"วันสตรีสากล" ความเท่าเทียมสตรีในงาน "วิศวะ" ก้าวข้ามทุกคำครหา

"วันสตรีสากล" ความเท่าเทียมสตรีในงาน "วิศวะ" ก้าวข้ามทุกคำครหา

คุยกับ 2 หญิงแกร่งวงการ ‘วิศวกรรม’ ผู้ก้าวข้ามการแบ่งแยก "เพศสภาพ" และคำครหา จุดประกายการให้โอกาสและส่งเสริม "ความเท่าเทียม" สู่คนรุ่นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย

จุดเริ่มต้นของ ความเท่าเทียม เกิดจากการปล่อยให้ทุกคนได้มีอิสระทางความคิดการสร้างพื้นที่ให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หรือแม้แต่คนอื่น ๆ ได้เลือกได้ออกมาแสดงศักยภาพที่มีอยู่

ปัจจุบันประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เปิดกว้างในเรื่อง เพศสภาพ อาชีพ ศาสนา และแน่นอนว่าอีกหนึ่งอาชีพที่เรามักจะเห็นว่ามีผู้หญิงเข้าไปโลดแล่นไม่น้อยไปกว่าผู้ชาย คือ “อาชีพวิศวกร”
 

เนื่องใน 8 มีนาคมวันสตรีสากล ลองฟังความคิดเห็นจาก สตรี ซึ่งผ่านการพิสูจน์ความสามารถ ความแข็งแกร่ง และก้าวข้ามอัคติต่างๆ จนสามารถรับผิดชอบหน้าที่ "อาจารย์" ส่งต่อประสบการณ์และความรู้ด้าน "วิศวะ" ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Thammasat  School of Engineering - TSE)

อาจารย์ทั้ง 2 ท่าน ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.อุรุยา วีสกุล อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมโยธา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภมาศ สุชาตานนท์ อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมอุตสาหการ ผู้ซึ่งผ่านทุกคำครหา ผ่านการแบ่งแยกจากเพศสภาพมาแล้ว และวันนี้อาจารย์ทั้ง 2 ท่านกำลังมุ่งมั่นที่จะพัฒนา TSE ให้เป็นจุดเริ่มต้นของพื้นที่ที่สร้างความเท่าเทียมในทุก ๆ ด้านให้นักศึกษาทุกคน

\"วันสตรีสากล\" ความเท่าเทียมสตรีในงาน \"วิศวะ\" ก้าวข้ามทุกคำครหา รองศาสตราจารย์ ดร.อุรุยา วีสกุล

วิศวกรหญิงสุดแกร่ง ที่ไม่ได้แกร่งแค่ใจ แต่ความคิดก็แกร่งไม่แพ้กัน 

รองศาสตราจารย์ ดร.อุรุยา วีสกุล อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าว่า สมัยก่อนงานวิศวกรรม หรือแม้แต่คณะวิศวกรรมถูกมองว่ามีความเหมาะสมกับผู้ชายมากกว่า เพราะโดยธรรมชาติแล้วการเรียนวิศวกรรมต้องใช้หลักการคำนวณ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ซึ่งผู้ชายจะมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มากกว่าผู้หญิง  

แต่ปัจจุบันการเรียนวิศวกรรมเปลี่ยนแปลงไป จากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สาขาวิชาในคณะวิศวกรรมศาสตร์เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น มีสาขาใหม่ ๆ ที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เข้ามาศึกษามากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพด้านซอฟท์สกิล (Soft Skill) ให้กับนักศึกษา ซึ่งเป็นจุดเด่นของนักศึกษาหญิง จึงทำให้ภาพบรรยากาศการเรียนในคณะวิศวกรรมขณะนี้มีเด็กผู้หญิงเกือบครึ่งหนึ่งของเด็กผู้ชาย 

โดยเฉพาะ TSE ที่มีผู้หญิงประมาณ 35 % ของคณะฯ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่เปิดกว้างและมองเห็นศักยภาพของผู้หญิง ขณะเดียวกัน ถ้ามองสถานการณ์จากหลายประเทศทั่วโลก จะพบว่ามีวิศวกรที่เป็นผู้หญิงอยู่ประมาณ 20 %  

\"วันสตรีสากล\" ความเท่าเทียมสตรีในงาน \"วิศวะ\" ก้าวข้ามทุกคำครหา

ดังนั้น อ.อุรุยาจึงมองว่า การปรับปรุงหลักสูตรของ TSE โดยเฉพาะการเพิ่มซอฟท์สกิล (Soft Skill) เข้าไปเพื่อประยุกต์ใช้งานด้านวิศวกรรม เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีทางเลือก และได้ลองทำในอะไรนอกกรอบมากยิ่งขึ้น และจุดประกายให้ผู้หญิงสนใจงานด้านวิศวกรรมมากขึ้นด้วย

“หากให้เปรียบเทียบการทำงานด้านวิศวกรรมในสมัยก่อนกับสมัยนี้ มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก เพราะในวงการวิศวกรมักจะมองว่าผู้หญิงไม่สามารถทำงานหนัก งานสกปรก คลุกฝุ่นได้เท่าผู้ชาย ผู้หญิงไม่สามารถคุมไซต์งานได้ดีพอ

แต่ปัจจุบันในประเทศไทยมีการเปิดกว้าง และยอมรับวิศวกรหญิงมากยิ่งขึ้น  เพราะเชื่อว่าผู้หญิงสามารถทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว มีความอ่อนหวานในตัวเอง มีความคิดสร้างสรรค์ มีความเชื่อมั่นใจเอง ที่ทำสำคัญผู้หญิงสมัยนี้มีศักยภาพมากพอ ดังนั้นการดึงศักยภาพตัวเองออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด จะทำให้สังคมยอมรับ และเชื่อมั่นในตัวเรา” 

อ.อุรุยา กล่าวด้วยว่า สิ่งที่สำคัญ คือ ผู้หญิงทุกคนสามารถดึงเอาความชอบส่วนตัวออกมาสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ ดึงเอาความมั่นใจในของตัวเองออกมาขับเคลื่อนงานที่เราชอบ หรือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ให้มีความโดดเด่น

เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้ผู้หญิงในยุคนี้โดดเด่นคือความแตกต่าง และนำความแตกต่างนั้นมาประยุกต์ใช้กับงาน

โดยเฉพาะความสามารถในการติดต่อประสานงาน ความละเอียดอ่อน ความรอบคอบ  ความอ่อนหวาน หัวใจที่แข็งแกร่ง นี่คือจุดแข็งของผู้หญิง ที่ผ่านมา TSE พบว่านักศึกษาหญิงทำงานผิดน้อยมาก การออกแบบก็มีความแตกต่าง ซึ่งผู้ชายยังขาดไป และเชื่อว่าผู้หญิงจะเข้ามาเสริมทำให้วิศวกรรมมีสีสันยิ่งขึ้น

\"วันสตรีสากล\" ความเท่าเทียมสตรีในงาน \"วิศวะ\" ก้าวข้ามทุกคำครหา

สำหรับการสร้างโอกาสให้เด็กผู้หญิงรุ่นใหม่ สิ่งสำคัญคือ อยากให้ผู้ปกครองมองเห็นความตั้งใจ และเข้าใจสิ่งที่ลูกอยากทำ ผลักดันให้พวกเข้าสามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้ โดยเฉพาะการเลือกสาขาวิชา ที่อยากเรียน

ที่ผ่านมาเรียนวิศวกรรมอาจจะถูกมองว่าเป็นคณะของเด็กผู้ชาย แต่เด็กผู้หญิงสามารถเรียนได้ และเรียนแล้วมีโอกาสได้งานทั้งบริษัทชั้นนำในประเทศ หรือบริษัทต่างประเทศ

เนื่องจากที่ผ่านมา คนมองว่าคณะวิศวกรรมเรียนยาก จบช้า คนจึงไม่ค่อยสนใจ และเด็กรุ่นใหม่สนใจการเรียนที่เรียนแล้วอยากจบเร็ว และเรียนแล้วได้เงินจำนวนมากกว่า

แต่สำหรับตนมองว่า ปัจจุบันโลกหรือสังคมเปิดกว้างมากขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้เด็ก ๆ หันมามองคณะวิศวกรรมศาสตร์  อย่าไปกลัวว่ามันจะยากเกินไป หากเราเข้าใจ เรามีทริค เราจะสามารถเรียนมันได้ TSE เราต้องการที่ผลิตนักศึกษาทุกเพศให้มีคุณภาพ ให้เท่าเทียมกัน

ดังนั้น เด็กผู้หญิงไม่ต้องกลัว เราเรียนกันอย่างสนุกสนาน เราเปิดโอกาสให้เด็กทุกเพศ ทุกวัย สำหรับเด็ก ๆ ที่กำลังสนใจอยากเรียนวิศวกรรมก็สามารถมองเป็นอีกทางเลือกได้”  รองศาสตราจารย์ ดร.อุรุยา วีสกุล กล่าวเสริม 

\"วันสตรีสากล\" ความเท่าเทียมสตรีในงาน \"วิศวะ\" ก้าวข้ามทุกคำครหา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภมาศ สุชาตานนท์

ต้นแบบวิศวกรหญิงที่อยากให้มองศักยภาพมากกว่าเสื้อผ้า หน้าผมของผู้หญิง 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภมาศ สุชาตานนท์ อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า บทบาทของผู้หญิงในอดีต มีความแตกต่างจากปัจจุบัน ซึ่งหากจะเปรียบเทียบระหว่างช่วงเรียนและช่วงที่ทำงาน มักจะมีข้อจำกัดโดยเฉพาะการให้โอกาส ผู้หญิงมักจะโดนตีกรอบ ให้ทำงานแค่ในออฟฟิศ และถูกประเมินว่าไม่สามารถทำงานบางอย่างได้ ทำงานแล้วไม่ปลอดภัย ในขณะที่ผู้หญิงยังไม่ได้แสดงศักยภาพให้ได้เห็น

แต่ปัจจุบัน โลกเปิดกว้างมากขึ้น ผู้หญิงที่เรียนจบวิศวกรรมหรือสาขาวิชาอื่น ๆ ทำงานตามความสามารถมากได้มากกว่าขึ้น และสามารถทำงานได้ที่ต้องใช้ความแข็งแรงได้เท่าผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่อยากให้ผู้หญิงตีกรอบให้ตัวเอง และมักบอกกับนักศึกษาของ TSE เสมอว่า ให้คว้าโอกาสที่มีอยู่ตรงหน้า และพิสูจน์ศักยภาพให้ทุกคนเห็น  

\"วันสตรีสากล\" ความเท่าเทียมสตรีในงาน \"วิศวะ\" ก้าวข้ามทุกคำครหา ภาพบรรยากาศในห้องเรียนภาควิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผศ.ดร.สุภมาศ  เล่าต่อว่า อยากให้มองทะลุผ่านภาพลักษณะภายนอก ผ่านเสื้อผ้าที่ผู้หญิงสวมใส่ และอยากให้มองเรื่องศักยภาพ ความสามารถมากกว่า ผู้หญิงไม่ได้อยากเก่งกว่าใคร เพียงแต่ต้องการพิสูจน์ว่าเราสามารถทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่  และทำงานร่วมกับผู้ชายได้ หรือแม้แต่คนอื่น ๆ ในองค์กร เช่น TSE ที่เปิดกว้างสำหรับนักศึกษาทุกเพศ  

ปัจจุบัน TSE มีเด็กหญิงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณกึ่งหนึ่งของเด็กผู้ชาย โดยเฉพาะสาขาวิศวกรรมอุตสาหการ อาจารย์ที่คณะทุกคนอยากสร้างให้มหาวิทยาลัยเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความเท่าเทียมให้กับเด็ก ๆ

แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น  คือ สังคมที่เปิดกว้าง โดยเฉพาะครอบครัว จะต้องสนับสนุนในสิ่งที่ผู้หญิงอยากจะเป็น เพราะครอบครัวถือว่าเป็นการจุดประกายที่ทำให้เด็กผู้หญิงมองเห็นสิ่งที่พวกเข้าต้องการ รวมไปถึงแรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ของ TSE ที่ประสบความสำเร็จ จนทำให้รุ่นน้องอยากเดินตามรอย สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นอีกตัวช่วยที่จะเข้ามา ลบภาพจำที่มองว่าวิศวกรรมต้องมีแต่ผู้ชาย  

\"วันสตรีสากล\" ความเท่าเทียมสตรีในงาน \"วิศวะ\" ก้าวข้ามทุกคำครหา ผศ.ดร.สุภมาศ สุชาตานนท์ และลูกศิษย์ กับผลงานซึ่งได้รับรางวัล

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนบทบาทสตรีที่มีมาอย่างต่อเนื่องในอดีต ต้องยอมรับว่ามีผลต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันของผู้หญิงค่อนข้างมากเช่นกัน  เพราะทำให้ผู้หญิงกล้าทะลายกำแพงทางสังคม และออกมาเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น โดยเฉพาะการทะลายกำแพงด้านการศึกษา แน่นอนว่าหากขาดโอกาสเหล่านั้น ผู้หญิงที่อยากเรียนด้านวิศวกรรมคงไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะสังคมมองว่าเป็นสาขาวิชาของผู้ชาย

การขับเคลื่อนในวันนั้น ทำให้เราสามารถเลือกเรียน เลือกทำในสิ่งที่ชอบได้ ซึ่ง TSE ให้ความสำคัญและยังคงให้โอกาสทุกคนอย่างเท่าเทียม

“ท้ายที่สุดไม่ว่าจะอาชีพใด เพศอะไร สิ่งสำคัญ คือ เราต้องฟังเสียงหัวใจตัวเองเป็นอย่างแรก เราต้องรู้ว่าชอบอะไร อยากเป็นอะไร มันจะทำให้เรามีเป้าหมาย เมื่อเราค้นพบตัวเองมันจะทำให้เราสามารถหาทางไปถึงเป้าหมายได้

หลายครั้งที่คนมองว่าผู้หญิงอ่อนแอ แต่จริง ๆ เชื่อว่าตัวตนข้างในผู้หญิงมีความเข็มแข็งมากพอที่จะเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองแบบไม่หยุดยั้ง และเป็นตัวเองไปสู่เวอร์ชันที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ และดีที่สุด เมื่อผิดพลาดก็กลับมาปรับปรุงแก้ไขพัฒนามันอยู่เรื่อย ๆ ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม” ผศ.ดร.สุภมาศ กล่าวเสริม