คุยกับ ‘ป้าจาย’ พูลทรัพย์ เจตลีลา เจ้าของฉายา ‘แม่มดดอกไม้’ ว่าด้วยเรื่องดอกไม้ใบหญ้าและชีวิตสิบปีที่ ‘ปาย’

สนทนาประสาดอกไม้กับ ‘ป้าจาย’ เจ้าของหนังสือครัวดอกไม้ ผู้จุดประกายดอกไม้กินได้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว กับความสุขในวัย 75 ท่ามกลางดอกไม้ใบหญ้าที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่ทุกเช้าจะต้องเปิด เฟซบุ๊ก PaJai Lee (พูลทรัพย์ เจตลีลา) แล้วเข้าไปดูว่า วันนี้ ป้าจาย กินอะไร ?
สำรับอาหารเช้าบนโต๊ะอาหารที่มีแสงแดดอุ่นๆ แทรกเงาไม้ ฉากหลังมองเห็นทิวทัศน์ของป่าเขาลำเนาไพร เป็นหนึ่งในอาหารใจของแฟนคลับป้าจายที่เฝ้ารอดูว่า เมนูอาหารของ ป้าจายคืออะไรนะ ทำมาจากอะไร
ภาพถ่ายสวยงามที่มาพร้อมคำบรรยายที่สร้างแรงบันดาลใจชวนให้เข้าครัว หรือต่อเติมจินตนาการให้เพลิดเพลิน ล้วนเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของ ป้าจาย ที่ทำให้มีผู้ติดตามมากมายและเหนียวแน่น
“ป้าเป็นคนขี้อวดค่ะ เป็นคนมีคุณสมบัติที่ดีในการเล่าเรื่อง ป้ามาอยู่ที่ปายมีเรื่องเล่ามากมายเขียนหนังสือได้อีก 2 เล่มเลยนะ ป้าไปไหน ทำอะไร ป้าจะมาเล่าในเฟซบุ๊ก เล่าแต่เรื่องดี ๆ เรื่องความทุกข์ความเหงาป้าไม่ได้เล่า คนอ่านแล้วเหมือนได้ท่องเที่ยวไปกับป้า ถึงขนาดบางคนตามไปหาป้าถึงปาย จนมีเพื่อนคนหนึ่งตั้งสโลแกนว่า ไปปายต้องไปหาป้าจาย”
ก่อนย้ายมาอยู่ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน แบบฉายเดี่ยวเมื่อ 10 ปีก่อน ป้าจาย หรือ พูลทรัพย์ เจตลีลา เคยทำงานบริษัทโฆษณา จนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่ จึงเปลี่ยนเส้นทางมาเดินสายดอกไม้ ด้วยการปลูกต้นไม้ วาดรูป และพบว่าการนำดอกไม้มาปรุงเป็นอาหารเป็นสิ่งที่โปรดปรานมากที่สุด ป้าจายจึงเปิดครัวดอกไม้ นำเสนอเมนูดอกไม้กินได้ ตามด้วยหนังสือ ครัวดอกไม้ จนได้รับฉายาว่าเป็น ‘แม่มดดอกไม้’
“ปี 2546 ป้าเขียนหนังสือเรื่อง 'ครัวดอกไม้' ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีคนรู้จักเรื่องดอกไม้กินได้ ในหนังสือของป้าจะบอกหมดว่าราก ลำต้น กิ่ง ตา ใบ ดอก ของต้นไม้แต่ละชนิดมีเนื้อ ผล เป็นอย่างไร ตรงไหนที่เป็นพิษ เพราะว่าป้าไปช่วยน้องสาวที่เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาพฤกษศาสตร์ ทำตำราการสอนและจัดนิทรรศการ
เนื้อหาในหนังสือครัวดอกไม้จึงมีลักษณะกึ่ง R &D (Research and Development) พอเรานำความรู้นั้นมาปรับใช้ในชีวิตจริง ทยอยเล่าเรื่องเผยแพร่ไปทางเฟซบุ๊กและพันทิป มีเพื่อนคนหนึ่งมาบอกกับป้าว่า เธอนี่มหัศจรรย์มากนะ เธอนำดอกไม้มาทำเป็นอาหารเหมือนเป็นแม่มดเลย ฉายา 'แม่มดดอกไม้' จึงเริ่มต้นจากตรงนั้น"
ป้าจายเล่าต่อถึงความสำเร็จของ “ครัวดอกไม้” ทั้งหนังสือ และร้านอาหารในตลาด Going Green Market ก่อให้เกิดกิจกรรมการเผยแพร่ดอกไม้กินได้ในสื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ตลอดจนงานอีเวนต์ที่ไม่เคยเว้นวันว่างให้ป้าจายได้พัก
“วันหนึ่งไปจัดอีเวนต์ได้เงินก้อนหนึ่ง หลังจากแบ่งทีมงานแล้ว ป้าก็ตามเพื่อนไปเที่ยวปาย ไปแล้วติดใจ ไม่อยากกลับมาทำครัวดอกไม้อีก เพราะเริ่มอิ่มตัว ทำมาสิบกว่าปีแล้ว เลยตัดสินใจย้ายไปเช่าบ้านอยู่ที่ปาย แล้วเปลี่ยนจากครัวดอกไม้เป็น ‘ครัวดอกป่าหญ้าปาย’ หันมาสนใจเรื่องอาหารพื้นถิ่น ตั้งใจจะทำเป็นหนังสือภาคต่อของแม่มดดอกไม้ แต่ยังทำไม่ได้เพราะมาวาดรูปก่อน” ป้าจายเล่าต่อว่า
“ตอนไปอยู่ปายป้าอายุ 63 แล้วนะ จากชีวิตที่เคยเป๊ะทุกอย่างมาอยู่ปายนี่ใช้ไม่ได้เลย เพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ปายมา 30 ปีบอกว่าอยู่ที่นี่ป้าต้องเอิงเอยนะ จะมาใช้ชีวิตแบบเป๊ะตามตารางไม่ได้เลย เป็นเมืองที่อยู่กันแบบสบาย ๆ ประตูรั้วบ้านไม่มี ใครจะมาหาใครไม่ต้องนัดล่วงหน้า เดินเข้ามาได้เลย”
ป้าจายเล่าอย่างอารมณ์ดี จากมนุษย์เป๊ะเว่อร์ในแบบ Perfectionist ค่อย ๆ ปรับตัวให้ช้าลงเพื่อตรงตามจังหวะเอิงเอยของคนส่วนใหญ่ ส่วนความเป๊ะที่เป็นตัวตนของป้าจายก็นำมาใช้กับการวาดรูปทางพฤกษศาสตร์แทน
“ปีแรกที่มาอยู่ปายยังไม่ค่อยได้คุกกิ้งนะ มาสอนเด็กวาดรูป ส่วนตัวเองก็มาวาดรูปทางพฤกษศาสตร์ ตรงจริตเรามาก เพราะว่าต้องวาดให้เหมือนเป๊ะ สัดส่วนถูกต้อง สรีระของพืชถูกต้อง สีถูกต้อง แล้วส่งเข้าร่วมแสดงในนิทรรศการภาพวาดทางพฤกษศาสตร์ จัดโดยเครือข่ายวิทย์สานศิลป์และภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกปี 2561 ปีนั้นป้าส่งไม่ทัน จึงเข้าส่งผลงานเข้าร่วมแสดงในครั้งที่สองเป็นต้นมา”
จึงเป็นที่รู้กันในกลุ่มแฟนคลับป้าจายว่าในช่วงเวลาจัดแสดงนิทรรศการในแต่ละปีที่กรุงเทพฯ จะได้มีโอกาสพบปะป้าจายที่จะมาเปิดบูธจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจากภาพวาดพฤกษศาสตร์ที่มีทั้งเสื้อยืด กระเป๋าผ้า ผ้ากันเปื้อน และทัมเบลอร์หรือแก้วเก็บร้อนเย็น เรียกว่าได้สนทนาพูดคุยกับป้าจายตัวจริงให้หายคิดถึง
โดยปีนี้จะพิเศษกว่าทุกปีเนื่องจากภาพเขียนรูปผักหวานบ้านของป้าจาย ได้รับรางวัลภาพวาดพฤกษศาสตร์ดีเด่นด้วย ใน นิทรรศการภาพวาดพฤกษศาสตร์นานาชาติ ครั้งที่ 2 (สานพฤกษพรรณผ่านงานพฤกษศิลป์ ครั้งที่ 7) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อ 6-18 พฤษภาคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา
เราจึงได้ทำความรู้จักกับผักหวานป่าผ่านภาพวาดที่เหมือนจริง พร้อมกับเรื่องราวของผักหวานบ้านที่สวยงามและนำมาทำเป็นอาหารที่แสนอร่อย
“รูปผักหวานบ้านเป็นผักที่เกือบถูกลืมไปแล้วนะ ตอนเด็ก ๆ ย่ากับแม่จะเอาผักหวานมาทำแกงจืดหมูสับใส่ไข่ พอเราแก่แล้ว ไม่รู้ว่าผักหวานบ้านหายไปไหน ส่วนใหญ่จะเจอแต่ผักหวานป่า วันหนึ่งป้าไปบ้านเพื่อนแล้วเห็นเขาปลูกผักหวานบ้าน แต่เขาไม่กินนะ ป้าเห็นแล้วหลงรักเลยเกิดแพสชั่นว่าฉันจะต้องวาดรูปผักหวานบ้านให้ได้ จึงขอตัดมา 5-6 ช่อ เป็นต้นแบบในการวาดรูป”
ป้าจายเล่าว่าพอกลับมาถึงบ้านก็ถ่ายรูปเก็บไว้หลายๆมุม จากนั้นนำมาเป็นต้นแบบในการวาดรูปจนช่อผักหวานแห้งโรย ใช้เวลา 1 เดือนเต็ม ภาพวาดผักหวานบ้านจึงแล้วเสร็จ ป้าจายเขียนความรู้สึกไว้ในเฟซบุ๊กถึงช่วงเวลานี้ว่า
“ทุกวันที่จับพู่กันและสี ภาพนี้จึงเหมือนประตูสู่อดีตที่แสนสุขในวัยเด็กของฉัน ภาพครัวของแม่และย่า ภาพสวนผักของย่า ภาพครอบครัวล้อมวงกินอาหารและอร่อยกับแกงจืดผักหวานบ้านรวมกับอาหารอื่น ๆ อย่างอบอุ่น
ยิ่งเขียน ยิ่งรัก ยิ่งผูกพัน ฉันส่งภาพเขียนสู่นิทรรศการเพียงภาพเดียวเพราะไม่อาจแบ่งใจไปวาดภาพอื่น ๆ และได้เทใจเต็มฝีมือให้กับภาพผักหวานบ้านจนหมดแล้ว”
ไม่แปลกใจเลยที่ภาพวาดชิ้นนี้ได้รับคะแนนสูงสุดในการประกวด เพราะนอกจากฝีไม้ลายมือแล้วป้าจายยังใช้ใจในการวาดรูปผักหวานบ้านที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขของวันวาน
วันนี้ ป้าจาย โบกมือลาเมืองกรุงมุ่งหน้ากลับไปอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน แต่เราสามารถติดตามชีวิต ‘แม่มดดอกไม้’ ผู้รักการวาดภาพต้นไม้ใบหญ้าที่เหมือนจริงอย่างไม่ผิดเพี้ยน และอาหารการกินของ ‘ครัวดอกป่าหญ้าปาย’ ที่สร้างแรงบันดาลใจและกระจายความสุขให้ผู้อ่านได้เสมอทางเฟซบุ๊ก PaJai Lee (พูลทรัพย์ เจตลีลา)
“เพราะแฟนคลับทำให้ป้าจายไม่เคยเหงา แม้ว่าจะอยู่คนเดียวก็ตาม” ป้าจายบอกกับเราพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น







