ้น เหมือนรับพลังด้านบวก ตอนผมป่วยพักไป 5-6 เดือน เมื่อพานักท่องเที่ยวไปชุมชน เขาก็ถามผมว่า ที่ผ่านมาหายไปไหน มีคนคิดถึงเราขนาดนี้เลยหรือ แวะไปวัด พระพรมน้ำมนต์ให้"
ภาพ : เฟซบุ๊กเที่ยวฝั่งธนกับคนเล่าเรื่อง
(รายละเอียดเพิ่มเติม : เฟซบุ๊กเที่ยวฝั่งธนกับคนเล่าเรื่อง และเฟซบุ๊กเรือไฟฟ้าสุขสำราญ)
เรือกสวน คลองฝั่งธนฯ
- ธนบุรีในอดีต เป็นราชธานีของไทย(พ.ศ.2310 - 2315) ประมาณ 15 ปี ที่นี่เป็นที่ตั้งของโบราณสถานและวัดวาอารามที่มีอายุหลายร้อยปี ยังมีคลองดั้งเดิม เรือกสวนที่รถเข้าไม่ถึง มีวัดวาอารามที่ไม่ปรากฎในแผนที่กูเกิล และพันธ์ุไม้บางชนิดที่ยังหลงเหลืออยู่
- บางกอกในอดีต คือ ฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรีในปัจจุบัน เคยเป็นแผ่นดินเดียวกัน เป็นที่ราบสามเหลี่ยมปากน้ำเจ้าพระยาที่อุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำเจ้าพระยา และลำคลองต่างๆ กระจายไปทั่วบริเวณ
- ในสมัยของสมเด็จพระไชยราชาธิราช (พ.ศ.2077-2089 ) โปรดให้ขุดคลองลัดบางกอกขึ้น เพื่อเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมที่ไหลก็อ้อมเข้าไปทางคลองบางกอกน้อย ออกคลองบางกอกใหญ่ (คือขุดตั้งแต่หน้าสถานีรถไฟบางกอกน้อย จนถึงหน้าวัดอรุณราชวรารามในปัจจุบัน)
- การขุดคลองลัดดังกล่าว ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนใหญ่ไหลไปทางคลองขุดใหม่ และเซาะตลิ่งสองข้างจนกว้างขึ้น กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาใหม่ (บริเวณที่ผ่านหน้าโรงพยาบาลศิริราช และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทุกวันนี้)
ส่วนลำน้ำเดิมก็ค่อยๆ ตื้นเขินขึ้น ลดขนาดลงเป็นลำคลอง ได้แก่ คลองบางกอกน้อย คลองชักพระ (คลองตลิ่งชัน) คลองบางขุนศรี คลองบางเชือกหนัง คลองวัดประดู่ และคลองบางกอกใหญ่ ในปัจจุบัน
- เมื่อขุดคลองลัดสำเร็จเมืองบางกอกหรือเมืองธนบุรีจึงถือกำเนิดขึ้น ทางฝั่งตะวันตก หัวมุมคลองบางกอกใหญ่ กลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหน้าด่านทางทะเล ทำหน้าที่ป้องกันศัตรูที่จะเข้ามาทางใต้ของกรุงศรีอยุธยา พร้อมทั้งตรวจตราจัดเก็บภาษีสินค้าที่ผ่านเข้าออก โดยปรากฏชื่อครั้งแรกในพระราชพงศาวดาร ในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ (พ.ศ. 2091 - 2111) ว่า “เมืองธนบุรีศรีมหาสมุทร”
แต่โดยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้นๆ เพียง “ธนบุรี” ส่วนชื่อ “เมืองบางกอก” นั้นคงเป็นชื่อสามัญที่ชาวบ้านและชาวต่างประเทศนิยมเรียกดังปรากฏชื่อบางกอกในแผนที่และเอกสารของชาวต่างชาติ
- เมื่อสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ขยายเมืองไปทางทิศเหนือจนจรดคลองบางกอกน้อย พร้อมกับสร้างกำแพงเมืองตามแนวคลองขุดใหม่มีชื่อเรียกเป็นตอนๆ ว่า คลองบ้านขมิ้น คลองบ้านช่างหล่อ คลองบ้านหม้อ คลองวัดท้ายตลาด
ส่วนทางทิศตะวันออกขยายไปจรดคลองคูเมืองที่ขุดขึ้นใหม่ (ปัจจุบันเรียกว่าคลองหลอด) ทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกลางเมืองแล้วสร้างกำแพงเมืองขึ้นตามแนวคลองคูเมือง (กำแพงเมืองนี้ต่อมาได้ถูกรื้อลง โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงขยายแนวกำแพงเมืองออกไปตามแนวคลองโอ่งอ่าง และคลองบางลำภู)
- ส่วนป้อมวิไชยเยนทร์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ป้อมวิไชยประสิทธิ์” พร้อมทั้งให้ขุดที่สวนเดิมเปลี่ยนเป็นท้องนานอกคูเมืองทั้ง 2 ฟากซึ่งเรียกว่า “ทะเลตม” ไว้สำหรับเป็นที่นาใกล้พระนค
- ราชธานีแห่งใหม่ครอบคลุมสองฝั่งน้ำ โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาตัดผ่านกลางเมือง พื้นที่ในกำแพงเมือง ฝั่งตะวันตกเริ่มตั้งแต่เขตเมืองธนบุรี เดิมริมคลองบางกอกใหญ่ ไปจนถึงบริเวณหลังวัดบางหว้าน้อย (วัดอินทาราม) ริมคลองบางกอกน้อย ส่วนฝั่งตะวันออกเริ่มตั้งแต่ศาลเทพารักษ์หัวโชค (เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฝั่งพระนคร) เลียบตามแนวคูเมือง (คลองคูเมืองบริเวณหลังกระทรวงมหาดไทย) ไปจรดแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองตลาด โดยภายในกำแพงเมืองธนบุรีเดิม เป็นที่ตั้งของพระราชวังกรุงธนบุรี
- หลังจากธนบุรีเป็นราชธานีนาน 15 ปี จึงย้ายราชธานีจากฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้พระราชวังกรุงธนบุรีว่างลงกรุงธนบุรี จึงถูกลดความสำคัญ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์
ข้อมูลส่วนหนึ่งจากมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ







