เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”

“ไวน์” เป็นสินค้าลักชัวรี่ เช่นเดียวกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลก อย่าง “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง และ เฟอร์รากาโม” ที่เข้าไปลงทุนซื้อ “ไร่ไวน์” ในฝรั่งเศสและอิตาลี

เจ้าของธุรกิจสินค้าลักชัวรี่ เมื่อจะลงทุนในกิจการใดนั้นต้องพิเศษจริง ๆ ไม่ใช่นึกจะซื้ออะไรก็ซื้อ อย่างเช่นในฝรั่งเศส ธุรกิจที่ได้รับความนิยมของเจ้าของสินค้าหรูหราคือ ไวน์ ซึ่งดูเหมือนเป็นคนละเรื่องกับแฟชั่นเสื้อผ้าและเครื่องหนัง แต่เพราะไวน์ถือเป็นสินค้าที่เชิดหน้าชูตาฝรั่งเศส และสามารถทำกำไรได้ในหลากหลายรูปแบบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกในวันนี้ ถูกพิษของโควิด-19 เล่นงาน ทำให้ธุรกิจหลายอย่างได้รับผลกระทบ รวมทั้งธุรกิจไวน์ด้วย ในปีที่ผ่านจึงมีเจ้าของธุรกิจดัง ๆ เข้าไปซื้อ ไร่ไวน์ มีรายใดบ้าง

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”    Chateau Berliquet

ชาเนล (Chanel Group) ยักษ์ใหญ่แฟชั่นและเครื่องสำอางแบรนด์ ชาเนล ของฝรั่งเศส ซื้อ ชาโต แบร์ลีเกต์ (Château Berliquet) ไวน์ระดับคุณภาพคับแก้วแห่ง ต.แซงเตมิยอง (St.-Emilion) 

ชาโต แบร์ลีเกต์ นั้นไม่ธรรมดา เป็นหนึ่งในไวน์เก่าแก่ของแซง เตมิยอง (St.-Emilion) เมืองบอร์กโดซ์ ก่อตั้งเมื่อปี 1768 และก้าวขึ้นมาอยู่ในชั้น Grand Cru Classé ในปี 1986 เป็นชาโตเดียวเท่านั้นที่ได้ขยับชั้นขึ้นมาในปีดังกล่าว ปัจจุบันเป็นไวน์ 1 ใน 63 แซงเตมิยอง กรองด์ ครู คลาสเซ ตามบัญชี 2012 (St.-Emilion's Grand Cru Classé 2012) ที่สำคัญคือเป็นหนึ่งในไวน์แซง เตมิยองที่ผลิตไวน์และขายภายใต้ชื่อของตัวเองมาโดยตลอด

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”    Chateau Berliquet 2016

ชาโต แบร์ลีเกต์ มีพื้นที่เพียง 10 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน) ปลูกองุ่นเป็นหลักตามสไตล์ฝั่งขวา (Right Bank) คือ แมร์โลต์ (Merlot) 70% กาแบร์เนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) 25% และ กาแบร์เนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) 5% อายุขององุ่นเฉลี่ยประมาณ 45 ปี

นอกจากนั้น ชาโต แบร์ลีเกต์ ยังตั้งอยู่ระหว่างชาโตดัง ๆ อย่างชาโต โอโซน (Chateau Ausone), ชาโต อังเฌลุส (Château Angelus) 2 ใน 4 St.-Emilion's Grand Cru Classé กลุ่ม A, ชาโต กานง (Château Canon) และชาโต มากเดอเลน (Château Magdelaine) เป็นต้น

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”   Chateau Canon

นั่นไม่ใช่ชาโตไวน์แห่งแรกที่ Chanel Group เข้าไปลงทุน เพราะชาเนล เข้ามาในธุรกิจไวน์หลายปีแล้ว ปัจจุบันเป็นเจ้าของ ชาโต กานง ไวน์ในแซงเตมิลยอง กรองด์ ครู คลาสเซ กลุ่ม บี

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”    Chateau Rauzan-Segla 2015

ตามด้วย ชาโต ฮรูซาน-เซกลา (Château Rauzan-Ségla) ไวน์กรองด์ ครู คลาสเซ ชั้น 2 แห่งตำบลมาร์โกซ์ (Margaux) และยังก้าวแดนไปเป็นเจ้าของ เซนต์ สุเปรี อีสเทท วินเยิร์ด แอนด์ ไวเนอรี (St. Supéry Estate Vineyards and Winery) ใน นาปา แวลลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย อเมริกาอีกด้วย

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”    Chateau Rauzan-Segla

อีกกลุ่มหนึ่งคือ LVMH หรือ Louis Vuitton Moët Hennessy เจ้าของ หลุยส์ วิตตอง และสินค้าหรูกว่า 70 แบรนด์ ทั้งเครื่องสำอาง น้ำหอม เสื้อผ้า เครื่องหนัง เครื่องประดับ โรงแรม เรือยอชท์ ฯลฯ รวมทั้ง ไวน์ และสปิริตที่มีอยู่ 24 แบรนด์ ได้เข้าซื้อหุ้น 50% แชมเปญ อาร์มองด์ เดอ บริญัก (Armand de Brignac) แชมเปญระดับหรูของ ชอว์น โครี คาร์เตอร์ (Shawn Corey Carter) หรือ เจย์ ซี (Jay-Z) แรพเตอร์ชื่อดัง เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมานี่เอง โดย Jay-Z เข้ามาเป็นเจ้าของ Armand de Brignac ในปี 2014

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”   Jay-Z

อาร์มองด์ เดอ บรีญัก หรือ แชมเปญหนึ่งโพดำ เป็นชื่อของแชมเปญแต็ต เดอ กูว์เว (Tête de Cuvée) ซึ่งเป็นแชมเปญชั้นหรูของฝรั่งเศส ผลิตโดย กาตีเยร์ (Cattier) หนึ่งในผู้ผลิตแชมเปญชื่อดังและเก่าแก่ วางจำหน่ายในขวดโลหะ สายการผลิตแบ่งเป็น 5 ระดับคือ Brut Gold, Rosé, Demi Sec, Blanc de Blancs และ Blanc de Noirs

Armand de Brignac เป็นแชมเปญที่จับกลุ่มตลาดระดับสูง ดังนั้นราคาจึงสูง เฉพาะเกรดธรรมดา หรือ Entry-Level ก็ปาเข้าไปขวดละ 250 ปอนด์

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”    Armand de Brignac

ก่อนหน้านั้น LVMH ก็มีแชมเปญอยู่ในอาณาจักรแล้วหลายแบรนด์ ล้วนแต่เป็นแบรนด์ดัง ๆ ทั้งสิ้น เช่น Moët et Chandon, Veuve Clicquot , Dom Pérignon, Krug, Ruinart เป็นต้น

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”

  Il Borro Syrah 2017

ประเทศอิตาลี ซัลวาตอเร เฟอร์รากาโม (Salvatore Ferragamo) ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าระดับหรูของโลก ซึ่งทรัพย์สมบัติมหาศาลก็มีธุรกิจใหม่ของตระกูลภายใต้ชื่อ อิล บอร์โร

ไร่องุ่นอิล บอร์โร (Il Borro Estate) ถูกซื้อโดยตระกูล เฟอร์รากาโม ในปี 1993 และบริหารงานโดยซัลวาตอเร เฟอร์รากาโม หลานชายคนโตของตระกูล ซึ่งเป็นคนรักไวน์

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”   Il Borro Estate

Il Borro Estate ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 700 เฮกตาร์ บริเวณเชิงเขา Pratomagno ในแคว้นทัสคานี เป็นชื่อของหมู่บ้านเก่าแก่ มีฟาร์ม และบ้านเก่าอายุหลายร้อยปี ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของอิตาลี

เดิมทีไร่องุ่นแห่งนี้เป็นของชาวไร่พื้นเมืองในหมู่บ้านอิลโบโร ปลูกองุ่นตามเชิงเขาแบบดั้งเดิม และผลิตไวน์ตามกรรมวิธีดั้งเดิม แต่เพราะสภาพของดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ ไวน์ที่ผลิตออกมามีคุณภาพ จากเดิมที่ปลูกองุ่นพื้นเมือง ดูแลกันตามมีตามเกิด เมื่อตระกูล เฟอร์รากาโม เข้าไปซื้อจึงเริ่มปลูกสายพันธุ์คลาสสิกจากฝรั่งเศส เช่น องุ่นแมร์โลต์, กาแบร์เนต์ โซวีญยอง, ซีราห์ และเปติต์ แวร์กโดต์ ได้รับการดูแลตามหลักวิชาการที่ทันสมัยผสมผสานกับภูมิปัญญาของชาวบ้าน

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”

  Chateau Canon 2018 ครอบครองโดย ชาเนลกรุ๊ป

ไวน์อิล โบโร วินเทจแรกบรรจุขวดในปี 1999 ด้วยปริมาณการผลิตเพียง 6,800 ขวดเท่านั้น มีไวน์เรือธง 3 รุ่น คือ Il Borro, Pian di Nova และ Polissena

สำหรับแชมเปญ Armand de Brignac และไวน์ Il Borro นั้นมีขายในเมืองไทย มีโอกาสและปัจจัย ลองหามาชิมกัน

เมื่อ “ชาเนล, หลุยส์ วิตตอง” และ “เฟอร์รากาโม” ซื้อ “ไร่ไวน์”

   Il Borro อีกรุ่นหนึ่ง

การเป็นเจ้าของชาโตไวน์ระดับท็อปของฝรั่งเศสและอิตาลี ช่วยเอื้อประโยชน์กับเจ้าของธุรกิจ ยกตัวอย่างเมื่อจะเปิดตัวสินค้าของตัวเองก็มาเปิดตัวที่ชาโตไวน์ ได้ทั้งหน้าตา ได้ทั้งเงินตรา ในงานเลี้ยงก็ใช้ ไวน์ ของตัวเอง เงินทองไม่รั่วไหล...