อัลบั้มใหม่ ‘อเดล’ ปลุก แผ่นไวนิล คืนชีพ ยอดขายสูงสุดรอบ 30 ปี

ระบบบริการฟังเพลงสตรีมมิงเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมเพลง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดขายอัลบั้มแบบแผ่น แต่แล้วอัลบั้ม ‘30’ ของ นักร้องแห่งยุคอย่าง ‘อเดล’ ได้มาช่วยพลิกฟื้นยอดขายอัลบั้มแบบแผ่นในสหรัฐ
จากการรายงานสรุปภาพรวมวงการเพลงประจำปี 2564 ในสหรัฐ ของ “MRC Data” ที่จัดทำร่วมกับนิตยสาร “บิลบอร์ด” พบว่า ในปี 2554 ยอดขายของแผ่นเสียงไวนิลคิดเป็นประมาณ 1.7% ของยอดขายอัลบั้มแบบแผ่นทั้งหมด แต่ในปีที่แล้วนั้นแผ่นเสียงไวนิลมียอดขายถึง 50.4% ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2534 ที่ยอดขายแผ่นไวนิลมีมากกว่ายอดขายแผ่นซีดี
เทรนด์การฟังเพลงผ่านแผ่นเสียงไวนิลนั้นพึ่งกลับมาได้รับนิยมในช่วงไม่กี่ปีหลัง เนื่องจากคุณภาพเสียงที่ดีกว่า อีกทั้งผู้คนต่างหวนระลึกถึงความหลัง จึงเลือกกลับมาฟังเพลงด้วยวิธีดั้งเดิม
ยอดขายแผ่นเสียงไวนิลเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปี 2563 ทำยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 27.5 ล้านแผ่น คิดเป็น 40% ของยอดขายอัลบั้มแบบแผ่นทั้งหมด ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นจนเกินครึ่งหนึ่งของสัดส่วนยอดขายทั้งหมดในปีถัดมา
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดขายแผ่นเสียงไวนิลมียอดขายเพิ่มมากขึ้นในปีที่ผ่านมาเนื่องจากศิลปินหลายคนที่น่าสนใจได้ออกอัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็นอเดลที่กลับมาออกอัลบั้มครั้งแรกในรอบ 6 ปี หรือ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ที่นำอัลบั้มเก่ามารีเรคอร์ดใหม่ เนื่องจากปัญหาด้านลิขสิทธิ์ รวมไปถึง “โอลิเวีย ร็อดริโก” ศิลปินหน้าใหม่ที่แจ้งเกิดเป็นอย่างมากในปีที่แล้ว
โดยอัลบั้ม 30 ของ อเดล ทำยอดขายแผ่นเสียงไวนิลในสัปดาห์แรกของการวางจำหน่ายได้ถึง 108,000 แผ่น เป็นยอดขายที่มากที่สุดอันดับ 2 ของแผ่นไวนิลที่สามารถขายได้ในหนึ่งสัปดาห์นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติตั้งแต่ปี 2534 และเป็นอัลบั้มที่มียอดขายแผ่นไวนิลมากที่สุดในปีที่แล้ว ด้วยยอดขาย 316,000 แผ่น
ขณะที่อัลบั้ม “Sour” ของ โอลิเวีย ร็อดริโก ตามมาในอันดับที่ 2 ทำยอดขายไปได้กว่า 268,000 แผ่น และอันดับที่ 3 คือ อัลบั้ม “Red (Taylor’s Version)” ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ด้วยยอดขาย 260,000 แผ่น
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่ร้านขายแผ่นเสียงไวนิลนำมาใช้ในการกระตุ้นยอดขายก็คือ การจัดวัน “Record Store Day” ในทุกวันเสาร์ของเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นวันที่านขายแผ่นเสียงในหลายประเทศทั่วโลก จะมีการจัดโปรโมชั่นส่วนลด มีวางขายอัลบั้มใหม่และนำอัลบั้มเก่ามาวางขายใหม่ (Reissue/ Re-record/ Repackage) ตลอดจนเป็นพื้นที่ให้ศิลปินได้พบกับแฟนเพลงอีกด้วย
ไม่เพียงแค่ยอดขายแผ่นเสียงไวนิลเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยอดขายแผ่นซีดีเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยยอดขายแผ่นซีดีรวมทั้งหมดไปถึง 40.6 ล้านแผ่น เพิ่มขึ้น 1.1% จากปี 2563 ที่ทำยอดขายได้ 40.2 ล้านแผ่น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นก็ยังคงมาจากอัลบั้มใหม่ของอเดล และอัลบั้มรีเรคอร์ดของเทย์เลอร์ สวิฟต์
ปีที่แล้วเทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้ปล่อยอัลบั้มรีเรคอร์ด 2 อัลบั้ม คือ “Fearless (Taylor’s Version” และ Red (Taylor’s Version) ซึ่งทั้ง 2 อัลบั้มถือว่าเป็นอัลบั้มมาสเตอร์พีชของเทย์เลอร์ และยังมีการเพิ่มเพลงใหม่ จนทำให้อัลบั้มมีเพลงทั้งสิ้นกว่า 30 แทร็ก แต่ที่ได้รับความสนใจมากคงจะหนีไม่พ้น Red (Taylor’s Version) เนื่องจากมีการเพิ่มเพลง "All Too Well (10 Minute Version) (Taylor's Version) (From the Vault)" ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่แฟนคลับชื่นชอบอยู่ในความยาวถึง 10 นาที จนสามารถทำยอดขายในสัปดาห์แรกไปถึง 146,700 แผ่น และมียอดขายรวมกว่า 621,000 แผ่น ในปัจจุบัน
ส่วนอัลบั้ม 30 ของอเดลสามารถ ครองอันดับ 1 บนชาร์ต “Top Album Sales” ซึ่งเป็นชาร์ตจัดอันดับอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดในสหรัฐ ติดต่อกันนานกว่า 7 สัปดาห์ตั้งแต่อัลบั้มวางแผงมาจนถึงปัจจุบัน โดยทำยอดขายไปกว่า 1.5 ล้านแผ่นเป็นที่เรียบร้อย นับเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตั้งแต่ปี 2561
ขณะที่ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มอย่าง เพลง “Easy On Me” ก็สามารถกลับมาครองอันดับ 1 บนชาร์ต "บิลบอร์ด ฮอต 100" ได้อีกครั้ง หลังจากโดนเพลง “All I Want For Christmas Is You” ของ “มารายห์ แคร์รี่” โค่นแชมป์ไปในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ โดยเพลง Easy On Me สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตมาแล้วทั้งสิ้น 8 สัปดาห์
นอกจากนี้อเดลจะปล่อยมิวสิควิดีโอเพลง “Oh My God” ในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 13 ม.ค. 2565 ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งก็น่าจะประสบความสำเร็จบนชาร์ตเพลงทั่วโลกด้วยเช่นกัน
(ข้อมูลยอดขายจาก BillBoard ณ วันที่ 12 ม.ค. 2565)