“แต้จิ๋วแต่แจ๋ว”คนจีนไม่ได้มาเมืองไทย กับเสื่อผืนหมอนใบ แต่มากับตะกร้า ?

“แต้จิ๋วแต่แจ๋ว”คนจีนไม่ได้มาเมืองไทย  กับเสื่อผืนหมอนใบ แต่มากับตะกร้า ?

ความรู้เกี่ยวกับคนจีนในประเทศไทย ยังมีอีกมากที่คนไทยไม่รู้และเข้าใจผิด “สมชาย จิว” นักเล่าประวัติศาสตร์ ได้รวบรวมความรู้เหล่านั้น ถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ

“คนจีนโพ้นทะเลเข้ามาในไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา มากที่สุดตอนนั้นคือ จีนฮกเกี้ยน จริงๆ มีทั้งหมด 5 กลุ่ม กวางตุ้ง, ไหหลำ, ฮกเกี้ยน, จีนแคะ, แต้จิ๋ว

ต่อมาในสมัยพระเจ้าตาก ขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว คนจีนแต้จิ๋วในประเทศจีนรู้ข่าวก็อพยพเข้ามามากขึ้น เรียกกันว่าเป็น จีนหลวง ทยอยมาเรื่อยๆ มาเยอะสุดในสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะเริ่มมีการติดต่อค้าขายมากขึ้น”

สมชาย จิว ผู้เขียนหนังสือเรื่อง แต้จิ๋วแต่แจ๋ว กล่าวในงานเสวนาเปิดตัวหนังสือ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 ณ ปรินซ์ เธียเตอร์ เฮอริเทจ สเตย์ บางกอก

  • คนจีนทุกคนไม่ได้มาจากซัวเถา

"ที่จริงแล้ว คนจีนทั้ง 5 กลุ่มอาศัยอยู่คนละพื้นที่ เช่น ฮกเกี้ยน มาจากตอนใต้ของมณฑลฝูเจี้ยน ไหหลำ มาจากตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะไหหลำ กวางตุ้ง มาจากตอนกลางของมณฑลกวางตุ้ง จีนแคะ มาจากตอนเหนือของมณฑลกวางตุ้ง แต้จิ๋ว มาจากตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลกวางตุ้ง

“แต้จิ๋วแต่แจ๋ว”คนจีนไม่ได้มาเมืองไทย  กับเสื่อผืนหมอนใบ แต่มากับตะกร้า ? การแสดงงิ้วในงานเปิดตัวหนังสือ Cr. Kanok Shokjaratkul

"ซัวเถา" คือเมืองท่า ที่ทุกคนต้องมาลงเรือ ก่อนหน้านั้นทุกคนจะไปขึ้นเรือที่ท่าเรือจางหลิน (จึงลิ้ม) ท่าเรือสำเภา พอมีสงครามฝิ่น จีนแพ้ฝรั่ง ถูกบีบให้เปิดเมืองท่า 5 เมือง หนึ่งในนั้นคือ ซัวเถา พอซัวเถาเจริญขึ้น ท่าเรือจึงลิ้มจึงลดบทบาทไป เพราะมีเรือกลไฟเข้ามา”

“แต้จิ๋วแต่แจ๋ว”คนจีนไม่ได้มาเมืองไทย  กับเสื่อผืนหมอนใบ แต่มากับตะกร้า ? การแสดงงิ้ว Cr. Kanok Shokjaratkul

  • คนจีนไม่ได้มีแค่เสื่อผืนหมอนใบ

"คำๆ นี้อาจจะมาจากสิ่งที่คนไทยเห็นคนจีนตอนเข้ามาเมืองไทยใหม่ๆ แล้วไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ทรัพย์สมบัติก็ไม่มี

คนจีนจะมีสามสิ่งพิเศษที่จะต้องติดตัว ไม่มีเสื่อ ไม่มีหมอน สิ่งที่เขาเอามาคือตะกร้า ใบหนึ่ง มี ขนมเข่ง กับ ฟักเขียว ขนมเข่งไม่ใช่ก้อนเล็กๆ อย่างที่เราเห็น แต่เป็นขนมเข่งก้อนใหญ่ เก็บได้นาน ไม่เน่าเสียง่าย เพราะคนที่มาส่วนใหญ่ยากจน

ถ้าเป็น เรือสำเภา ใช้เวลาเดินทางเกือบเดือน พอมีซัวเถา เรือสำเภาเริ่มไม่มีแล้ว และเรือกลไฟก็แพงกว่าเรือสำเภา

ส่วนฟักเขียว เป็นพืชอุ้มน้ำเยอะ เก็บไว้กินระหว่างทางได้ ที่สำคัญลอยน้ำได้ ถ้าเรือแตกก็กลายเป็นทุ่นชูชีพให้เขา บางคนก็ใช้ฟักเขียวเป็นหมอนนอน แล้วก็มีผ้าอาบน้ำ (ผ้าขาวม้า) นี่คือ สามสิ่งพิเศษ”

“แต้จิ๋วแต่แจ๋ว”คนจีนไม่ได้มาเมืองไทย  กับเสื่อผืนหมอนใบ แต่มากับตะกร้า ? ตระกร้าสามสิ่งพิเศษที่ชาวจีนโพ้นทะเลนำติดตัวมาด้วย

  • คนจีนกับการค้าสมัยอยุธยา

"ในสมัยอยุธยา คนจีนฮกเกี้ยนเป็นตัวแทนของราชสำนักในการค้าเรือสำเภา จนมาถึงยุคสมัยรัชกาลที่ 4 คนจีนแต้จิ๋วก็หันไปทำโรงสี โรงไม้ เช่น ล้ง 1919 ตรงคลองสาน โรงสีก็เป็นของเจ้าสัว คนจีนที่มาไม่ใช่ทุกคนที่จะก่อร่างสร้างตัวได้ ที่น่าสนใจคือเจ้าสัวที่รวยๆ อาศัยสายสัมพันธ์ทั้งนั้น

ในสมัยรัชกาล 5 มีการขึ้นภาษี คนจีนก็จะบอยคอต ปิดร้านไม่ค้าขาย ทำให้มีปัญหามาก รัชกาลที่ 5 จึงเสด็จไปเปิดโรงพยาบาลเทียนฟ้า แล้วพระราชทานเงินทำบุญ เป็นกุศโลบายที่จะให้คนจีนรู้สึกดีขึ้น

แสดงว่าคนจีนมีอิทธิพลสูงมาก พระองค์ตรัสในพิธีเปิดว่า "จีนกับไทย ไม่ถือว่าจีนเป็นคนต่างชาติ ไม่เหมือนชาติอื่น สำหรับพระองค์ จีนกับไทยเชื้อสายเดียวกัน"

เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไม่ค่อยมีคนเขียน ผมเขียนไว้ในเล่มนี้ อย่างเรื่อง จีนจน เรื่องมูลนิธิเทียนฟ้า

ตอนจีนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็มีผลกระทบกับจีนในไทย คนจีนในไทยแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายพิทักษ์ราชา กับ ฝ่ายปฏิวัติ

คนจีนโพ้นทะเลอพยพไปหลายประเทศ ไม่เฉพาะประเทศไทย ยังมีฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ตอนนี้คนไทยเชื้อสายจีนในเมืองไทยส่วนใหญ่เปลี่ยนนามสกุลหมดแล้ว แต่คนจีนที่มาเลย์ยังใช้ชื่อแซ่อยู่"

“แต้จิ๋วแต่แจ๋ว”คนจีนไม่ได้มาเมืองไทย  กับเสื่อผืนหมอนใบ แต่มากับตะกร้า ? สมชาย จิว กับคณะงิ้วที่มาแสดง Cr. Kanok Shokjaratkul

  • แต้จิ๋วยังแจ๋ว คืออะไร

สมชาย จิว บอกว่า ที่เขียนเรื่องแต้จิ๋ว เพราะคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋วในเมืองไทยมีมากที่สุด แต้จิ๋วในเมืองจีนมีขนาดเล็กมาก แต่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีวัฒนธรรมที่ไม่น้อยหน้าใคร

“ในไทย มีจีน 5 กลุ่มภาษา แต้จิ๋ว เป็นจีนกลุ่มใหญ่ที่สุด มีจำนวนมากที่สุด จนทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สองคือ ผมเป็นคนแต้จิ๋ว ถ้าให้ไปเขียนเรื่องฮากกา(จีนแคะ) หรือกวางตุ้ง ผิดขึ้นมาคงโดนถล่ม

แล้วคนจีนแต้จิ๋วส่วนใหญ่ในเมืองไทย หลัง ๆ เขามักไม่ค่อยรู้ว่ารากเหง้าของเขาจริง ๆ แล้วคำว่าแต้จิ๋ว มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น

ชื่อเรื่อง แต้จิ๋วแต่แจ๋ว คำว่า แต้จิ๋ว เป็นสำเนียงไทย ภาษาจีนกลางคือ เฉาโจว เป็นจุดเล็กๆ ในมณฑลกวางตุ้ง ไม่ได้มีมณฑลของตัวเอง

มีภาษาถิ่นของตัวเอง มันเล็กจริงๆ แต่แจ๋วนะ มีเรื่องแจ๋วหลายอย่าง งิ้วแต้จิ๋วก็แจ๋ว อาหารแต้จิ๋วก็แจ๋ว ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ศิลปะ ก็มีเยอะ Small is Beautiful

ส่วนมากจีนฮกเกี้ยนจะไปอยู่ทางใต้ สิงคโปร์, ปีนัง แต่แต้จิ๋วส่วนใหญ่จะมาลงที่เมืองจันท์ ทำไร่อ้อย ทำน้ำตาลกัน

สาเหตุที่พระเจ้าตากสินไปตีเมืองจันท์ เพราะมีพวกเยอะ คนจีนแต้จิ๋วทั้งนั้น แล้วก็มีท่าเรือ ต่อเรือที่นั่นได้ จันทบุรีเป็นขุมกำลังของพระองค์ในการกู้บ้านกู้เมือง"

“แต้จิ๋วแต่แจ๋ว”คนจีนไม่ได้มาเมืองไทย  กับเสื่อผืนหมอนใบ แต่มากับตะกร้า ? แต้จิ๋วแต่แจ๋ว Cr. Kanok Shokjaratkul

  • ศิลปะวัฒนธรรมคนจีน

ถ้าพูดถึง งิ้วแต้จิ๋ว งิ้วกวางตุ้ง งิ้วปักกิ่ง สมชาย จิว บอกว่า มีความแตกต่างกัน อันดับแรกคือ ภาษาที่ร้อง

"งิ้วแต้จิ๋วเน้นอารมณ์ งิ้วกวางตุ้ง เน้นกลอง ความเร้าใจ งิ้วปักกิ่งมีขนบแบบหนึ่ง ซึ่งมีความละเอียดละออของสกุลเหมยหลานฟาง ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

ถ้าไปดูประวัติศาสตร์ งิ้วปักกิ่งเกิดทีหลัง เกิดในสมัยเฉียนหลง ราชวงศ์ชิง แต่งิ้วแต้จิ๋วประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าเยอะ เขาเรียกว่างิ้วใต้ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งลงมา

งิ้วปักกิ่งใช้ท่าทางเยอะ มีกายกรรม เทคนิคสูง ทั้งการแสดงและการร้อง ร้องเสียงแหลมมาก เขาจะฟีดเสียงสูง

“แต้จิ๋วแต่แจ๋ว”คนจีนไม่ได้มาเมืองไทย  กับเสื่อผืนหมอนใบ แต่มากับตะกร้า ? สมชาย จิว กับตัวอักษรจีน Cr. Kanok Shokjaratkul

ส่วนงิ้วแต้จิ๋วจะไม่ดัดเสียง เน้นเสียงจริงของตัวเอง ชุดเสื้อผ้าไม่ต่างกันมาก ฝ่ายบู๊ฝ่ายอะไรไม่ค่อยต่างกัน งิ้วแต่ละภาษาจะมีเรื่องเด่นไม่เหมือนกัน

งิ้วแต้จิ๋ว จะมีเรื่องหนึ่งที่ดังมาก พระเอกนางเอกหนีตามกัน ในยุคที่มีประเพณีคลุมถุงชนอยู่ ไปเล่นที่ไหน หมู่บ้านนั้นต้องมีลูกสาวหนีตามผู้ชายไป มีช่วงห้ามเล่นไปเลยก็มี เพราะถือว่ามอมเมา โดนเซ็นเซอร์”

.....................

"แต้จิ๋วแต่แจ๋ว" เป็นผลงานล่าสุดของ "สมชาย จิว" จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ยิปซี หลังจากที่มีผลงานมาแล้ว 3 เล่ม ได้แก่ "จีนมีเกร็ด, เกร็ดเทพเจ้าจีน และมังกรสยายเกร็ด"