ชมงานศิลป์อินสนธิ์ วงค์สาม มาสเตอร์พีชแห่งรักและศรัทธา

ชมหอศิลป์อินสนธิ์ วงค์สาม สถานที่จัดแสดงผลงานมาสเตอร์พีชของอินสนธิ์ วงค์สาม ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(ประติมากรรม) ประจำปี พ.ศ. 2542 ผู้เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์อย่างไม่หยุดยั้ง
วัย 91 ปีมิอาจหยุดยั้งอินสนธิ์ วงค์สาม ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์(ประติมากรรม) ประจำปีพ.ศ. 2542 ให้ยุติบทบาทการทำงานศิลปะได้แม้แต่วันเดียว สะท้อนผ่านผลงานที่จัดแสดงในหอศิลป์อินสนธิ์ วงค์สาม บ้านป่าซาง จังหวัดลำพูนนับร้อยนับพันชิ้น อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความรักและศรัทธาต่องานศิลป์ หลอมรวมให้เขาและงานเป็นหนึ่งเดียว
กิจวัตรประจำวันของอินสนธิ์ ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายแต่มีวินัย ทุกๆ วัน ในเวลา 8 โมงเช้า ภายในหอศิลป์ฯ ที่มีกว้าง 28 ไร่ เขาเดินเลือกมุมหนึ่งเพื่อเป็นพื้นที่สร้างสรรค์งานศิลปะ เมื่อทำงานไปจนถึงเวลาเที่ยงแล้ว จึงรับประทานอาหารกลางวัน พักผ่อนอิริยาบถสักเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มสเกตช์ภาพในเวลาบ่ายสองเป็นต้นไป กระทั่งสี่โมงเย็นของทุกวัน ก็ได้เวลาเลิกงานด้วยความเบิกบานใจ
ตารางชีวิตนี้ อินสนธิ์ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ในวันที่ต้องไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจสุขภาพร่างกาย ตามคำแนะนำของหมอ เขาไม่ลืมนำอุปกรณ์วาดภาพ หอบหิ้วไปสเกตช์งานระหว่างรอพบแพทย์ โดยไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างสูญเปล่า ด้วยเพราะใจที่รักมั่นในงานศิลปะอย่างไม่มีเงื่อนไข ตามคำสอนของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร เคยกล่าวกับชายผู้นี้ว่า
“ต้องสเกตช์เยอะๆ อินสนธิ์...ถ้านายอยากเป็นศิลปิน นายต้องสเกตช์ทุกวัน”
อินสนธิ์มีความสุขในงานที่ทำอยู่ทุกวัน ดอกผลที่เกิดจากแรงใจแรงกายของเขา จึงผลิบานตามกาลเวลา เกิดเป็นภาพเขียนน้อยใหญ่ งานประติมากรรม งานภาพพิมพ์ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้สำคัญ ที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ในอาคารทั้ง 15 หลัง ชวนให้ผู้เข้าชมหอศิลป์ฯ ร่วมเดินทางไปกับเจ้าของตำนานขี่สกู๊ตเตอร์จากไทยไปฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ดินแดนบ้านเกิดของอาจารย์ศิลป์ หลังจบการศึกษาที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2505 จวบจนถึงปัจจุบัน
เรื่องเล่าจากภาพพิมพ์แกะไม้
ก่อนเดินทางไกลไปฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี หมุดหมายแรกที่อินสนธิ์ทำได้สำเร็จ คือการได้รับพระราชทานรางวัล จากในหลวงรัชกาลที่ 9 งานศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 11และ12 ที่มีจัดงานพระราชทานรางวัลทั้งสองครั้งในคราวเดียวกัน นับเป็นเกียรติประวัติอันสูงสุดครั้งหนึ่งในชีวิตศิลปิน ต่อมาก็มีงานศิลปะอีกมากมายได้จัดแสดงในสถานที่สำคัญๆ ของโลก สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยและต่างชาติ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา
เช่น ภาพพิมพ์แกะไม้ที่จัดแสดงในหอศิลป์ฯ พาเราย้อนกลับไปในยุคแรกเริ่มของงานศิลปะ เสมือนบันทึกแรงบันดาลใจ จากการพบเห็นผู้คนในทุกภูมิภาคของประเทศไทย เช่น ‘รุ่งอรุณ’ เป็นวิถีชีวิตคนภาคเหนือ ที่มีเด็กๆ และสัตว์เลี้ยง มานั่งรวมกันผิงไฟในฤดูหนาว พิมพ์ลงบนผ้าไหมที่มีคุณค่า ผสานไปกับเทคเจอร์ลื่น เป็นมันวาว
ภาพที่มีชื่อว่า ‘ชีวิตอีสาน’ เกิดขึ้นเมื่อตอนที่อินสนธิ์ เดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เห็นเด็กๆ รวมกลุ่มกันมานั่งเล่นที่ลานทราย จึงบันทึกเรื่องราวไว้ด้วยความสนใจ ภาพ ‘หมู่บ้านชาวประมง’ ประกอบด้วยบ้านที่ตั้งอยู่ในทะเล ถือเป็นตัวแทนอัตลักษณ์ของคนภาคใต้ในยุคก่อน
นอกจากนี้ยังมีภาพชื่อว่า ‘โดดเดี่ยว’ มีที่มาจากอากัปกิริยาของเด็กคนหนึ่ง แสดงสีหน้าเซ็งกับการอดไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เพราะต้องทำหน้าที่ดูแลน้อง สะท้อนห้วงอารมณ์ขุ่นมัวของปุถุชนธรรมดา
ชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ความที่อาจารย์ศิลป์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยด้านศิลปะแห่งแรกในประเทศไทย เปิดโอกาสให้นักศึกษาเรียนรู้ศิลปะแบบรอบด้าน มักเชื้อเชิญผู้ที่มีความสามารถด้านต่างๆ มาถ่ายทอดสรรพวิชาแก่ลูกศิษย์ สิ่งเหล่านี้ช่วยจุดประกายทางความคิด ส่งผลมายังอินสนธิ์ สนใจและเกิดเป็นทักษะเชี่ยวชาญในงานหลากหลายแขนง ตั้งแต่ยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย
ประกอบกับพื้นเพเดิม อินสนธิ์มีเชื้อสายเป็นคนยอง โดยบรรพบุรุษถูกเกณฑ์ไพร่พลมาจากเมืองสิบสองปันนา เพื่อช่วยกันสร้างเมืองเชียงใหม่ที่รกร้าง ในสมัยพระเจ้ากาวิละ พระเจ้านครเชียงใหม่พระองค์แรกแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร
คนยอง เป็นคนมีความรู้ด้านปรุงยาสมุนไพร และมีความรู้ในเชิงช่าง และถ่ายทอดสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งบิดาของอินสนธิ์ เป็นสล่าประจำวัดในจังหวัดลำพูน เชี่ยวชาญงานไม้มากเป็นพิเศษ รวมทั้งการทำทอง ก็อยู่ในสายเลือดของศิลปินผู้นี้มาแต่เล็กแต่น้อย ซึ่งปูมหลังในวัยเด็กนี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏในผลงานด้านงานประติมากรรม ที่ทำจากวัสดุประเภทต่างๆ อาทิ
ผลงาน ‘ประติมากรรมใต้ทะเล’ โปรเจคที่หวังจะกระตุ้นเรื่องสิ่งแวดล้อมทางทะเลในนิวยอร์ก สร้างขึ้นสมัยพำนักในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ. 2509-2511 มีรูปทรงแปลกตา อันเกิดจากการเชื่อมโลหะที่เหลือจากการใช้งาน ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นเพิ่มอ็อกซิเจนในน้ำและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเพื่อลดมลพิษอันเกิดจากมือมนุษย์ ให้กลับมาใสสะอาดและเพื่อให้เป็นงานศิลปะใต้น้ำให้ผู้คนดำน้ำไปงานศิลป์
ผลงานภาพพิมพ์ที่เกาะคอร์ฟู ประเทศกรีซ เกิดขึ้นระหว่างที่อินสนธิ์พักอาศัยชาวประมงเป็นเวลาหกเดือน และมักออกไปช่วยชาวประมงหาปลาบ่อยๆ
ชาวประมงเชื่อว่าอินสนธิ์ นำความโชคดีมาสู่ครอบครัวของเขาเสมอ จึงรักเหมือนลูกหลาน
อินสนธิ์จึงบันทึกเรื่องราวผ่านงานภาพพิมพ์จำนวน 20 ภาพ โดยหาซื้อสีและกระดาษสำหรับห่อของ มาจากเมืองเอเธนส์ มาเป็นวัสดุสำหรับสร้างสรรค์ชิ้นงานดังกล่าว ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือก็ใช้ของเดิมที่ติดตัวมาจากประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเหลือภาพพิมพ์เพียง 3 ภาพ นอกนั้นสูญหายและขายไประหว่างการเดินทางข้ามไปยังเมืองต่างๆ
ภาพ ‘Swing of Life’ เป็นอีกภาพวาดอีกภาพหนึ่งที่อดกล่าวถึงไม่ได้ เพราะเป็นหนึ่งในผลงานที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยอัตลักษณ์ของการจับคู่สีที่ลงตัว ตวัดลงบนเฟรมอย่างมีชั้นเชิงด้วยส้นเท้า (หรือชื่อผลงานที่คนในแวดวงศิลปะ รู้จักกันในนาม ‘ส้นตีนอินสนธิ์’) อวัยวะหนึ่งของร่างกายที่อินสนธิ์ให้ความสำคัญว่าเพราะเท้าคู่นี้ ทำให้เขาสามารถออกเดินทางข้ามโลก
เมื่อความงามเกิดขึ้นเป็นที่ประจักษ์ ในหมู่นักสะสมภาพศิลปะทั้งรุ่นเก่าและมือสมัครเล่น จึงเป็นที่ต้องการครอบครองผลงานของศิลปินระดับแถวหน้าของเมืองไทย จนเกิดเป็นกระแสทำภาพปลอมวางขายไปทั่ว ส่วนที่ห้องทำงานขนาดเล็ก ยังพอมีร่องรอยของถาดสีน้ำมัน รอการทดลองงานใหม่ๆ เช่น ภาพ ‘ประสบการณ์ที่มีประโยชน์’ เป็นงานทดลองใช้แผ่นเงินสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ มาประดับเข้ากับภาพสีน้ำมัน เพื่อให้เกิดน้ำหนักและความรู้สึกใหม่อย่างน่าทึ่ง
ในหอศิลป์ฯ เดียวกันนี้ ยังมีงานศิลปะที่เกิดขึ้นในระหว่างอินสนธิ์พักรักษาตัวในป่า ธรรมชาติช่วยเยียวยารักษาชายผู้นี้ให้กลับมาแข็งแรงโดยเร็ว ก่อเกิดประติมากรรมไม้ ใช้วัสดุเพียงแค่ขวาน ขี้ผึ้งและแก้ว ผลิตเป็นผลงานที่มีชื่อว่า ‘เหยียบเรือสองแคม’ ‘Rocking Sculpture’ ‘สงครามไม่มีที่สิ้นสุด’ต่อมาได้รับการพัฒนา เป็นงานประติมากรรมอีกหลายต่อหลายชิ้น
รวมทั้งภาพ Learning From Matters งานเพ้นท์ ขนาด 2x10 เมตร ที่เป็นการทำงานชิ้นใหญ่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อินสนธิ์ต้องการเอาชนะใจตัวเองในวัย 85 ปี ด้วยใจแนวแน่ที่มีต่อการสร้างสรรค์งานชิ้นนี้ โดยใช้เวลา 4 เดือนผลงานจึงเสร็จสมบูรณ์
มีแนวคิดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความรัก ความดี ความงามและความบริสุทธิ์ จากผลงานของบรมครู ไม่ว่าจะเป็นพ่อที่นับเป็นครูคนแรก ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เปรียบเสมือนพ่อคนที่สอง อาจารย์ทวี นันทขว้าง อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ Leonardo de Vinci Rodin Brancusi ตลอดจนศิลปินผู้มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศมากมาย หล่อหลอมเปิดโลกทัศน์ ให้เกิดเป็นงานศิลปะอย่างไม่สิ้นสุด และปณิธานอันแรงกล้าที่เขายึดมั่นมาโดยตลอดว่า “ศิลปะคือชีวิตของอินสนธิ์ ชีวิตของอินสนธิ์ คือศิลปะ”
จากความวิริยะอุตสาหะของอินสนธิ์ วงค์สาม ได้รับเลือกการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ประจำปี พ.ศ.2542 แม้จะได้รับการเชิดชูเกียตินี้แล้วก็ตาม แต่เขาไม่เคยหยุดหาแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างมีคุณค่า รวมทั้งก่อตั้งหอศิลป์อินสนธิ์ วงค์สาม ร่วมกันเปิดหอศิลป์ฯ กับเวเนเซีย วอล์คกี้ ภรรยาผู้เป็นที่รัก ณ จังหวัดลำพูน เผยแพร่ประสบการณ์ชีวิตและงานศิลปะ ต้นแบบของศิลปินให้เป็นแรงบันดาลใจของคนรุ่นหลังสืบไป
หมายเหตุ
ผู้สนใจชมงานศิลปะ สามารถนัดหมายล่วงหน้า โทร. 0922636121 โดยหอศิลป์อินสนธิ์ วงค์สามจะเปิดให้บริการ วันพุธ – อาทิตย์ : ตั้งแต่ 9:00 – 16:00 น. หยุด วันจันทร์ และ อังคาร










