“ปารวี”ขี่มอไซค์ลุยเดี่ยว เที่ยวจนเป็นครูดอย

ถ้าทำชีวิตให้ง่าย มันก็ง่าย อยากท่องเที่ยวก็จับมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป เธอเที่ยวจนรถตกเหว นี่คือเรื่องราวนักเดินทางที่ชื่อปารวี บางอย่างได้ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป
เพราะชอบขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวดอยคนเดียว ไม่ต้องรอเพื่อน อยากไปไหนก็สะสมวันหยุดจากการทำงาน แล้วออกเดินทาง
นี่คือเส้นทาง ปารวี โมรา ฟรีแลนด์(ขายของโบราณทางออนไลน์) ที่เรียนจบสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของเพจ การเดินทางของปารวี เลือกที่จะทำเช่นนั้น
คิดใหม่ทำใหม่ เมื่อตกเหว
เส้นทางที่เลือกแล้วของผู้หญิงตัวเล็กๆ วัย 30 ที่ส่วนใหญ่เดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ในช่วงวันหยุดคนเดียว
มีบางทริปไปกับเพื่อน ก่อนหน้านี้เคยขึ้นดอยแถวอ่างขาง จ.เชียงใหม่ และเจออุบัติเหตุตกเหวขาหัก เกือบเอาชีวิตไม่รอด จากนั้น 8 เดือนต้องนอนอยู่บ้าน ใช้เวลาเยี่ยวยาตัวเอง
“ตอนไปเที่ยวอ่างขางกับเพื่อน ตอนนั้นขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อนขึ้นไป เบรกแตก ตกเหว อีกนิดเดียวก็คือ ตาย โชคดีรอดมาได้ ขาหัก กระดูกผิวลูกสะบ้าแตก ตอนนี้ขาข้างขวายังเจ็บอยู่ เนื้อขากับเหล็กที่ดามยังไม่เป็นเนื้อเดียวกัน
ถ้าถามว่า เข็ดหลาบจากอุบัติเหตุไหม...
ปารวี บอกว่า ยังจับมอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ ขี่ขึ้นดอยเหมือนเดิม ไม่กลัวอะไร แต่ยังจดจำโค้งที่เคยตกเหว
"กว่ากระดูกจะต่อติด รักษาตัว 8 เดือน ช่วงนั้นต้องอยู่บ้านกับแมว ว่างๆ ก็ซื้อสีมาหัดเพ้นท์เล็บ เพื่อนๆ มาเพ้นท์เล็บเก็บคนละร้อยบาท ตั้งใจว่า ถ้ากลับมาเหมือนเดิมจะเปิดร้านทำเล็บ แต่โควิดมาซะก่อน”
บทเรียนจากการขี่มอเตอร์ไซค์ตกเหว ทำให้ปารวี หรือบี มีความละเอียดกับการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่หยุดที่จะเดินทางออกไปสัมผัสสายหมอกและแดดอุ่นๆ แต่ขอทำบางอย่าง เพื่อเด็กๆ บนดอยมากขึ้น
“พอรักษาขาหาย ก็ขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว จนมาเจอโพสต์หนึ่ง รับสมัครครูอาสา ”
ค่ำไหน นอนนั้น
แม้การเดินทางของปารวี จะเป็นไปอย่างง่ายๆ ค่ำไหนนอนนั้น ตั้งแต่เริ่มขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวคนเดียว ตอนเรียนสถาปัตย์ ปี 3 โดยข้อแม้ว่า ไม่ขี่ตอนกลางคืน เพราะสายตาสั้นและเอียง และเลือกพักในสถานที่ปลอดภัย กางเต้นท์ในอุทยานแห่งชาติ หรือหน้าร้านสะดวกซื้อ
“คนจะแปลกใจว่า เรียนสถาปัตย์ ทำไมไปทำงานเป็นแคชเชียร์ร้านเหล้า เพราะตอนนั้นบีหมดแพสชันกับอาชีพนี้ เป็นสถาปนิกไม่ใช่ว่าขีดๆ เขียนๆ แล้วจบ บางงานต้องตามใจลูกค้า ใจจริงอยากเรียนด้านป่าไม้ แต่ตอนนั้นพ่อแม่ไม่เห็นด้วย
ชอบไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน นั่งจิบโอวัลตินร้อนๆ ดูวิว ตกดึก ก็นั่งกินหมูกระทะบนดอยคนเดียว เที่ยวคนเดียว ดีตรงที่ไม่ต้องรอใคร
ก็มีคนเคยถามว่า เที่ยวคนเดียวไม่กลัวหรือ สถานที่ที่เราไป ไม่ได้น่ากลัว มีคนอยู่ตรงนั้น เป็นหมู่บ้าน เป็นอุทยานแห่งชาติ”
เมื่อถามว่า เคยขี่มอเตอร์ไซค์ไกลสุดกี่กิโลเมตร
ปารวี เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า ประมาณ 600-700 กิโลเมตร พอเป็นครูอาสาขี่ขึ้นดอยเป็นพันๆ กิโลเมตร
“ก็เอาเต้นท์ไป หาที่พักไปเรื่อยๆ ใช้เวลาอยู่ตามหมู่บ้าน เหมือนเราท่องโลก เปิดหูเปิดตา ช่วงปีกว่าๆ ว่างก็ขึ้นดอย เป็นครูอาสาออกไปแจกอุปกรณ์การเรียนให้เด็กๆ สอนหนังสือเด็ก ไปครั้งหนึ่งก็ประมาณ 3-5 วัน"
ไม่อยากให้เรียกว่าครูอาสา
ทุกๆ เดือน ปารวีจะแปลงร่างเป็นครูอาสา สอนหนังสือ หาอุปกรณ์การเรียนการสอน และนำเงินที่ทำงานได้บางส่วน ส่งเสียเด็กบนดอยสองสามคนเรียนหนังสือ
“ไม่เคยเป็นครูอาสามาก่อน ตอนนั้นไปที่อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เข้าไปสอนเด็กๆในหมู่บ้าน จากวันนั้นเรารู้เลยว่า เราชอบเป็นครูอาสา รู้สึกว่าเราได้ให้ในสิ่งที่เราไม่คิดว่าเราจะทำได้
ส่วนใหญ่เด็กบนดอยจะขาดโอกาส บางแห่งไม่มีครูประจำ เราก็เข้าไปสอนเด็ก สอนวิชาทั่วไป บีอยากทำประโยชน์ เพราะชีวิตคนเราไม่ได้ยั่งยืน ไปครั้งหนึ่งอยู่ได้ไม่กี่วัน เพราะต้องกลับมาทำงาน
ตอนนี้บีกำลังทำโครงการ"ถุงนี้พี่ให้น้อง"เมื่อก่อนเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊ค ก็ส่งอุปกรณ์การเรียนมาบริจาค พอเห็นว่าจัดเป็นชุดได้ก็ลองทำ เด็กๆ บนดอยก็ได้ใช้ยางลบรูปการ์ตูนที่ไม่เคยใช้ ”
ในอนาคตถ้ามีโอกาส นักเดินทางเช่นปารวี อยากขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวจากเหนือลงใต้
"คงเที่ยวไป พักไป ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน อีกอย่างบีเป็นเด็กบ้านนอก ทำนาตั้งแต่เด็กๆ อยากกลับบ้านที่อีสาน ไปทำนาแบบยั่งยืน แต่ตอนนี้ยังไม่มีเงินที่จะทำแบบนั้น บีอยากทำฟาร์มสเตย์ โฮมสเตย์ แต่พื้นที่ตรงนั้นยังไม่มีแหล่งน้ำเข้าถึงเลย”







