เปิดใจหมอจอย สนาธร ศัลยแพทย์มือเบสที่รักษ์โลก และความสุขเล็กๆที่เลือกได้

เรื่องเล่าบางเศษเสี้ยวจาก'หมอจอย สนาธร' มือเบสเพลงร็อคที่รักษ์โลกกับความสุขง่ายๆ มีเวลาว่างก็นั่งมองทะเล และเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง
ก่อนจะเล่าถึงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่หลายคนเรียกว่า หมอจอย สนาธร รัตนภูมิภิญโญ ขอบอกก่อนว่า เธอไม่ใช่คนดัง และไม่ใช่คนพูดเก่ง แต่มีความน่ารักเป็นตัวเองในแบบของเธอ
เมื่อเร็วๆ นี้ ในโลกโซเชียลมีเดีย ศัลยแพทย์คนนี้ถูกบูลลี่ในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก แต่สิ่งเหล่านี้...ทำอะไรคนคิดบวกและปล่อยวางเช่นเธอไม่ได้เลย
หมอจอย เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง ประจำคลีนิค Janasia Plastic Surgery และแพทย์ประจำศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ งานอดิเรกเป็นมือเบสวง The Octopuss แนวร็อคๆ และเพิ่งเล่นในงานบางกอก ดีไซน์ วีค 2025 ที่ผ่านมา
หมอจอยเล่นเบสตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงปัจจุบัน โดยใช้เวลาว่างไปเรียนดนตรี เพื่อพัฒนาฝีมืออยู่เรื่อยๆ และเวลาที่ใครชวนไปเล่นดนตรีที่ไหน เพื่อนๆ ในวงและเธอก็จะสนุกสุดเหวี่ยง
ชีวิตอีกส่วนทำเพจกับเพื่อนๆ หมอชื่อ Too Young Too Die เพื่อให้ความรู้เรื่องโลกร้อนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงดูแลบาร์แจ๊ส The Mellowship ใต้ตึกโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่เชียงใหม่
“ถ้าไม่ได้เป็นหมอ ก็อยากเป็นสถาปนิกหรือทำงานด้านวิศวะ ตอนนั้นเลือกแพทย์อันดับต้นๆ เมื่อเลือกคณะนี้แล้วจะไม่มีสิทธิเลือกคณะอื่น “ หมอจอย เล่า
นอกจากนี้ยังเรียนเฉพาะทางด้านศัลยกรรมพลาสติกที่โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยให้เหตุผลว่า โรงพยาบาลชั้นนำในเมืองไทยมีศักยภาพ มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเรียนต่างประเทศ และเธอเองก็อยากอยู่ใกล้ๆ พ่อแม่
“จอยหัดเล่นเบสตั้งแต่มัธยมปีที่สาม ก็เรียนมาเรื่อยๆ อยากพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้น ชอบดนตรีแนวฟังก์ แจ๊สก็ชอบฟัง ตอนนั้นชอบวง Red Hot Chili Peppers เพราะเล่นได้สนุก
อย่างเรื่องถูกบูลลี่เรื่องหน้าตา ก็ไม่ได้บอกพ่อแม่ เดี๋ยวพวกเขาเป็นห่วง แต่ปรึกษาพี่สาว ครอบครัวเราก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์มากมาย จอยเป็นคนเฉยๆ ง่ายๆ อะไรก็ได้ แค่ปล่อยผ่านไม่ได้ติดใจอะไร”
ในส่วนของการเป็นศัลยแพทย์ หมอจอยเลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบของเธอ เธอบอกว่า ถ้าคนเรามีความมั่นใจในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องทำศัลยกรรม หรือตามเทรนด์เลยก็ได้ แม้คนส่วนใหญ่จะมีความคาดหวังว่าผู้หญิงต้องมีหน้าตาสวย
“หมอพูดแบบนี้ คนอาจรู้สึกว่า ขัดแย้งกับงานที่หมอทำ จอยแค่จะบอกว่า งานศัลยกรรมไม่ได้จำกัดแค่ศัลยกรรมพลาสติกอย่างเดียว ยังมีศัลยกรรมในกรณีคนป่วยได้รับอุบัติเหตุ ไฟไหม้ ปากแหว่ง เพดานโหว่ มะเร็ง
จอยเองก็เข้าใจ คนก็คาดหวังว่า ต้องสวยตามมาตรฐาน อยากบอกว่า ไม่จำเป็นต้องตามเทรนด์ ถ้าไม่มั่นใจในตัวเอง ต้องการทำศัลยกรรมเพื่อเสริมสร้างบุคลิกนิดๆหน่อย ๆ ก็มาปรึกษาหมอ อาจทำเท่าที่จำเป็น”
เมื่อกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น หมอจอย บอกว่า ไม่ได้อยากให้คนรู้ว่า เราเป็นหมอที่ชอบเล่นดนตรี แต่ก็มีสื่อไปค้นข้อมูลมาเขียนเอง แต่สิ่งที่จอยคาดหวังอยากให้คนรู้ คือ เรื่องโลกร้อน เรื่องนี้สำคัญกว่าตัวจอย
และเมื่อมีคนบอกว่า หมอจอยไม่ธรรมดาเลย (เป็นหมอที่เล่นดนตรีและเป็นลูกนักธุรกิจ) เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกว่า ตัวเองพิเศษอะไรมากมาย และบอกว่า จอยยังไม่ดีพอที่จะได้รับคำชมเหล่านั้น จอยยังเป็นหมอที่ไม่เก่ง
“ยังมีหมอที่เก่งกว่าจอย และนักดนตรีที่เก่งกว่าจอย คนส่วนใหญ่ใจดีกับจอย เพราะจอยเป็นหมอ จอยต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะ ยังไม่สมควรได้รับคำชม ยังอยากเล่นดนตรีเก่งกว่านี้ กำลังทำอัลบั้มที่สอง อยากไปเล่นในงานเฟสติวัลมากขึ้น ความสุขของจอยอีกส่วนคือ การไปดูคอนเสิร์ต ชอบวงดนตรีแนวอินดี้ๆ ”
นอกจากชอบเล่นดนตรี ดูคอนเสิร์ต หมอจอย บอกว่า ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ชอบอีกอย่างคือ นั่งมองทะเล แต่ภาวะโลกร้อนจะมีส่วนทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น ในอนาคตชายหาดสวยๆ อาจหายไป รวมถึงปัญหาฝุ่น ไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯ คนที่อยู่ทางภาคเหนือต้องเผชิญปัญหานี้และเสี่ยงกับการเป็นมะเร็งปอด
"จอยตามอ่านเรื่องราวด้านสิ่งแวดล้อมมาหลายปี คนในโลกรู้ว่า ต้องควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศา ไม่อย่างนั้นจะเกิดความเสียหายแบบถาวร
สิ่งที่จอยกังวลคือ กรุงเทพฯอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ต่อไปจะได้รับผลกระทบเยอะ เราเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อน ถ้าร้อนไปกว่านี้ เราจะอยู่กันอย่างไร
ที่ผ่านมาแต่ละประเทศลดภาวะเรือนกระจกน้อยมาก ตอนนี้โลกร้อนขึ้นประมาณ 1.2-1.3 องศา เหลืออีกนิดเดียวก็อุณหภูมิก็สูงเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จอยอยากทำกิจกรรมด้านนี้ร่วมกับองค์กรรัฐ และอยากรู้ว่าเราจะทำอะไรมากกว่านี้ได้ไหม"
หมอจอย ยอมรับว่า ปัญหาเรื่องโลกร้อนสำคัญที่สุด อยากให้รัฐบาลทุกประเทศหันมาใช้พลังงานสะอาด เหมือนที่หลายคนเรียกร้องเพราะปัญหาภาวะเรือนกระจก ส่วนหนึ่งมาจากการใช้พลังงานถ่านหิน และอีกหลายอย่าง