ปั้นศิลปะให้เป็นธุรกิจในตลาดโลก เรื่องเล่าจากสองนักวาดภาพประกอบ

ถ้าจะปั้นศิลปะให้เป็นธุรกิจออกสู่ตลาดโลก โดยไม่สูญเสียความเป็นตัวเองและขายได้ด้วย มีตัวอย่างจากสองนักวาดภาพประกอบ...ปอม ธัชมาพรรณ และโตส-ปัญญวัฒน์
ถ้าจะทำงานศิลปะให้ขายได้ และยังคงความเป็นตัวเองไว้ได้ แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับศิลปิน แต่ก็มีหลายคนประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์จนเป็นที่รู้จักในตลาดโลก รวมถึงเติบโตมีทีมงานมากขึ้น แม้จะมีเวลาทำงานศิลปะน้อยลง ก็ต้องจัดสมดุล และปรับตัวให้เท่าทันการทำธุรกิจ
ปั้นศิลปะให้เป็นธุรกิจ หัวข้อหนึ่งในกิจกรรมเสวนาจาก ปอม ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง หรือ Pomme Chan และโตส-ปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ สองศิลปินนักวาดภาพประกอบที่ทำงานในตลาดโลก
การพูดคุยครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Open House ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โครงการสนับสนุนนักออกแบบไทยที่มีแบรนด์และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการออกแบบสู่ตลาดโลก
โครงการดังกล่าวได้เชิญนักออกแบบไทยที่ประสบความสำเร็จมาร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบรุ่นใหม่ และผู้ประกอบการสร้างสรรค์ไทย อาทิ เอกรัตน์ วงษ์จริต ศิลปินรางวัลศิลปาธร มาเล่าเบื้องหลังการทำงานโปรเจกต์ Dior Gold House พร้อมกับวิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ จาก WISHULADA และรัฐ เปลี่ยนสุข จากสัมผัสแกลเลอรี่
ในหัวข้อ ปั้นศิลปะให้เป็นธุรกิจ ปอม ธัชมาพรรณ หรือ Pomme Chan นักวาดภาพประกอบ ที่เคยร่วมงานกับหลายแบรนด์ในต่างประเทศ อาทิ ไนกี้, MTV ฯลฯ เล่าว่า กว่าจะมีวันนี้ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย
เธอเรียนมาทางด้านมัณฑนศิลป์ ศิลปากร เริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่อายุ 22 ปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานกว่า 23 ปี ทั้งในไทยและต่างประเทศ จนมีบริษัทและทีมงานเล็กๆ มีสตูดิโอของตัวเอง Happy people studio รวมถึงทำงานไฟน์อาร์ต Pomme Chan,งานออกแบบและผลิตภัณฑ์ของขวัญรูปต่างๆ และงานออกแบบพื้นที่และผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน Swoon Space
เธอเริ่มจากวาดภาพประกอบ จากนั้นค่อยๆ แตกหน่อผลิตภัณฑ์ในเครือข่าย ปอม เล่าว่า แม้ปีนี้มีหลายคนบอกว่า เศรษฐกิจจะย่ำแย่ เธอก็ไม่กลัว เพราะชีวิตที่ผ่านมาเคยมีเงินเหลืออยู่ในกระเป๋าห้าสิบบาทก็ผ่านมาได้ ได้เรียนรู้ธุรกิจจากพ่อในช่วงต้มยำกุ้ง รวมถึงช่วงโควิดที่ว่าแย่แล้ว ก็ผ่านมาได้
"เมื่อเราค้นพบศักยภาพของตัวเอง ทำให้เราไม่กลัวเลย เหมือนที่เล่าเคยมีเงินติดกระเป๋าแค่ห้าสิบบาท ตั้งต้นจากตรงนั้น ถ้าเกิดโควิดแล้วไม่มีอะไรเลย เราก็ยอมรับแล้วสร้างใหม่ ตอนโควิดคนก็ว่าแย่แล้ว เกือบต้องขายผ้าเช็ดมือ แต่ก็ยังมีทางของเรา วางแผนสำรองไว้หลายๆ แผน
แต่ปีนี้ไม่รับพนักงานเพิ่ม เราไม่วางเป้าหมายไว้ล่วงหน้าสิบปี เอาแค่ปีต่อปี สิ่งสำคัญคือ เจ้าของบริษัทต้องไม่กลัว ลูกน้องก็จะไม่กลัวไปกับเราได้ ตอนโควิดว่าแย่แล้ว เราก็ไม่ลดเงินเดือนพนักงาน และมีโบนัส โลกเล็กๆ ที่เราสร้าง ก็ทำให้พนักงานก็รู้สึกปลอดภัยและมีอนาคต กว่าจะมายืนจุดนี้ ปอมก็ต้องใช้เวลา"
เมื่อเลือกแล้วว่า จะทำงานศิลปะในแบบของตัวเอง และมีทีมงานที่ต้องรับผิดชอบ ในฐานะเจ้าของบริษัท เธอก็คิดสูตรบริหารจัดการให้ลงตัว แล้วเริ่มบุกตลาด
“เราต้องมีที่ปรึกษาด้านต่างๆ ไม่ว่าการตลาด เอไอ เพื่อใช้ในการวางแผน เมื่อได้แผนแล้วก็พร้อมจะลุย ต้องมีเป้าหมายชัดเจน เราก็คุยกับทีมพร้อมตัวเลขการเติบโต” เธอเล่าถึงแผนในปีนี้ และหากใครอยากไปสู่ระดับโลกเหมือนที่เธอทำ ต้องรู้จักใช้เครื่องมือการสื่อสารโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อสื่อสารงานออกแบบที่ทำ
“ปอมใช้เฟซบุ๊กสื่อสารกับเพื่อนๆ พี่ๆ คนในวงการ และแฟนคลับชาวไทย ถ้าต้องการสื่อสารกับคนทั่วโลกจะใช้อินสตาแกรม เพราะมีฐานลูกค้าทั่วโลก ถ้าจะสื่อเรื่องสนุกๆ ก็ใช้ติ๊กต๊อก ก็จะให้ทีมน้องๆ ปั้นให้ ต้องมีโทนเนื้อหาแปลกๆ และสนุก เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ด้วย”
เพราะการบริหารจัดการธุรกิจก็สำคัญพอๆ กับการออกแบบ งานที่ทำออกมาเธอเอาแพทเทิร์นจากทีม Happy people studio มาแตกหน่อทำสินค้าที่หลากหลาย อาทิ วอลเปเปอร์ พรม หมอน และจาน ฯลฯ รวมถึงสินค้าตกแต่งบ้าน
"ทั้งหมดเริ่มต้นง่ายๆ วาดรูปมารูปหนึ่ง เพื่อใช้ในการทำงาน และกำหนดอีกว่า ลูกค้าสามารถยืมภาพไปใช้ได้ อาจหกเดือนหรือกี่เดือนก็ต้องจ่ายค่าใช้รูปภาพ เราเรียนรู้ระบบนี้จากเมืองนอก เรามีเอเยนซีอยู่ทั่วโลก ระบบแบบนี้เกิดขึ้นมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี ตอนแรกลูกค้าไทยก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการยืมภาพไปใช้ 3-6เดือน หรือใช้เฉพาะแคมเปญ เรื่องนี้ต้องอธิบาย หลังจากนั้นภาพก็จะกลับมาเป็นของเราเหมือนเดิม เอาไปทำอะไรต่อก็ได้"
- สมดุลของธุรกิจและศิลปะ
ศิลปินที่หันมาทำธุรกิจ ต้องจัดการให้เกิดความสมดุลและลงตัวอย่างไร...
เมื่อปอมมีหลายแบรนด์ต้องดูแลจัดการ เธอบอกว่า ต้องมองธุรกิจให้ชัดตั้งแต่เริ่มรับงาน ศึกษาแบรนด์ที่จะเข้าไปทำ ลองดูว่า เป็นแบรนด์ที่เราอยากซื้อไหม
"ถ้าไม่รู้จักแบรนด์ดีพอ ปอมจะไม่ทำ ถ้าจะทำแบรนด์ให้ใคร ต้องมีความจริงใจ เลือกแบรนด์ที่เหมาะกับเราก่อน ยกตัวอย่างมีงานหนึ่งติดต่อให้เราทำงานกับโรงแรมแห่งหนึ่ง เราก็เสนอราคาจัดวางแนวทางทุกอย่าง แต่ทำไปทำมาไม่เคาะ เราก็สงสัย เพราะวางแนวทางหลายอย่างแล้ว เรามองว่าไม่คุ้มแล้ว
สุดท้ายทราบมาว่า คนอนุมัติถามว่า ทำไมต้องเป็น Pomme Chan ทำไมไม่ใช้นักศึกษทำงานนี้ สิ่งที่เขาคาใจ ทำให้ไม่สามารถอนุมัติเงิน เมื่อเราฟังแล้ว ก็บอกให้ทีมงานถอนตัว ไม่ได้โกรธนะ ไม่อยากเสียเวลา"
ในวัยที่ผ่านโลกมาเยอะ ปอมเลือกที่จะทำงานแล้วสบายใจ เมื่อลูกค้าไม่เชื่อมือ เธอจะไม่พยายามเหมือนช่วงที่ยังไม่มีประสบการณ์
"เราจะไม่สู้เรื่องแบบนี้แล้ว ปอมตัดปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เขามองหา น่าจะเป็นอีกแบบ และนี่คือการเรียนรู้ที่ดี เมื่อทำธุรกิจ ศิลปะต้องไปด้วยกันได้ ไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง "
ในปี 2568 ปอมวางแผนพัฒนางานในสตูดิโอให้หลากหลายมากขึ้น เธอบอกว่า เมื่อ3 ปีที่แล้ววาดภาพกระรอกไว้ และมีคนบอกให้ทำอาร์ตทอย ไม่อยากทำตามเทรนด์ อยากให้งานฝีมือมาจากมือของเรา เหมือนจุดเริ่มต้นตอนเริ่มทำอาชีพนี้ จึงทำภาพประกอบกระรอกออกมาหลายเวอร์ชั่น ทำคาแรคเตอร์ให้ชัด ปีนี้ตั้งใจลุยงานด้านตกแต่งบ้าน โดยมีโรงแรมเป็นกลุ่มเป้าหมาย
นี่คือมุมเล็กๆ น้อยๆ ที่ปอมเล่า เพื่อช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ที่อยากทำงานด้านนี้ ส่วนศิลปินนักวาดภาพประกอบ โตส-ปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ นักวาดภาพประกอบ ผู้ผสมผสานความเป็นไทยสัตว์ประหลาดและป๊อปคัลเจอร์ได้อย่างลงตัว ทำให้งานอาร์ตทอยของเขาเป็นที่รู้จักในระดับโลก
โตส เล่าถึงช่วงโควิดที่คนส่วนใหญ่มีงานทำน้อยมาก เขาเองก็ตั้งคำถามว่า เราจะทำศิลปะเพื่ออะไร เมื่อเริ่มเพ้นต์งานไปเรื่อยๆ มีผลงานเป็นรู้จักและมีชื่อเสียง เขาพบว่าสิ่งที่ขาดหายไปคือ ความสนุก
"ตัวตนบางอย่างของเราหายไปหรือเปล่า คนส่วนใหญ่พูดถึงหน้าที่การงาน แล้วตัวตนของเราอยู่ตรงไหน ผมก็ถามตัวเองแบบนั้น จากนั้นหันมาทำงานที่เราสนใจมากขึ้น จนมีชิ้นงานดีๆ ออกมา"
แม้ปีที่ผ่านมาและปีนี้คนไทยจะให้ความสนใจงานอาร์ตทอยเยอะมาก เขามองว่า งานอาร์ตทอยในต่างประเทศทำมานาน 10-20 ปีแล้ว และเชื่อว่าอัตลักษณ์แบบไทยๆ ทำให้งานออกแบบของเราเหนือกว่าแบรนด์อื่นที่มีอยู่ในโลก ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนต่างชาติ แต่ต้องซื่อสัตย์ในสิ่งที่ทำ
เมื่อพูดถึงการทำงานออกแบบในต่างประเทศ เขาบอกว่า ถ้าอยากทำงานออกแบบในตลาดโลก คงไม่ใช่แค่งานศิลปะอย่างเดียว ต้องอาศัยคอนเนกชันในการทำงานอีกหลายปี
"งานศิลปะของผมเริ่มทำมาได้สามปีแล้ว หลักๆ คือ ต้องเข้าถึงระบบงานศิลปะในต่างประเทศ เข้าไปในงานอาร์ตแฟร์ของโลกให้ได้เพื่อต่อยอดไปในแกลอรี่อื่นๆ ผมเองก็เป็นคนชอบสะสมของเล่น ผมมองว่า ช่วงนี้ตลาดอาร์ตทอยเป็นขาลง แต่อาร์ตทอยบางแบรนด์ยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะนักสะสมที่ชอบเก็งกำไร การทำงานอาร์ตทอยต้องสู้กับตัวเอง ต้องไต่ระดับ และต้องชัดเจนกับงานออกแบบที่ทำ
ผมเองเคยทำให้อาดิดาส แบรนด์ระดับโลก พวกเขามองว่า ความเป็นไทยในการออกแบบน่าสนใจ ถ้าเลือกจะทำงานสายศิลปะ ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนคนอื่น เรามีรากเหง้าตัวตนชัดเจน เทรนด์แต่ละปีก็มีผลในการทำงาน ต้องนำมาผสมผสาน เพื่อทำให้เรายืนอยู่ในช่วงเวลาต่างๆ ได้ แม้ปีนี้เศรษฐกิจจะย่ำแย่ ยากกว่าทุกปี แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
การทำงานศิลปะต้องสู้กับตัวเอง เมื่อเอาสิ่งที่ชอบมาเป็นอาชีพ ก็ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า มันเป็นศิลปะจริงๆ หรือเปล่า หรือเป็นแค่งานๆ หนึ่ง สิ่งที่สำคัญคือ ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่องานศิลปะที่ทำ เพราะเราไม่รู้ว่า วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องทำให้ดีที่สุด ผมเชื่อเรื่องดวงครึ่งหนึ่ง มันมีจังหวะของมัน ถ้าเรามั่นคงกับสิ่งที่ทำ สิ่งดีๆ ก็จะวนกลับมาหาเรา"
- เวทีนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก
เพื่อผลักดันนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ในช่วงต้นปี 2568 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จึงนำทัพนักออกแบบและคนทำงานสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลก มาร่วมพูดคุยสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายไฟสร้างสรรค์
สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เล่าว่า ตลอด 23 ปีที่ผ่านมา กรมฯได้สร้างกลุ่มนักออกแบบและผู้ประกอบการที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการออกแบบรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสู่เวทีในระดับประเทศและระดับสากลผ่านโครงการนี้จำนวนกว่า 804 คน
ปีนี้นับเป็นอีกปีที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เปิดรับสมัครนักออกแบบและผู้ประกอบการสร้างสรรค์รุ่นใหม่จากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ โดยได้เชิญคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในวงการออกแบบและการตลาดมาร่วมคัดเลือก ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความพร้อม ความสามารถในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ให้เติบโตไปสู่ตลาดสากล
โครงการส่งเสริมนักออกแบบที่มีแบรนด์และผู้ประกอบการ SMEs ที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการออกแบบสู่ตลาดโลก ปี 2568 ตามแนวคิด “Spark Success: Igniting Creative Potential, Fueling Growth With Design” เปิดรับสมัครนักออกแบบรุ่นใหม่ไปแล้วนักออกแบบรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับเศรษฐกิจยุคใหม่
และแนวโน้ม Megatrend นอกจากนี้ยังจะได้รับโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาการค้า การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์แบรนด์ในงานแสดงสินค้าและเวทีการออกแบบทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ditp.go.th







