“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

"บิ๊กเอ-ผศ.พิมล ศรีวิกรม์" นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยหลายสมัย ผู้ปั้นนักกีฬา "เทควันโดไทย" ให้ไประดับโลก กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ เขาคิดและทำอย่างไร เคยท้อบ้างหรือไม่

เมื่อปีที่แล้ว พาณิภัค วงศ์พัฒนากิจ หรือ น้องเทนนิส เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกโตเกียว 2020 กีฬาเทควันโด รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม

เดินทางกลับมาเมืองไทย นอกจากพ่อ และโค้ชเชที่เธอก้มกราบแล้ว ยังมีอีกคนที่เธอให้ใจเต็มร้อย และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

นั่นก็คือ บิ๊กเอ-ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยหลายสมัย ประธานกรรมการ บมจ.ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด

เจ้าของธุรกิจหลายอย่าง ที่มาช่วยบริหารจัดการกีฬาเทควันโดตลอด 20 ปี จนกวาดเหรียญอย่างที่เคยมีมาก่อน และเป็นที่ภูมิใจของคนทั้งประเทศ

ช่วงที่บิ๊กเอเป็นนายกสมาคมกีฬาเทควันโด เขาต้องใช้กำลังสมอง งบส่วนตัวและพยายามหาผู้สนับสนุนกีฬา ซึ่งถ้าไม่ใช่เขาคนนี้ กีฬา เทควันโดไทย คงมาไม่ไกลขนาดนี้

“คุณเคยดูคลิป น้องเทนนิส ร้องไห้ อยากกินคุกกี้ไหม” พิมล ศรีวิกรม์ เล่าอย่างเอ็นดู เพื่อที่จะบอกว่า ถ้าจะขึ้นเป็นนักกีฬาระดับโลก ต้องมีวินัยทั้งการฝึกซ้อมและการกิน

ล่าสุด จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ ชวนพูดคุยท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ

เริ่มคำถามแรกกับ บิ๊กเอ-ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ กันเลยดีกว่า 

ความสนใจด้านกีฬาของคุณมีความเป็นมายังไงคะ

ผมทำมาตั้งแต่ลูกอายุ 3 ขวบ ตอนนี้ลูกเรียนจบแล้ว(หัวเราะ) ปีนี้ผมทำงานเกี่ยวกับกีฬามา 20 ปี เข้ามาตอนแรกนายกสมาคมฯคน

ก่อน บิ๊กหอย-วนัสธนา สัจจกุล ชวนมาเป็นเลขาธิการ ทำอยู่ 2 ปี จากนั้นผมก็เป็นนายกสมาคมฯ

ตอนแรกเขาให้ผมมาช่วยเป็นกระเป๋าสตางค์ให้ เพราะต้องใช้เงินเยอะ สมาคม เทควันโด นั้นยังไม่มีใครรู้จัก จะไปขอตังค์ใครได้ แถมถูกถามกลับว่า ประเทศไทยมีทีมเทควันโดด้วยเหรอ

ผมก็ไม่ได้เป็นนักกีฬาเทควันโด และไม่ได้เป็นนายกสมาคมฯ เพราะชอบเทควันโด แต่มองเห็นศักยภาพว่า เทควันโด สามารถพัฒนาไปถึงดวงดาวได้

เพราะเป็นกีฬาที่เล่นเดี่ยว ต่างจากกีฬาที่เล่นเป็นทีม การบริหารจัดการลำบาก ที่สำคัญเป็นกีฬาที่ต้องแบ่งน้ำหนัก ไม่ต้องห่วงเรื่องสรีระ

ถ้าเล่นบาสเก็ตบอล ไปเจอกับอเมริกันก็ลำบากเลย กีฬาเทควันโดมีความเป็นไปได้เหมือนมวย

ที่มองว่า คนไทยเล่นเทควันโดได้นั้น เป็นการมองด้านสรีระอย่างเดียว หรือมีอย่างอื่นด้วยคะ

ผมมองเห็นศักยภาพคนไทยที่มีความสามารถด้านเตะ ต่อย มีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้ว เด็กๆเรียนต่อยมวยกันอยู่แล้ว ตอนนั้นสมาคม เทควันโดไทย ไม่เป็นระบบ

ผมก็มองว่า ถ้าเราใช้ทักษะการบริหารจัดการเข้ามาจัดการ เหมือนกับ Turn Around บริษัท จากดิ่งลงใต้ เราก็พลิกขึ้นเหนือได้

ผมเองเล่นเทควันโดไม่เป็น ไม่รู้เรื่องอะไร แต่มั่นใจว่าทุกอย่างจะสำเร็จได้ด้วยการบริหารจัดการที่เป็นระบบ

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย ภาพโดย : วันชัย ไกรศรขจิต 

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

แสดงว่าเมื่อ 20 ปีก่อนคุณมองมุมที่ไม่เหมือนคนอื่น ?

ใช่ครับ คนส่วนใหญ่มองว่า คนที่จะมาทำเรื่องนี้ต้องเล่นกีฬาชนิดนั้นได้ หรือเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติมาก่อน ถึงจะเข้าใจ และมาเป็นนายกสมาคมนั้นๆได้

แต่ผมไม่ได้มองว่าความรู้ทางด้านกีฬาสำคัญกว่าทักษะในการบริหารจัดการ เริ่มตั้งแต่หาองค์ประกอบให้กิจกรรมนั้นๆประสบความสำเร็จ เช่นหาโค้ชดีๆ อย่างโค้ชเช (ชัชชัย ชเว)

คุณพิมลเป็นคนเลือกโค้ชเช ?

ไม่ใช่ครับ ผมเป็นคนที่ไม่ให้โค้ชเชกลับไปต่างหาก เพราะเขาอยู่มาก่อนที่ผมจะมาดูแล เพียงแต่ไม่มีใครดูแลเขา โค้ชเช ก็เลยจะกลับบ้าน

แล้วผมก็เข้ามาพอดี เลยเบรคไว้ บอกว่า อย่าเพิ่งกลับ พร้อมกับจ่ายเงินเดือนย้อนหลัง ผมมาเป็นเลขา หลังโค้ชเชมาได้ 6 เดือน ผมมองเห็นศักยภาพของโค้ชเช

เพราะเขา 1. โฟกัสดี มีความมุ่งมั่น 2. เป็นคนกระตือรือล้น ปกติโค้ชทีมชาติระดับโลกจะเปลี่ยนทุกๆ 6 ปี เขาถือว่าทำงานนานๆ ก็จะล้าหลังไม่ทันเทคนิคใหม่ๆ

แต่โค้ชเชเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆตลอดเวลา เหมือนคนเรียนจบมาแล้วอ่านหนังสือเข้าสัมมนาตลอดเวลา ก็เลยทันสมัยอยู่ตลอดเวลา 20 ปีเขาก็ยังสอนได้ ทำผลงานคว้าเหรียญมาได้

แสดงว่าเขาเป็นโค้ชที่รักในสิ่งที่ทำ ?

รักมาก และรักนักกีฬาที่เขาดูแลทุกคนด้วย ในอดีตนักกีฬาบางคนแข่งชนะ ลงกราบเท้าโค้ชเชเลยก็มี เขารักนักกีฬาเหมือนลูก เวลาดุ เขาก็ดุจริงๆ นะ

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

ยุคแรกๆคุณเข้าไปเปลี่ยนแปลงระบบอะไรบ้างคะ

เข้าไปเปลี่ยนทุกอย่างเลย เช่น 1. การคัดตัวนักกีฬา ต้องโปร่งใส ไม่มีระบบอุปถัมภ์ ทุกอย่างตามเนื้อผ้า เมื่อก่อนมีแต่เด็กอุปถัมภ์

ผมเข้าไปปลดนักกีฬาทีมชาติออกหมดทุกคน แล้วคัดตัวนักกีฬาใหม่ ตอนนั้นเราถึงได้ วิว-เยาวภา บุรพลชัย มาเป็นคนแรก มีความขัดแย้งเยอะมาก ผมโดนสาปแช่งตลอดเวลา โดนโทรมาต่อว่าต่างๆ นานา

แล้วผ่านจุดนั้นมาได้ยังไงคะ

อาศัยว่าตอนนั้นผมเป็นสส. และเป็นเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พอมีสถานะอยู่บ้าง บวกกับมีกระเป๋าสตางค์ที่ลึกหน่อย ก็ช่วยให้ผ่านมาได้

อย่างที่บอกผมมาเปลี่ยนระบบ คัดตัวนักกีฬาที่มีความสามารถ รื้อระบบอุปถัมภ์ แล้ว 2. เอาวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้

3. เอาโภชนาการเข้ามาใช้ 4. เอานักจิตวิทยาเข้ามาใช้ ฝ่ายเทคนิคเราก็มีโค้ชเช ที่มีฝีมืออยู่แล้ว

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

ทำไมตอนนั้นคิดนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้คะ

เพราะว่า มันเป็นอื่นไปไม่ได้ ถ้าจะไปถึงเส้นชัย หรือไปถึงดวงดาว ผมบอกนักกีฬาทุกคนว่า ผมไม่มีเงินอัดฉีดให้คุณนะ เงินอัดฉีดคุณเอาจากหลวง

อย่าง น้องเทนนิส (พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ)ได้เหรียญทอง โอลิมปิก ก็ได้ 12 ล้านบาทจากหลวง ไม่นับสปอนเซอร์สารพัด ชิงแชมป์โลกได้เหรียญทองก็ได้ 1 ล้าน ซีเกมส์ ได้ 3 แสน

แต่เงินที่ผมหามา หรือควักจากกระเป๋า ผมจะเอามาพัฒนาพวกคุณ เช่นหาอาหารดีๆให้คุณทาน ไม่ใช่ว่าเข้าเส้นชัยแล้ว ผมจะให้คุณ 1 ล้าน ช่วงฝึกซ้อม ถ้าคุณกินแต่ข้าวไข่เจียว ไม่มีทางไปถึงเส้นชัย

ทุกวันนี้นักกีฬาของผมกินอาหารดี ทุกมื้อ ผมมีแคนทีนเสิร์ฟ อาหารดีๆ จากเดิมที่ให้ตังค์ไปคนละนิดคนละหน่อยแล้วไปหากินเอง เด็กๆก็ไปกินข้าวไข่เจียว หมูกะเพรา ส้มตำ มาม่าผัดแห้ง

ก็ได้มากินอาหารครบทุกหมู่ วิตามินรวม อาหารเสริม ฯลฯ สมัยแรกๆผมไปยืนคุมให้เด็กกลืนวิตามินรวมคนละเม็ด (หัวเราะ) เพราะเด็กไม่ชอบกินอะไรแบบนี้

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

คุณดูมีความตั้งใจกับเรื่องนี้มากๆ ?

ก็เหมือนเราจะทำอาหารดีๆ ซักอย่าง ต้องมี Ingredient (วัตถุดิบ)ครบ เชฟเก่งก็เรื่องหนึ่ง แน่นอนใบกะเพราก็ต้องดี หมูก็ต้องปลอดสารพิษ น้ำมันต้องไม่ใช้ทอดมาแล้ว 8 ครั้ง อาหารถึงอร่อยและดี

พอการคัดตัวโปร่งใส ก็มีคนที่มีฝีมือดีๆอยากเข้ามา ทุกคนมีโอกาสเท่ากัน ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกใคร หรือลูกศิษย์ใคร ขอเพียงคุณเก่งจริง ผมเองก็โปร่งใส ไม่ได้มียิมของตัวเอง ไม่มีธุรกิจขายอุปกรณ์เทควันโด เพราะฉะนันผมไม่มีได้ มีเสีย กับตรงนั้น นานๆไปทุกคนก็มองเห็นและไว้ใจ

ถือว่าเป็นคนแรกๆ ที่นำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาใช้ ?

ก่อนหน้านี้ก็มีคนพูดถึง แต่ยังไม่ค่อยมีใครเอามาใช้จริงจัง ภาครัฐก็พูดถึงแต่อุปกรณ์ไม่ทันสมัย นักจิตวิทยานี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ผมเอามาใช้เป็นคนแรกๆ เลย

โภชนาการผมก็แรกๆ เหมือนกัน วิทยาศาสตร์การกีฬาที่เอาเข้ามาแล้วปรับเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ก็คือเรื่องของการพัฒนากล้ามเนื้อ ไม่ใช่แค่วิ่ง แล้วกล้ามเนื้อจะดีขึ้น ต้องมีมากกว่านั้น

ต้องออกกำลังกายยังไง นักกีฬาผมหลายคนเวลาที่เขาวัดสมรรถนะ วิ่ง กระโดดเชือก Sprint จน Heart rate พุ่งขึ้น ภายในเวลา 1 นาทีพักแล้ว Heart rate กลับลงมาปกติ เหมือนกับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย

เพราะเวลาเล่นเทควันโด เมื่อขึ้นไปเตะ 2 นาที ต่อหนึ่งยก ต้องพัก 1 นาที ถ้าหลังจาก 1 นาทียังแฮกๆ อยู่ ขึ้นไปเตะต่อ ร่างกายก็ไม่ไหว ตัววัดที่จะทำยังไงให้ได้อย่างนั้น  ก็ต้องอาศัยเครื่องมือที่ทันสมัย

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

สมาคมเทควันโด ต้องสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยใช่ไหมคะ

ใช่ครับ ตอนนี้เรามีเต็งหนึ่งคือ น้องเทนนิส เล่นได้อีก 1 สมัย ยกตัวอย่างนะ เทนนิสสูง 174 ซม. ก็ประมาณผมแหละ นี่เด็กใหม่ผมอายุ 15 ชื่อ ขนมจีบ สูง 185 ซม.

ผมก็ต้อง Groom เป็นอนาคตต่อไป กว่าเขาจะไปถึงเทนนิส ก็อีก 5 ปี การฝึกฝนก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8-10 ปี ก็แล้วแต่พรสวรรค์ของเด็กด้วย

อย่างวิว-เยาวภา มาเล่น 10 ขวบ เทนนิส เล่นตั้งแต่ 7 ขวบ ที่เห็นไปโอลิมปิก มีจูเนียร์ รามณรงค์ (เสวกวิหารี)อีกคน นี่คัดตัวซีเกมส์แพ้ไปแล้ว คือ...ถ้าเราทำเป็นระบบ เราก็จะสร้างคนไปได้เรื่อยๆ

ทุกโอลิมปิกผมมีเหรียญ แชมป์โลกผมก็มีทุกสมัย ซีเกมส์เป็นเจ้าเหรียญทองมา 7 ครั้ง ทำมาได้ 14 ปี เรามีโค้ชเช และโค้ชไทย โค้ชเกาหลีที่มาช่วยสอนเทคนิคการเล่นในยิมต่างๆให้ถูกวิธี

เพราะถ้าออกอาวุธผิดตั้งแต่เด็ก เหมือนตีปิงปองจับไม้ผิด ตีเทนนิสก้าวเท้าผิด มันก็น่าเสียดาย ก็เหมือนกันเทควันโด จะเตะให้ถูกต้องทำยังไง เท่ากับเรายกระดับยิมต่างๆ เด็กที่ส่งมาคัดตัวก็จะเริ่มจากชิงแชมป์ประเทศไทย อาจจะไม่เก่งมากนักแบบทีมชาติ แต่เขาก็มาด้วยเบสิคที่ถูกต้อง

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

ช่วงเวลา 20 ปีที่เป็นนายกสมาคม คุณหมดเงินส่วนตัวไปเยอะไหมคะ

ก็เยอะ อย่าให้บอกตัวเลขเลย เดี๋ยวศรีภรรยาจะมาเฉ่งผม (หัวเราะ) ยิ่งช่วงแรกๆหมดไปเยอะครับ แต่หลังๆ พอเราสร้างชื่อได้แล้ว ก็มีสปอนเซอร์เข้ามาช่วย เราได้เงินจากหลวงมาเป็นเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาแต่ละคน

ส่วนที่เป็นอาหาร เราหักไว้เ พราะถ้าไปกินเอง ก็จะไปกินบะหมี่สำเร็จรูป (หัวเราะ) เราจัดให้เอง หมู ไก่ ไข่ เรามีครบ มีที่พักให้ อัดฉีดเราไม่มีให้ เงินที่ได้จากสปอนเซอร์ เอามาทำอื่นๆ

ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาไปแข่งต่างประเทศ งบที่ได้อย่างที่พัก ก็เป็นอัตราไทย ไปนอนที่เดนมาร์ก ห้องพักคนละราคา ด้วยเงินที่เป็นงบของไทย

ต้องไปนอนโรงแรมนอกเมืองที่ห่างจากสนาม 2.5 ชั่วโมง แข่ง 8 โมงต้องออกตี 4 เราก็ให้นอนโรงแรมข้างสนาม  นักกีฬาจะได้พักผ่อนเต็มที่ไม่ต้องตื่นแต่เช้า

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

ยกตัวอย่างเทนนิส ตอนจะไปโตเกียว มี 5 คน รวมทั้งโค้ช ไม่ได้ไปพร้อมไฟล์ทที่นักกีฬาอื่นๆไป ต้องไปไฟล์ทปกติ ผมกลัวไปติดโควิดบนเครื่องบิน

ผมก็ปรับให้นั่ง Business Class ตั๋วคนละ 7 หมื่น มันก็ต้อง The Best ตอนเก็บตัว ไปเก็บที่บ้านผมที่เขาใหญ่เป็นเดือน ไปเช่าโรงแรมข้างๆนอน มากินข้าวที่บ้านผม ภรรยาผมทำอาหารเลี้ยง แล้วผมก็ไปเฝ้าเอง เพราะกลัวว่า ถ้ามีอาหารเข้ามาส่ง แล้วติดโควิดเข้ามาด้วย

ฝึกซ้อมมา 5 ปีถ้าติดโควิด มันเสียโอกาส คือเด็กแข็งแรงไม่เป็นอะไรหรอก แต่จะถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้ลงแข่ง มันน่าเสียดาย เหนื่อยยากกันมาก็จบ ยิ่งใกล้ยิ่งเครียด ก่อนไปแข่ง 7 วันผมก็ให้มานอนที่โรงแรมอินเตอร์คอนฯ คนละห้อง

แล้วเอาห้องบอลรูมมาเป็นห้องซ้อม งานแต่งไม่รับ ให้เด็กซ้อมก่อน(หัวเราะ) เอาเบาะยางเข้าไปปู โดดเชือก วิ่ง อยู่ในนั้น เพราะผมกลัวเด็กกลับบ้านไปติดโควิด เงินทองจากสปอนเซอร์ จากเบียร์สิงห์ ผมก็เอามาใช้แบบนี้

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

น้องเทนนิสได้เหรียญทองกลับมา รู้สึกอย่างไรคะ

ผมดูอยู่ที่บ้าน ไม่ไป เพราะข้อจำกัดเยอะ ก็เลยลุ้นทางทีวี แล้วก็เฮมาก ภูมิใจมาก เทนนิสก็เหมือนลูก เพราะอยู่กับยิมมาตั้งแต่ 14 ขวบ เราเห็นการพัฒนา

เมื่อก่อนเป็นเด็กไม่มีวินัย แอบไปกินโน่นนี่ กินขนมตลอดเวลา แล้วน้ำหนักก็จะขึ้น จนผมต้องจ้างนักโภชนาการประกบอยู่ด้วยกันเลย ทั้งวันทั้งคืน

พอทุกคนได้เหรียญมา ผมก็ปลื้มใจอยู่แล้ว ตอนที่เขาได้เหรียญกลับมาแล้วกราบเท้าผม ทุกคนคงได้เห็นภาพแล้ว ทำให้ทั้งหมดที่ผมทุ่มเทไปทั้งเวลา ทั้งเงิน อะไรต่างๆ มันคุ้มค่า ทำให้เด็กคนหนึ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนไป เขายื่นเหรียญให้ผมช่วยคล้องคอให้ ภรรยาผมยืนร้องไห้อยู่ข้างหลัง

ผมเองก็เกือบไปแล้ว สิ่งเหล่านี้มันตื่นตัน จากวันแรกที่ผมกะว่า จะมาช่วยทำแค่ช่วงหนึ่ง พอพลิกฟื้นได้  ก็กะว่าจะพอแล้ว แต่แล้วมันก็ผูกพัน ประมาณ 4 ปีแรกก็พลิกฟื้นได้ แต่ก็หาคนมาแทนไม่ได้ พอเราอยู่ไปนานๆ ก็เริ่มเข้าไปในเทควันโดระดับอินเตอร์ เช่นสหพันธ์เอเชีย ทุกสมาคมจะขึ้นอยู่กับทวีป เอเชียก็ขึ้นกับสหพันธ์โลก

เทควันโดไทยตอนนี้ เรียกว่าได้มาตรฐานโลกแล้วหรือยัง ?

ได้ครับ ตอนนี้เราอยู่ในระดับสูสีกับเกาหลี และจีน ยุโรปบางประเทศ สเปน อะไรพวกนี้ เราถือว่าอยู่ในแนวหน้า เดือนหน้าเราจะไปแข่งสเปนโอเพ่น เด็กที่เทนนิสปราบมา เป็นเด็กสเปน คราวนี้เราไปดูเด็กคนนี้เล่น แต่จะไปแข่งกับอีกรุ่นหนึ่ง คือเล่นแบบสนุกๆ ไม่ต้องเอาอะไร

เราส่งทั้งหมด 12 คน กีฬาเทควันโดต้องแข่งต่อเนื่อง ซ้อมอยู่ที่บ้านอย่างเดียวไม่ได้ ต้องออกไปสู้กับยุโรปบ้าง อเมริกาบ้าง เอเชียบ้าง เพราะแต่ละทวีป สไตล์การเล่นไม่เหมือนกัน เราต้องไปสัมผัสให้เยอะๆ สเปนก็จะแพงหน่อยเพราะบินไกล เอเชียก็จะถูกลงมาหน่อย

จากนั้นก็จะมีซีเกมส์ ที่เวียดนาม เดือนพฤษภาคมปี 65 ซึ่งเราเป็นเจ้าเหรียญอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ทุกเหรียญ เพราะเขาไม่ได้ให้เราส่งทุกรุ่น เขามี 16 รุ่น เราส่งได้แค่ 12 รุ่น เขาอยากให้เหรียญกระจาย พยายามมาเช็คกับเรา แล้วหลบเรา

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

เกี่ยวกับการกีฬา นักจิตวิทยาถือว่ามีความสำคัญมากไหม ?

สำคัญมากนะครับ เพราะยิ่งกำลังจะแข่งโอลิมปิกที่ผ่านมา มีความกดดันเยอะ ก็กดดันจากสื่อนี่แหละ เดี๋ยวสื่อก็ถาม ร่างกายพร้อมไหม คิดว่าจะคว้าเหรียญทองมาได้ไหม ไปเจอกับจีนจะสู้เขาไหวไหม ฯลฯ เป็นความคาดหวังของสาธารณะชน

สุดท้ายแล้วอายุ 20 กว่าก็ถือเด็ก แถมบางคนมีปัญหาเรื่องแฟนอีก เรื่องสภาพจิตใจสำคัญ บางทีเราอาจจะนึกไม่ถึง เช่นแข่งแพ้เพราะเพิ่งเลิกกับแฟนอะไรแบบนี้ครับ ผมขอเล่าต่อว่า อีกสองปีจะเป็นปารีสโอลิมปิค

 อีก 4 ปีจะเป็น แอลเอโอลิมปิก ที่อเมริกา มวยกับยกน้ำหนักซึ่งเราจะได้เหรียญเสมอมา ไม่ได้รับการบรรจุเข้าไปในโอลิมปิก เขาให้ไปแก้ไขเรื่องโด๊ปยา กับความโปร่งใสในการตัดสิน

ก็จะเหลือแต่เทควันโดนี่แหละเป็นความหวังเดียวของประเทศไทย เด็กก็จะเครียดมากขึ้นไปอีก คงต้องได้ใช้บริการนักจิตวิทยาทั้งนักกีฬาและนายกสมาคมฯ (หัวเราะ)

ถามว่านักจิตวิทยทำงานยังไง ยกตัวอย่างหนึ่งให้ฟัง มีครั้งหนึ่งนักกีฬาเราต้องไปแข่งกับเจ้าภาพ (จีน) เสียงเชียรดังกระหึ่มมาก ต้องทำยังไง นักจิตวิทยาบอกว่าให้คิดว่าเขากำลังเชียร์เราอยู่ เราก็ฟังนักกีฬาเล่ามาอีกที

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

20 ปีที่ทำมาเคยท้อบ้างไหมคะ

เคยบ้าง เพราะบางทีมันก็หนักไง มีความรู้สึกว่า 4 ปีมันมาเร็วมาก คือแต่ก่อน ได้เหรียญซีเกมส์ซักเหรียญหนึ่ง เหนื่อยมาก บางทีก็ไม่โปร่งใส เพราะการเมืองเยอะ แล้วแต่จะไปแข่งประเทศไหน

บางทีนั่งดูก็จะเห็นว่า ชนะได้ไงเนี่ย เพราะว่าเป็นเจ้าภาพทุกคนต้องเอาเหรียญ ตอนนั้นก็ท้อ เพราะไม่ได้ขึ้นกับฝีมือเราอย่างเดียว

ต่อมาเราทุ่มเทตัวเองให้ขึ้นไปในระดับสูงๆกว่าจะ ไปสหพันธ์เอเชีย สหพันธ์โลก ได้ก็ต้องไปช่วยงานเขาบ้าง เช่นมาประชุมบ้านเราก็สปอนเซอร์ให้ทุกอย่าง ถึงตอนนี้แล้วใครคิดจะมาโกงเราก็ไม่ง่าย ต้องเกรงใจกันบ้าง

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

เป็นนายกสมาคมฯ 8 สมัยแล้ว ยังอยากผลักดันเรื่องอะไรอีกไหมคะ

ผมก็อยากให้ประเทศไทยได้เหรียญเยอะๆ ทำให้คนไทยมีความสุข โดยเฉพาะปีนี้ที่มีโควิด บอกตรงๆ ตอนนี้ผมไปเดินซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อมีคนเข้ามาทักว่าเป็นนายกสมาคมเทควันโดฯใช่ไหมครับ

บอกว่าใช่ครับ เขาก็บอกว่าขอบคุณนะครับที่ทำให้คนไทยมีความสุข ฟังแล้วชื่นใจเป็นกำลังใจให้เรา หายเหนื่อย แล้วนักกีฬาผมน่ารักทุกคน พูดจาดีมีความกตัญญู แรงบันดาลใจของผมสำหรับกีฬาเทควันโดก็คือ ทำเหรียญให้ได้เยอะๆ

อีกส่วนที่ผมพยายามจะให้เกิดขึ้น ทำให้เด็กไทย หันมาเล่นกีฬาเยอะขึ้น กีฬาอะไรก็ได้ ผมเชื่อว่า “กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ” สร้างวินัย สร้างทีมเวิร์ค มีภาวะผู้นำ

ผลักดันให้นักกีฬาเก่งๆ มาเป็นไอดอล ให้เด็กๆมาเป็นสาวก มีแฟนคลับ คนติดตามเยอะๆ ให้เด็กๆอยากเป็นเหมือนพี่ๆ อย่าง น้องเทนนิส เป็นไอดอลโดยตัวเค้าเองอยู่แล้ว เห็นทำ Tik Tok  และก็บังเอิญที่นักกีฬาผมทั้งสวย ทั้งหล่อ อยู่แล้วด้วย

“พิมล ศรีวิกรม์” ผู้อยู่เบื้องหลัง สุดยอดเทควันโด เมืองไทย

ความสุขของคุณพิมลคืออะไร

ผมมีความสุขกับกีฬาเทควันโด มีความสุขกับการทำธุรกิจไหม? ก็มีนะ เผอิญธุรกิจต่างๆผมเป็นประธาน  ไม่ต้องไปลงดีเทลอะไรมาก ประชุมทุกวัน ตอกบัตร 9 โมงเช้า ก็ไม่ต้อง ด้วยวัยก็ไม่อยากทำงานแบบนั้นแล้ว

ถ้าเป็นหนุ่มๆก็อีกเรื่องหนึ่ง แน่นอนอยู่กับภรรยาก็มีความสุข ลูกก็กลับมาเยี่ยมบ้าง คนโตจบแล้วทำงาน คนที่สองก็เรียนอยู่ปี 1 คริสต์มาสก็ไปเจอกันที่อังกฤษ เพราะโควิดมาเมืองไทยต้องกักตัว ผมก็ไปหา ชีวิตก็มีอยู่แค่นี้แหละ

ทั้งหมดนี้ก็คือบทสัมภาษณ์ บิ๊กเอ-ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จกีฬา เทควันโดไทย ไประดับโลก