ในหลวง ร.10 พระราชทานชื่อ 2 ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บนถนนเจริญกรุง

ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระราชทานชื่อ "วชิรสถิต - วชิรธำรง" ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เสด็จฯ เปิด 25 ม.ค.นี้ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล เผยรายละเอียดองค์ประกอบ ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม รัฐบาลจีนร่วมถวายพระเกียรติ มอบหินอ่อนค่าควรเมือง “ฮั่นไป๋หวี่” ประดับซุ้มประตูฯ
สถาปัตยกรรม มิได้เป็นเพียงกิจกรรมการก่อสร้าง แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนของวัฒนธรรม เอกลักษณ์ของสังคม เวลา และการจดบันทึก
สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สสธวท.) และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมน้อมเกล้าฯ ถวายความจงรักภักดี ถวายพระพร ถวายกำลังใจแด่ "ในหลวงรัชกาลที่ 10" พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในปีมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยการจัดสร้าง ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ถาวรวัตถุเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 2 แห่ง บนถนนเจริญกรุง
บันทึกความจงรักภักดี รูปแบบศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมงคล และความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบ 50 ปี ในปีพ.ศ.2568 ไว้ด้วยงาน “สถาปัตยกรรม”
ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา : ปัญจมังกร
คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ประธาน สสธวท. ให้สัมภาษณ์กับ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ถึงแนวคิดการจัดสร้าง “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” ว่าเกิดจากการปรึกษากับ พระคณาจารย์จีนธรรมวชิรานุวัตร (เย็นงี้) เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส
“แรกเริ่มสหพันธ์ฯ และหลายภาคีเครือข่าย คิดว่าจะจัดงานกาลาดินเนอร์เบญจกตัญญุตาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในปีพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่โดยส่วนตัวคิดว่าจัดงานแล้วจะต่อยอดอย่างไรได้บ้าง น่าจะมีถาวรวัตถุสร้างเฉลิมพระเกียรติในวาระนี้ เป็นประโยชน์กับประชาชนและท้องถิ่นด้วย
จึงชวนคุณแม่ (จรรย์สมร วัธนเวคิน) ไปพบท่านเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส ท่านบอกว่าการนี้คือผู้มีบุญญาบารมีใหญ่ที่สุดของแผ่นดินและครบรอบใหญ่ จึงเป็นที่มาของซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ” คุณหญิงณัฐิกา กล่าว
ดังนั้น รูปแบบการสร้าง “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” จึงเกิดจากแนวคิดปรากฏการณ์แห่งมังกรทั้ง 5 หรือ “ปัญจมังกร” ได้แก่
- พระมหากษัตริย์ทรงได้รับการสดุดี เป็น มังกรแห่งมวลมนุษย์
- เป็นนักษัตรประจำปีพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- ปีพุทธศักราช 2567 (ปีมะโรง) เป็นนักษัตรปีมังกรตามสุริยคติ
- วัดเล่งเน่ยยี่ หรือ มังกรกมลาวาส เป็นหนึ่งในศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชน
- ถนนเจริญกรุง เป็นถนนสายแรกของประเทศไทย จึงได้ชื่อว่า “ถนนสายมังกร”
ถาวรวัตถุจากดวงใจพสกนิกรทั่วประเทศ
คุณหญิงณัฐิกา กล่าวว่า เหตุที่มีซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ 2 ซุ้ม เนื่องจากแรกเริ่มมีดำริสร้างซุ้มประตูฯ ที่บริเวณ “ห้าแยกหมอมี” น่าจะสะดวกที่สุด แต่ท่านเจ้าอาวาสวัดมังกรฯ แนะนำว่าต้องมีหัวมังกรและท้ายมังกร
“ห้าแยกหมอมี คือส่วนขามังกรพอดี ซึ่งห้าแยกคือห้าเล็บของมังกร และมังกรห้าเล็บคือสัญลักษณ์ของจักรพรรดิเท่านั้น ขณะที่หัวมังกรอยู่ที่สะพานดำรงสถิต(บริเวณคลองโอ่งอ่าง)”
เมื่อนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานชื่อซุ้มประตูฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล
โดยพระราชทานชื่อ วชิรสถิต ๗๒ พรรษา หมายถึง พระบาทสมแด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาอย่างยั่งยืนครบ 72 พรรษา ให้ซุ้มประตูฯ ที่สะพานดำรงสถิต (หัวมังกร)
และพระราชทานชื่อ วชิรธำรง ๗๒ พรรษา หมายถึง เอกลักษณ์แห่งการจารึกความเทิดทูนของมวลพสกนิกรทั่วประเทศแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในอภิมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา ให้ซุ้มประตูฯ ที่ห้าแยกหมอมี (ท้ายมังกร)
คุณหญิงณัฐิกา กล่าวด้วยว่า ซุ้มประตูฯ “วชิรสถิต ๗๒ พรรษา” มีความกว้างระหว่างสองเสา 16 เมตร ซุ้มประตูฯ “วชิรธำรง ๗๒ พรรษา” กว้าง 14 เมตร ซุ้มประตูฯ ทั้งสองแห่งสูง 23 เมตร เป็นซุ้มประตูศิลปะจีนที่ใหญ่ที่สุดโลก เนื่องจากซุ้มประตูใหญ่สุดที่ประเทศจีนเคยสร้างคือกว้าง 8-10 เมตร
สถาปัตยกรรม : ประยุกต์ศิลปะไทยกับจีน
อาจารย์เศรษฐพงษ์ จงสงวน ผู้เชี่ยวชาญพุทธศาสนามหายาน และรองประธานคณะอนุกรรมการ “จัดสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” กล่าวถึงแนวความคิดในการออกแบบซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ไว้ดังนี้
“สถาปัตยกรรมของซุ้มเป็นศิลปะแบบจีนภาคเหนือ สมัยราชวงศ์หมิงและชิง เป็นแบบที่ใช้กับอาคารพระราชวังและราชการ กำหนดเป็นแบบแผนเฉพาะ เราไม่พบในรูปแบบของศาลเจ้าหรือบ้านเรือนประชาชน”
ซุ้มประตูฯ มีลักษณะเป็นซุ้มคร่อมบนถนนเจริญกรุง ฐานเสาอยู่บนทางเท้าทั้งสองฝั่ง เป็นซุ้มเสาคู่เดียว มีหลังคาด้านบน 3 หลังคา ลดระดับสองชั้นซ้ายขวา
กึ่งกลางของหลังคาชั้นบนประดิษฐาน ตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และประดิษฐานกลางมังกรคู่ หันหน้าเข้าหาตราสัญลักษณ์ฯ
มังกรคู่เป็นปูนปั้นระบายสี หมายถึงพสกนิกรไทย-จีน และชาวไทยเชื้อสายจีน ร่วมใจแสดงความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อมชาวไทย-จีน และชาวไทยเชื้อสายจีน ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขภายใต้พระบรมโพธิสมภาร
ซุ้มประตูฯ ได้รับการตกแต่งตามแบบแผนจีนเช่นกัน คือเลือกใช้ หลังคาสีเหลือง สีสัญลักษณ์ฐานานุศักดิ์ขององค์จักรพรรดิ และ เสาสีแดง สีสัญลักษณ์ของอาคารสำคัญ ประดับด้วย ลวดลายมังกรห้าเล็บ หมายถึงฮ่องเต้หรือพระมหากษัตริย์
“ลวดลายต่างๆ เราอ้างอิงจากสถาปัตยกรรมจีน เรียกว่าใกล้เคียงที่สุดเพื่อสะท้อนถึงความจงรักภักดีของคนไทยเชื้อสายจีน และเป็นสื่อถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนครบ 50 ปี ในปี 2568” อาจารย์เศรษฐพงษ์กล่าวเพิ่มเติม
สีสันที่ใช้ตกแต่งซุ้มประตูฯ มีครบ 5 สีตาม ธาตุทั้งห้า คือ สีแดงธาตุไฟ สีเหลืองธาตุดิน สีดำและสีน้ำเงินธาตุน้ำ สีเขียวธาตุไม้ สีขาวธาตุทอง
แนวสันหลังคาประดับด้วยประติมากรรมสัตว์สิริมงคลต่างๆ ตามความเชื่อของชาวจีน อาทิ เซียนขี่สัตว์ มังกร หงส์ สิงโต ม้าทะเล ม้าสวรรค์พยัคฆมัจฉา
โครงสร้างภายในซุ้มประตูฯ เป็นโคงสร้างเหล็กรูปพรรณ เชื่อมต่อกันตามรูปทรงที่กำหนด ส่วนภายนอกใช้วัสดุ GRC คอนกรีตเสริมใยแก้ว (GRC - Glass Fiber Reinforced Concrete คือการเสริมความแข็งแรงของคอนกรีตด้วยใยแก้ว) เพื่อช่วยลดน้ำหนักของซุ้มประตูแต่คงทน
หินอ่อนหยกขาว “ฮั่นไป๋หวี่”
คุณหญิงณัฐิกา กล่าวว่า ระหว่างที่ข่าวดำริการจัดสร้าง “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2567 แพร่ออกไป สาธารณรัฐประชาชนจีน โดย สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ทราบเรื่อง จึงขอมีส่วนร่วมถวายพระเกียรติในกิจการงานอันยิ่งใหญ่นี้ และฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี 2568
ด้วยการมอบชุดประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักชิ้นเอกอุ ประกอบด้วย ประติมากรรมช้าง สิงโต อย่างละ 2 คู่ และ กลอง จำนวน 4 คู่ ทั้งหมดแกะสลักจาก หินอ่อนหยกขาว หรือ ฮั่นไป๋หวี่ เพื่อประดับบริเวณฐานเสาทั้งสองข้างของซุ้มประตูฯ
หินอ่อนหยกขาวนี้มีคุณค่าเชิงจิตวิญญาณสำหรับชาวจีนเป็นอันมาก เนื่องจากนำคำว่า “ฮั่น” มานำหน้าชื่อหิน
ชาวจีนเรียกตนเองว่า “ชาวฮั่น” ส่วนคำว่า “ไป๋หวี่” หมายถึงหยกขาว ฮั่นไป๋หวี่จึงหมายถึงหินสำคัญแห่งแผ่นดินจีน
คุณหญิงณัฐิกา กล่าวว่า “หินอ่อนหยกขาวที่นำมาแกะสลักเป็นงานประติมากรรมนี้มีน้ำหนักรวมกันกว่า 60 ตัน ประเมินมูลค่าไม่ได้ เนื่องจากเป็นหินอ่อนซึ่งก่อนหน้านี้จีนกำหนดให้ใช้เฉพาะในงานราชสำนักจีนเท่านั้น ได้รับทราบว่าปัจจุบันห้ามส่งออกด้วย จึงเป็นของขวัญที่รัฐบาลจีนมอบของที่มีค่ามาให้”
ประติมากรรมหินอ่อนหยกขาวชุดนี้ “นายกสมาคมช่างแกะสลักแห่งประเทศจีน” ซึ่งเป็นช่างแกะสลักฝีมือยอดเยี่ยมของอำเภอฉวีหยาง มณฑลเหอเป่ย เป็นผู้แกะสลักด้วยตนเอง
อำเภอฉวีหยางยังมีความสำคัญโดยได้รับการขนานนามว่าเป็นแหล่งกำเนิดประติมากรรมแกะสลักของประเทศจีน การแกะสลักใช้เวลา 4 เดือน เมื่อแล้วเสร็จจึงดำเนินการจัดส่งมาประเทศไทย
คุณหญิงณัฐิกา กล่าวว่า “สำหรับประติมากรรมรูป ช้าง เราส่งรูปแบบช้างไทยไปให้ เป็นช้างเพศผู้อย่างเดียวเพราะเป็นช้างศึก” โดยเป็นการแกะสลักตามรูปแบบ ช้างทรงเครื่อง ราชพาหนะที่พระมหากษัตริย์ไทยประทับในสมัยโบราณ
ตัวหนังสือที่แกะสลักบนผ้าคลุมหลังช้างทั้ง 4 ช้างทรง แกะสลักเป็นอักษรจีนคำว่า จี๋ (สิริ) เสียง (มงคล) หรู (สม) ยี่ (ความปรารถนา) ตามลำดับ
ส่วนประติมากรรม สิงโต แกะสลักตามรูปแบบสิงโตที่จัดวางอยู่สองฝั่งหน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ซึ่งเป็นอาคารที่มียศศักดิ์สูงที่สุดในพระราชวังต้องห้ามของกรุงปักกิ่ง สิงโตแต่ละคู่มีทั้งเพศผู้และเพศเมีย สัญลักษณ์ของอำนาจบารมีและบุญวาสนาที่สืบทอดกันไม่ขาดสาย
ขณะที่ประติมากรรม กลอง แกะสลักเป็นลวดลายเมฆมงคล ตามความเชื่อและประเพณีของชาวจีนหมายถึงความปรองดองสมานฉันท์ ความสมบูรณ์พูนสุข ความเจริญมั่นคงของบ้านเมืองและความสงบสุขของประชาชน
ทั้งนี้ ประติมากรรมช้างได้รับการจัดวางไว้ที่เสาซุ้มประตูฯ ด้านที่มีป้ายชื่อเป็นภาษาไทย ประติมากรรมสิงโตจัดวางไว้ด้านป้ายชื่ออักษรภาษาจีน ส่วนกลองจัดวางไว้ที่โคนเสาซุ้มประตูทั้งสองด้านตามวัฒนธรรมจีนที่นิยมจัดวางกลองขนาดใหญ่เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับซุ้มประตู
คุณหญิงณัฐิกา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วน ชื่อซุ้มประตูฯ ภาษาจีน รัฐบาลจีนกรุณามอบหมายให้ศาสตราจารย์ใหญ่คัดสรรอักษรจีนที่มีความหมายเดียวกันหรือใกล้เคียงกับชื่อภาษาไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้ และยังขอให้ศิลปินจีนเขียนอักษรจีนดังกล่าวให้ด้วย
ในส่วนฐานซุ้มประตูฯ ประดับด้วยงานสถาปัตยกรรมไทย ฐานปัทม์ ออกแบบโดย กรมศิลปากร แกะสลักจากหินแกรนิตสีแดงจากประเทศจีน หุ้มโคนเสาไว้อย่างงดงาม ลวดลายสลักแบบฐานปัทม์ทำให้ทราบทันทีซุ้มประตูนี้อยู่ที่ประเทศไทย ฐานปัทม์นี้มีมูลค่าครึ่งหนึ่งของซุ้มประตูฯ
พิธีเปิดซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ
คณะกรรมการผู้จัดทำโครงการซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดซุ้มประตู วชิรสถิต ๗๒ พรรษา บริเวณสะพานดำรงสถิต และซุ้มประตู วชิรธำรง ๗๒ พรรษา บริเวณห้าแยกหมอมี วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 เวลา 17.00 น. ณ ถนนเจริญกรุง ขอเรียนเชิญพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศและชาวไทยเชื้อสายจีนร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ
พร้อมเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่าภาคภูมิใจและมีส่วนร่วมจารึกประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ครั้งสำคัญนี้ด้วยการลงนามผ่านข่องทาง เว็บไซต์หอการค้าไทย รวมพลังชูแลนด์มาร์ค “ซุ้มประตูปัญจมังกรเฉลิมพระเกียรติฯ” ถนนสายใยแห่งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย-จีนอันล้ำค่า หนึ่งในซอฟต์เพาเวอร์ของไทยให้ดังไกลไปทั่วโลก
เปิดศักราชใหม่เสริมพลังรับความเฮงในเทศกาลตรุษจีนปีมะเส็ง 2568 วันพุธที่ 29 ม.ค.
ภาพ : สสธวท.