"โหรฟองสนาน" เผย “บิ๊กตู่” ฐานอำนาจแตก แต่ยังแคล้วคลาด

"โหรฟองสนาน" เผย “บิ๊กตู่” ฐานอำนาจแตก แต่ยังแคล้วคลาด

"โหรฟองสนาน" เผย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ระยะเสาร์จรทับลัคนาจะแบกภาระหนัก- เครียดสาระพัดแต่ก็แคล้วคลาดอย่างเหลือเชื่อ เรื่องร้ายที่เกิดไม่แรงนัก

"โหรฟองสนาน จามรจันทร์" โพสต์ข้อความระบุว่า  แม่หมอสมัครเล่นตอนที่415 โดยฟองสนาน จามรจันทร์ "บิ๊กตู่" ฐานอำนาจแตก..แต่..

ตั้งแต่ปลายปี 2564 ผู้เขียนได้ทำนายดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2565 ว่าตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2565 จะเริ่มต้นเห็นลางเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมือง(มีหลายระดับ)-ไปถึงสิ้นปี (พระราหูจร8ทับลัคนาและอาทิตย์๑ดวงเดิมดวงเมือง

ระยะแรกสุ่มเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดอาจถึงยุบสภา คือระหว่างประมาณ 14 เมษายน-15 พฤษภาคม 2565 ก่อน-หลังประมาณ 7 วันตามสูตรเดิมคือไปถึงวันจะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ 22 พฤษภาคม 2565

คราวนี้มาตรวจแนวโน้มความเป็นไป หรือชะตาจรในระยะอันใกล้ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าแนวโน้มทั้งดี-ร้ายจะเป็นเช่นไรดังนี้

จุด ก.ตอบคำถามน้าเปลว สีเงิน ถึงหลักโหรว่าทำไมพลเอกประยุทธ์ ถูกไล่เป็นระยะๆ เพียงแต่จะได้หรือไม่เท่านั้นมาจากปรากฎการณ์ที่เริ่มเป็นมาตั้งแต่ 1 มีนาคม 2563 เพียงแต่ช่วงแรกกลุ่มไล่หวังสูงยิงข้ามหัวพลเอกประยุทธอย่างน่าอัศจรรย์ แล้วการไล่นี่เริ่มต้นอย่างจริงจังอีกครั้งตั้งแต่ 5 ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา

เกณฑ์ทางโหรที่ใช้ทำนายคือพระเสาร์จร 7 ตัวแทนโทษทุกข์ เดินมาทับลัคนาที่สถิตราศีมังกรซึ่งเป็นจุดตั้งรับสำคัญของชีวิต ผลเป็นไปตามนิทานโหรว่าเรื่องหนักๆจะเกิดระยะในช่วงนั้นเหมือนพระยาโปริสาตร์ กษัตริย์ได้กินเนื้อคนแล้วติดใจเลิกไม่ได้ ราษฎรจึงขับออกจากเมืองตามโฉลก…เสาร์จรประทับลัค- นะนั้นจะหม่นหมอง เสียทรัพย์และสิ่งของ ครุเหตุจะพึงมี ดังโปริสาตร์ราษ- ฎรเขาขับหนี จากขัตติยาศรี ศิริราชนคร..

เพียงแต่เจ้าชะตานี้ลัคนาสถิตราศีมังกร พระเสาร์(๗) เป็นดาวประจำชีพ และดวงเดิมสถิตในจุดที่ให้คุณคืออยู่ในราศีตุลย์ได้มาตรฐานสูง(อุจจ์) จึงแม้ระยะเสาร์จรทับลัคนาจะแบกภาระหนัก- เครียดสาระพัดแต่ก็แคล้วคลาดอย่างเหลือเชื่อ เรื่องร้ายที่เกิดไม่แรงนัก

ทั้งนี้ รวมทั้งเมื่อถูกลูกพรรคหักหลังเมื่อคราวอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เป็นผลจากพระเสาร์จร(7) นี้ทำมุมถึงพระศุกร์ดวงเดิม(๖) คู่ศัตรูจึงถูกหักหลัง-ผิดหวัง-อกหัก-รักคุดไปเรื่อย โหรเห็นแล้วทำนายไปเถิดมักไม่พลาดเป้า

เกณฑ์ถูกไล่และถูกหักหลังนี้ยังจะจะเป็นไปถึง 1 มีนาคม 2566

จุดข.เกณฑ์ถูกแย่งของรักคือตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอาดื้อๆ ทั้งไล่ ทั้งยกมือไหว้ขอให้ลาออก ทั้งเกือบถูกหักหลังกลางสภาที่เริ่มลางเกิดใกล้เคียงกับเกณฑ์ก.คือตั้งแต่ประมาณ 10 กันยายน 2563 เป็นต้นมา

เกณฑ์นี้เป็นไปตามตำราโหรอย่างน่าอัศจรรย์ใจคือ พระราหูจร(8) เข้าไปเดินในราศีพฤษภ ภพที่ห้า-ปุตตะของดวงชะตา ให้ผลตามโฉลกคือ…เพื่อนปองของเราขัดข้องก็จะเอา….

ครั้นพอเอาไม่ได้เพื่อนก็คอนเวิร์สทางใครทางมันไป 21 คน อันเป็นผลจากพระราหูจร (8) ทับพฤหัสบดีดวงเดิม (๕) ซึ่งผลมักจะออกมาได้ครึ่ง-เสียครึ่งอยู่แล้วด้วยพระราหูเจอจักรพฤหัสบดีขว้างใส่กลางตัวขาดกระเด็นไปคนละทาง แต่พระราหูก็ไม่ตายเพราะได้ดื่มน้ำอมฤต รอจังหวะอาละวาดต่ออีก โดยเกณฑ์นี้จะเป็นไปถึง 29 มีนาคม 2565 ก็จะจบลงแต่ราหูจร(8) ก็รอที่จะอาละวาดในรูปแบบใหม่ที่ร้ายกาจกว่าเดิม

จุด ค.ระหว่างวันเกิดที่ 21 มีนาคม 2565-21 มีนาคม 2566 เกณฑ์ชะตาอับ-เฉาๆ-ต้นร้ายปลายดี-ต้นดีปลายร้าย พึงสงบจิตใจ ด้วยหลักทักษาจรตกภูมิกลางหรือภูมิเกตุ

แล้วระยะวันเกิดปีนี้-วันเกิดปีหน้าถือว่าพระเสาร์ดาวประจำชีพเป็นกาลกิณีจร แต่ให้โทษน้อยกว่าปกติครึ่งหนึ่ง จึงคาดว่าที่เคยถูกไล่แบบพลาดเป้าก็จะเข้าเป้าขึ้น ที่ถูกหักหลังก็จะเห็นรุนแรงขึ้น รวมทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจหากเปิดสภาสมัยประชุมสามัญตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป หากเจ้าชะตายังไม่ยุบสภาก่อนก็คงจะดุเดือดขึ้น เป็นต้น

อีกทั้งเจ้าชะตาควรระวังตัวเพราะกรรมเก่าแรง-โรคเก่ากำเริบเช่นหัวใจหรือหลังหรือกระดูก-หรือเส้นประสาท-หรือผิวหนัง-หรือลำไส้ (พระเสาร์จรถึงพระอาทิตย์ดวงเดิม๑-ถึงพระศุกร์ดวงเดิม๖-ถึงพระเสาร์ดวงเดิม๗)

จุด ง.หยุดปรากฎการณ์ถูกแย่งของรักเป็นเริ่มปรากฎการณ์ฐานรากอำนาจเริ่มแตกตั้งแต่  29 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป อันเนื่องจากพระราหูซึ่งเป็นตัวแทนอำนาจ -ตะบะ-บารมี หรือที่ทางทักษาคือ-เดช-ในทักษาเดิมเข้าไปเดินในราศีเมษ เป็นสี่-หรือพันธุกับลัคนา ถือเป็นดวงแตกหรือพินทุบาทว์ประเภทหนึ่ง (ราหูสี่-สองซ้อน-แทรกซ้ำสิบสอง) ที่อาจเกิดปัญหาทุกข์ๆยากๆกับตำแหน่ง-อำนาจตะบะ-บารมี-มีคนก่อกวนให้รำคาญตามโฉลก ..จะรำคาญ คนสามานย์จะหมายปอง..

ผู้เขียนอ่านว่าราหูจุดนี้คงจะทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นในฐานรากบ้านเดิม(พันธุ) ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอันหมายถึงพรรคพลังประชารัฐ ที่มีปัญหามากมายอยู่แล้ว ปกติถ้าคนมาดูดวงก็จะแนะนำให้ย้ายบ้าน-ที่ดิน-เปลี่ยนรถไปตามเรื่องราวเท่าที่โหรจะคิดได้ แต่สำหรับเจ้าชะตานี้ถ้าจะบอกให้เปลี่ยนพรรคที่สนับสนุนก็คงเป็นไปยาก

เกณฑ์นี้จะเป็นไป 18 ตุลาคม 2566 หรือ 18 เดือน

จุดจ.ดาวเดช-พรรคจะแตกอย่างไรเจ้าชะตายังมีมิตรช่วยเหลือการงานเพียบทั้งนักเลงคนเฒ่าคนแก่คนเครียดๆพ่อหม้ายแม่หม้ายฯลฯ ด้วยพระราหูจร 8 เล็งใส่พระเสาร์ดวงเดิม(๗) ดาวประจำชีพที่สถิตราศีตุลย์ดินแดนการงาน-เป็นคู่มิตรใหญ่ ทำให้แช่มชื่นขึ้นตามตำราบอกจะได้เมียสาว ซึ่งผู้เขียนตีความว่าเจ้าชะตาจะได้เพื่อนร่วมงานหรือหุ้นส่วนชีวิต  (ความหมายเดียวกับเมีย) ที่อายุน้อยๆ

และอีกตำราบอกมิตรสหายจะให้ลาภแต่ระวังเจ็บไข้เพราะอาหาร-ไม่ควรกินเนื้อมาก-ตามโฉลก…มิตรสหายอันกล้าหาญ สู่สถานได้ลาภใหญ่ หนึ่งโสดจะเป็นไข้ ประหยัดกินมังสา…

จุดฉ.เกณฑ์ตัดสินทางชีวิตด้วยบุญเก่าหนุนนำตั้งแต่ 8 เมษายน 2565 เป็นต้นไปให้ชะตาฟื้นแบบเหลือเชื่อ-ถึงสิ้นปี

ฉ.1 ทางโหรคือพฤหัสบดีจร(5) จะเริ่มเข้าเดินในราศีมีน-ภพที่สาม-สหัชชะของดวงชะตาบุญเก่าให้ผลดีตามโฉลก..ถึงบุญเพรงคนยำเกรงให้ลาภา…

พฤหัสบดีจร(5) ทับพระอาทิตย์ดวงเดิม(๑) ได้คู่มิตรใหญ่ มิตรช่วยเหลือ เป็นคู่ที่สอง (เพิ่มจากราหูจร8เล็งเสาร์๗ตามจุดจ.)

พฤหัสบดีจร(5) ทับพระศุกร์ดวงเดิม(๖) ตัวแทนงานเป็นคู่โชค (รวมทั้งเป็นตัวแทนลูกๆด้วยที่พลอยได้ผลบุญจากพ่อ)

สำคัญที่สุดคือพฤหัสบดีจร(5) เล็งใส่พระจันทร์๒ดวงเดิมที่สถิตราศีกันย์เป็นคู่ธาตุส่งให้ดวงชะตาเข้มแข็งขึ้นทันที แม้จะมีคนกลุ้มรุมให้ร้ายป้ายสีเจี๊ยวจ๊าวแบบฝนตกขี้หมูไหล เพราะพฤหัสบดีจร(5) ถึงพระอังคารดวงเดิม(๓) ตามโฉลก… สุรโทษชนทั้งหลาย จะประจักษ์กะตน…ก็จะพลิกกลับเป็นคุณ

ฉ.2 ในอดีตที่พฤหัสบดีจร(5) ถึงพระจันทร์ดวงเดิม(๒) และให้คุณกับเจ้าชะตามาแล้วคือ

-เป็นผบ.ทบ.1 ตุลาคม 2553 และ

-ดวงชะตากำลังเข้าที่คับขันเป็นอภิมหาอึดอัดด้วยสถานการณ์โควิด-19รุมเร้ามาก-ครั้นวันที่ 17 มีนาคม 2563 รูปที่ถ่ายร่วมกับคณะแพทย์คนสำคัญของประเทศที่เจ้าชะตาเชิญมาหารือที่ทำเนียบรัฐบาลเช่นนายแพทย์ยง ภู่วรวรรณฯลฯรูปเดียวทำให้ฟื้นประชาชนมีกำลังใจสู้ ซึ่งวันนั้นพฤหัสบดีจรถึงพระจันทร์ดวงเดิมเป็นวันแรกสำหรับรอบนั้น

-ต่อมาสถานการณ์เจ้าชะตากำลังร่อแร่เข้าข่ายอภิมหาอึดอัดอีกรอบด้วยม้อบต่างๆก้าวล่วงสถาบัน+เจ้าชะตาเองก็ถูกไล่ล่า+อัยการไม่ฟ้องคดีบอส+กลุ่มคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์และสี่กุมารถอนตัวจากรัฐบาลจนคน-บางสื่อถามผู้เขียนว่านายกฯจะไปรอดหรือไม่ ผู้เขียนบอกว่า---ถ้าเจ้าชะตาเถลือกไถลไปถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 จะรอด (น่าจะยังมีคนจำกันได้อยู่)---

-ต่อมาครั้น 14 พฤศจิกายน 2563 ที่พฤหัสบดีจร(5) ถึงพระจันทร์(๒)อีกรอบผลคือดวงชะตาฟื้นอีกครั้งด้วยองค์การอนามัยโลกชมไทยว่ารับมือโควิด-19 ได้ดี+ผลโพลล์โครงการคนละครึ่งประทับใจประชาชนเกินร้อยละห้าสิบ

คราวนี้ตั้งแต่ประมาณ 8 เมษายน 2565 เป็นต้นไปก็ไม่รู้ว่าอะไรที่จะช่วยหนุนนำดวงชะตา

สรุปช่วงขลุกขลิกที่ดวงเมืองมีน้ำหนักที่จะยุบสภารอบแรก(อาจจะเปลี่ยนแปลงระดับอื่น)ของปีคือระหว่าง 14 เมษายน-15 พฤษภาคม 2565 ก่อนหลังเจ็ดวันที่จะยาวไปถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่จะเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยสามัญที่ฝ่ายค้านจะเริ่มยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเสียบหลังเจ้าชะตาไม่ให้ยุบสภาหลังยื่นนั้น

จึงภายในประมาณ 22 พฤษภาคม 2565 อะไรก็เกิดได้ในทางการเมือง ซึ่งผู้เขียนเคยพูดว่าถ้าไม่ยุบก็ปาฎิหาริย์เพราะมุมดาวจรที่ทำกับดวงเดิมดวงเมืองเช่นนี้เคยยุบสภามาแล้วหลายครั้งหนึ่งในจำนวนนั้นคือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์เคยยุบเมื่อ 1 พฤษภาคม 2529

แต่ก็นั่นแหละเจ้าชะตานี้ก็สร้างปาฏิหาริย์มาแล้วบ่อยๆด้วยพฤหัสบดีจร(5)ถึงพระจันทร์ดวงเดิม(๒)

และถ้าจะเดินหน้าสู้ต่อไปคาดว่าเจ้าชะตาเจอหนักหน่วงแน่ และยังต้องตีฝ่าด่านหินเป็นระยะๆ ซึ่งจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป แต่ก็ยังมีทางรอดไปถึงการประชุมเอเปค ด้วยการปรับตัวเอง-เพื่อน-พี่น้ำมิตร-การทำงานเพราะ

จุดช.เริ่มจาก 8 เมษายน 2565 (ก่อนหน้าสักเจ็ดวัน)เป็นต้นไป เจ้าชะตาจะเกิดปรากฎการณ์เปลี่ยนแปลงราวแผ่นดินไหว-ภูเขาไประเบิดในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง-พี่น้อง-เพื่อนหรือพี่น้องน้ำมิตรที่รักกันเหมือนพี่น้องเป็นระยะๆในระดับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของชีวิตในเรื่องราวเหล่านี้ไปเลย

สุดท้ายครูโหรท่านหนึ่งที่ล่วงลับไปแล้วเขียนไว้และผู้เขียนจะบอกทุกคนที่มาดูดวงชะตาว่า ดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นเพียงสิ่งบ่งบอกที่จะใช้ประกอบการตัดสินใจ(และก็อย่าไว้ใจโหรสมัครเล่นนักว่าจะแม่น) แต่การกระทำหรือการเลือกเป็นของมนูษย์

คราวนี้ก่อน 22 พฤษภาคม 2565 ทางเลือกทางการเมืองท้าทายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งนัก

ฟองสนาน จามรจันทร์

18 กุมภาพันธ์ 2565