หญิงอวบ พญานาค มังกร ประติมากรรมฉลอง 50 ปีทองสัมพันธ์การทูตไทย-จีน

ไอคอนสยาม จัดนิทรรศการประติมากรรมระดับโลก Lancang to ChaoPraya ฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์การทูตไทย-จีน โชว์ประติมากรรมชิ้นเอก Chubby woman with Dragon & Naga เชิดชูสุนทรียศิลป์ไทยโดย อ.ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ ผสานประติมากรรมมาสเตอร์พีชของ มร.ซู หวงเฟย ประติมากรจีนระดับโลก
หนึ่งในกิจกรรม การฉลอง 50 ปีทองแห่งมิตรภาพความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ.2568 อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อไอคอนสยาม ผนึกกำลังพันธมิตรจัดงานใหญ่ประเดิมไตรมาสแรกด้วย นิทรรศการประติมากรรม Lancang to ChaoPraya ผลงานศิลปะสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากสองศิลปินระดับชาติของประเทศไทย ศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง และ มร.ซู หวงเฟย (Xu Hongfei) ประติมากรชาวจีนชื่อดัง
Lancang (หล่านชาง) เป็นเขตปกครองตนเองภายใต้เขตอํานาจศาลของเมืองผู่เอ๋อทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
ชื่อ “หล่านชาง” ในภาษาจีนหมายถึง “แม่น้ำโขง” ซึ่งมีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งและหิมะในประเทศทิเบต ละลายไหลผ่านประเทศจีนลงมาเป็นพรมแดนของหลายประเทศทางตอนใต้
ตามภาษาของชาวไต (Tai) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน “หล่านชาง” คำนี้แปลว่า “ช้างล้านตัว”
นิทรรศการประติมากรรม Lancang to ChaoPraya จึงหมายถึงประติมากรรมจากแม่น้ำจีนถึงแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีประติมากรรมชิ้นเอกคือ Chubby woman with Dragon & Naga หรือ “หญิงอวบกับมังกรและพญานาค” ซึ่งร่วมกันสร้างสรรค์โดย อ.ปรีชา เถาทอง และ มร.ซู หวงเฟย
มร.ซู หวงเฟย ได้ชื่อว่าเป็นประติมากรชาวจีนผู้มีชื่อเสียงระดับโลก เกิดเมื่อปีพ.ศ.2506 ที่เมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง ศึกษาประติมากรรมในสถาบันวิจิตรศิลป์กวางโจว
มร.ซู สร้างผลงานประติมากรรมชื่อ Autumn (ฤดูใบไม้ร่วง) ซึ่งมีลักษณะเป็นผู้หญิงรูปร่างตุ้ยนุ้ยที่เขาเรียกว่า Chubby Woman ในปี 1977 และพัฒนาเป็นคอลเลคชั่นประติมากรรมที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ เนื่องจากคอนเซ็ปต์ของประติมากรรมโอบรับความงามของเรือนร่างขนาดใหญ่และมอบพลังให้กับ ‘ผู้หญิงพลัสไซส์’ หลายคนทั่วโลกที่มักถูกกดขี่โดยมาตรฐานความงามที่หยั่งรากลึกมานาน
ปัจจุบันซีรีส์ประติมากรรม Chubby Woman มีมากกว่า 100 ชิ้น เต็มไปด้วยอารมณ์ขันและจิตวิญญาณอิสระ ซึ่งมร.ซูปรารถนาที่จะส่งเสริมให้ผู้คนทุกภูมิหลังใช้ชีวิตด้วยความสุข ความมั่นใจและพลังบวก
ผลงานประติมากรรมของมร.ซูได้รับการจัดแสดงในงาน International Contemporary Art Fair 2007 และ Hong Kong International Art and Antiques Fair 2008
เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2008 เขตปกครองที่ 8 ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เชิญ มร.ซู หวงเฟย เปิดนิทรรศการส่วนตัวในศาลาว่าการเขต
นอกจากนี้เขายังกลายเป็นประติมากรเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากลให้เป็นตัวแทนของจีนในการประกวดกีฬาและศิลปะโอลิมปิกปี 2008 ผลงานของเขา “A Merry Victory” เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลคชั่นที่ตั้งอยู่ในสํานักงานใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิกสากลในสวิตเซอร์แลนด์
กลับมาที่ประติมากรรมชิ้นพิเศษ Chubby woman with Dragon & Naga ฉลองวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประติมากรรมชิ้นนี้มีลักษณะของผู้หญิงรูปร่างตุ้ยนุ้ยหรือ Chubby Woman ในอิริยาบถเริงร่า ยืนอยู่บนเมฆมงคลที่มีลักษณะคล้ายก้อนเงินโบราณของจีน โดยมีมังกรและพญานาคพันกระหวัดเรือนร่าง ราวเธอกำลังเริงระบำท่ามกลางมังกรและพญานาค
ตามความเชื่อของจีน เมฆมงคล เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภและความโชคดี ขณะที่ พญานาค และ มังกร เป็นสัตว์มงคลในตำนานของทั้งสองประเทศ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปีพ.ศ.2552 กล่าวถึงการร่วมสร้างสรรค์งานประติมากรรมสองวัฒนธรรมชิ้นพิเศษนี้ว่า
“ภาษาของมนุษย์ที่ใช้สื่อสารบนโลกนี้ ภาษาพูดภาษาเขียนมาหลังภาษาศิลปะ ทุกชุมชน ทุกอาณาจักร ทุกพื้นที่บนโลก ใช้ภาษาการสื่อสารด้านสุนทรียะตั้งแต่ต้น
คำว่าศิลปวัฒนธรรมประกอบด้วยศิลปะทุกแขนง มิตรภาพ สุนทรียะ บำบัดและส่องทางกัน ศิลปะเป็นผู้ให้ มีการแบ่งปันกันตลอดเวลา
อาณาจักรหล่านชางของจีน อาณาจักรลุ่มน้ำเจ้าพระยาเรียกอุษาคเนย์ ตัวเชื่อมสำคัญคือแม่น้ำสองสายคือแม่น้ำโขงและแม่น้ำเจ้าพระยา มิตรภาพไทย-จีน
ผมคุยกันแล้ว หวงเฟยเขาตีความเป็นสัญลักษณ์เทพสมมุติตามความรู้สึกของเขาคือ มังกร เป็นสัตว์เทพคู่มนุษย์ คนไทยเรียก พญานาค หรือนาคา ต่างก็เป็นสัตว์เทพที่บูรณาการเข้ากับวิถีชีวิต สังคม ศาสนา
การสร้างงานศิลปะจะมีอัตลักษณ์ของแต่ละคน ของผมมีอัตลักษณ์และวิธีตีความของรากไทย รากไทยมิใช่เพียงลายไทย แต่คือมีีใจเป็นไทย ซูหวงเฟยเขามีศรัทธากับธรรมมะ ธรรมชาติ
ผมนำความหมายของ ‘พญานาค’ สัตว์มงคลของผมมาผสมผสานกับ ‘มังกร’ โดยได้แนวความคิดการสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับลูกศิษย์ผมหลายๆ ท่านที่มีฝีมือด้าน งานช่างสิบหมู่ อาทิ ลงรักปิดทอง ประดับกระจก ลงยาสี แกะสลักหนังตลุง ฉลุโลหะ ดุนโลหะ ปรากฏอยู่บนตัวพญานาคตามที่ผมอยากได้ ซึ่งแต่ละท่านมีส่วนแชร์ความคิดเพื่อให้ผลงานชิ้นนี้มีความลงตัวและสมบูรณ์แบบมายิ่งขึ้น”
ขณะที่ มร.ซู หวงเฟย ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ อ.ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติของไทย ความร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นเหมือนสะพานในการถ่ายทอดทางวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ในโอกาสพิเศษวาระแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย- จีน ผ่านการนำเสนอผลงานทางศิลปะ
“ผมเดินทางไป 60 กว่าประเทศทั่วโลก ความร่วมมือในกันสร้างสรรค์ผลงานนี้นับเป็นเกียรติของผมที่ได้ร่วมมือกับ อ.ปรีชา เถาทอง โดยส่วนตัวผมชอบจัดแสดงงานศิลปะในที่สาธารณะ เพื่อให้ผลงานได้เข้าถึงผู้ชม ซึ่งตรงกับความคิดของอ.ปรีชา
ดังนั้นการทำงานร่วมกันครั้งนี้ ทำให้ได้เรียนรู้วิธีการคิดแบบคนไทย ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของสองประเทศ แต่สิ่งที่เหนือกว่าเทคนิคทั้งหมดคือการทำงานร่วมกันระหว่างศิลปินทั้งสองประเทศ เป็นเหมือนสะพานเชื่อมโยงจิตใจที่ก้าวข้ามภาษา และผลงานที่ปรากฏออกมานั้น แน่นอนว่าเป็นลายมือของคนสองชาติ” มร.ซู หวงเฟย กล่าว
ศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลงานชิ้นนี้เป็นการผสมผสานทางสุนทรียะทางศิลปวัฒนธรรมไทยจีนร่วมกัน งานศิลปะไม่ใช่แค่เพียงตาเห็น แต่ใจต้องเห็นด้วย ผมและซูหวงเฟยมีรูปที่ใจเห็นตรงกัน บวกกับเทคนิคที่ตาเห็น การคอลแล็บส์ผลงานชิ้นนี้ จึงเป็นประติมากรรมที่ใจของศิลปินแต่ละคนเห็น
ศิลปะคือภาษามิตรภาพ ส่องทางกัน บำบัดใจและบูรณาการกัน เป็นกระบวนการซอฟต์พาวเวอร์ ไม่ใช่บังคับให้ทำ ไม่ใช่เอาเงินมาซื้อแล้วสั่งให้ทำ แต่ซอฟต์พาวเวอร์คือทำด้วยใจและศรัทธา มีรากวัฒนธรรม มีคติธรรม มีสัตว์มงคลที่เราเชื่อ มีเทพเจ้าที่เราเชื่อ ความศรัทธานี้แปรเปลี่ยนออกมาเป็นงานศิลปะ
สิ่งที่ท่านจะได้ในงานศิลปะ ไม่ใช่ดูรู้เรื่อง ต้องดูแล้วรู้สึกถึงศรัทธาของผู้สร้างสรรค์ผลงาน ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน การแสดงศิลปวัฒนธรรมที่มีคนเต้นคนแสดงและครีเอทีฟ นี่คือซอฟต์พาวเวอร์ที่ต่างประเทศทั่วโลกวิ่งมาหาเมืองไทย มาแล้วไม่อยากกลับบ้าน เพราะเรามีซอฟต์พาวเวอร์แบบพหุวัฒนธรรม จิตใจมีคุณธรรม กินอาหารแล้วอิ่มท้อง ดูงานศิลปะแล้วอิ่มใจ”
ประติมากรรมชิ้นเด่น Chubby woman with Dragon & Naga ยังจัดแสดงร่วมกับผลงาน Bronze Chubby Woman ประติมากรรมสตรีอวบถือร่มและสวมใส่ผ้าถุงไทย โดยใช้ร่มเชียงใหม่และชุดสตรีพื้นเมืองสไตล์ภาคเหนือเป็นสัญลักษณ์ ตกแต่งลายผ้าด้วยเทคนิคไทยโบราณ เคลือบด้วยทองคำเปลว
มร.ซู หวงเฟย คาดหวังว่าประติมากรรมสตรีอวบถือร่มเชียงใหม่จะเป็นตัวแทนแห่งความสงบสุข และสามารถสร้างสะพานทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน เพื่อแสดงความสามัคคีไทย-จีนที่สร้างสรรค์โดยศิลปินสองชาติ
ประติมากรรม Cantonese opera ศิลปะจีนดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดจากวัฒนธรรมกวางตุ้ง
ประติมากรรม Chubby woman with Dragon & Naga และ Bronze Chubby Woman ถือร่มเชียงใหม่ จัดแสดงร่วมกับผลงานประติมากรรมอีกกว่า 10 ชิ้นงานเอกของ มร.ซู หวงเฟย เปิดให้ชมอย่างใกล้ชิดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม ตั้งแต่วันนี้-28 กุมภาพันธ์ 2568
เชิญชมประติมากรรมที่เป็นลายมือของคนสองชาติ สะท้อนความสัมพันธ์ที่แข็งแรง มั่นคง ยั่งยืน