วิเคราะห์"หวยแพง" ยิ่งแก้ ยิ่งล้มเหลว ?
การแก้ปัญหา"หวยแพง"ยิ่งแก้ยิ่งแพง ทำไมเป็นเช่นนั้น มีคำถามว่า ได้แก้ระบบผูกขาดจริงจังหรือไม่ และโมเดลซื้อหวยผ่านออนไลน์ ดูแล้ว น่าจะไปไม่ถึงฝั่ง ลองอ่านบทวิเคราะห์เรื่องนี้
ปลายปี 2564 คณะกรรมการสลากกินทั้งแบ่งรัฐบาล วางมาตรการแก้ปัญหาหวยแพง หรือสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา โดยทำโมเดลรูปแบบใหม่ผ่านออนไลน์ ทั้งระบบลงทะเบียนซื้อ จอง และจำหน่าย ซึ่งเรื่องนี้มีคำถามมากมายจากคนในสังคม
โมเดลสลากกินแบ่ง
มติดังกล่าว เพื่อการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ดังนี้ ข้อ 1 ขยายจุดจำหน่ายโครงการสลาก 80
ข้อ 2 เปิดรับสมัครลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล 200,000 ราย ข้อ3 จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์
สำหรับแนวทางที่สอง คือ การเปิดรับสมัครลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 200,000 รายผ่านเว็บไซต์
หลังจากนั้น จะนำข้อมูลผู้สมัครมาคัดกรองคุณสมบัติ ถ้ามีผู้สมัครเกินจำนวนจะใช้วิธีเรียงลำดับแบบสุ่มหรือ Random sort ทั้งส่วนกลางและรายจังหวัด คาดว่าจะสามารถได้รายชื่อผู้ลงทะเบียน และเริ่มทำรายการได้ตั้งแต่สลากงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
โดยมีหลักเกณฑ์เพิ่มเติมอีกว่า ตัวแทนจำหน่ายที่จะเข้าร่วมโครงการผ่านแพลตฟอร์ม ต้องมอบสลากให้สำนักงาน ฯ นำเข้าระบบ แล้วเก็บสลากตัวจริงไว้เป็นหลักฐานในการรับเงินรางวัล
ประชาชนที่ต้องการซื้อสลากในระบบนี้ จะต้องลงทะเบียนผู้ซื้อและจ่ายเงินเข้าบัญชีตัวแทนจำหน่าย ซึ่งมีข้อดีคือ ระบบการสั่งซื้อจะถูกบันทึกและจัดเก็บไว้ สามารถตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายได้ และเมื่อถูกรางวัล ระบบจะแจ้งเตือนให้ติดต่อขอรับเงินรางวัล
ทั้งหมดที่กล่าวมาน่าจะสร้างปัญหาให้กับผู้ขายรายย่อยและผู้ซื้อสลากมิใช่น้อย
เส้นทาง"หวย"กว่าจะถึงมือผู้ค้ารายย่อย
ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวถึงการแก้ปัญหาเป็นข้อๆ ว่า 1.การเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท GLO official เป็น 1,000 ราย ไม่น่าจะมีน้ำหนักพอ จะทำให้ราคาสลากทั้งตลาดลงมาสู่ 80 บาทได้
"เพราะจุดจำหน่ายสลาก 80 บาทเพียง 1,000 ราย เทียบกับอีกแสนกว่ารายที่ส่วนใหญ่ขายเกินราคา คิดเป็นไม่ถึง 1% ของผู้ขายทั้งหมด
โดยแต่ละรายจะได้ 25 เล่ม รวมทั้งหมดแล้วเท่ากับ 2.5 ล้านใบหรือ 2.5% ที่ขาย 80 บาทจากสลากทั้งหมด 100 ล้านใบ
ปริมาณจุดขายเพียงไม่ถึง1% และจำนวนสลากเพียง 2.5% ไม่น่าจะมีน้ำหนักมากพอจะไปทำให้ราคาสลากทั้งตลาดมาอยู่ที่ 80 บาทได้
ที่น่าจับตาคือ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าสลากเหล่านี้จะไม่ถูกซื้อ เพื่อนำไปขายต่อในตลาดที่ยังรับซื้อสลากกันในราคาที่แพงกว่า 80 บาท”
ส่วนเงื่อนไขที่ต้องซื้อผ่านแอพเป๋าตังค์หรือถุงเงินเท่านั้น และซื้อได้คนละไม่เกิน 20 ใบต่องวด ต้องยืนยันตัวตนของผู้ขายระหว่างทาง เรื่องนี้ ธน จะมีประสิทธิภาพจริงหรือเปล่า?
ระบบผูกขาด มีส่วนทำให้หวยแพง
ส่วนกรณี การเพิ่มผู้ค้าสลากจองซื้อเป็นสองแสนราย การทำแบบนั้น ธนากร มองว่า แล้วจะตรวจสอบได้อย่างไรว่า คนเหล่านี้เป็นผู้ขายสลากตัวจริง ไม่ใช่นอมินีของปั๊วและไม่ใช่คนนอกที่มาแย่งกดจอง แล้วนำสลากไปขายต่อปั๊ว
และถ้าไม่หาทางทำให้ผู้ค้าสลากเข้าสู่ระบบคู่สัญญากับสำนักงานสลากทั้งหมด ที่จะทำให้สนง.สามารถควบคุมพวกเขาได้ และยังปล่อยให้เกิดภาวะ "ใครใคร่ค้าสลากก็ค้าได้" โดยยังสามารถไปหาซื้อสลากจากตลาดค้าส่งได้ ก็จะยังมีผู้ค้านอกระบบที่ต้องไปอยู่ภายใต้อิทธิพลของปั๊วเติมเข้ามาในตลาดอยู่เรื่อยๆ และทำให้การขายสลากเกินราคาก็ยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิม
นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตอีกว่า การแก้ปัญหาที่ผ่านมา แทบไม่เคยแตะสลากโควตา 30 ล้านใบ ซึ่งถูกสันนิษฐานกันว่ามีสายสัมพันธ์กับปั๊ว
“ทำไมมาแตะเฉพาะสลากซื้อจอง70 ล้านใบเท่านั้น ควรล้างไพ่ใหม่ทั้งหมด แล้วให้ผู้ค้าในระบบโควตาเข้าสู่ระบบทะเบียน ซึ่งเท่ากับเป็นการรีเซ็ต(Reset)ระบบใหม่ เรื่องนี้สนง.สลากทำโดยลำพังคงยาก เพราะบารมีไม่พอ ต้องรัฐบาลหนุนเท่านั้นจึงจะทำได้” ธนากร ตั้งข้อสังเกต
ส่วนการเปิดแพลตฟอร์มขายสลากทางออนไลน์ มาตรการที่ประกาศออกมายังไม่ชัดเจน ธนกร บอกว่า จำนวนสลากที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในระบบนี้มีจำนวนเท่าไร ถ้าจำนวนไม่มาก เช่น 5-10 ล้านใบ ก็ไม่น่าจะมีน้ำหนักมากพอที่จะดึงราคาสลากทั้งตลาดลงมาได้
"ถ้าสลากส่วนใหญ่ยังขายแพงอยู่ จะมีผู้ค้าสักกี่รายที่สนใจจะเอาสลากมาเข้าระบบนี้ เพราะขายแบบเดิมกำไรดีกว่า ทำไปทำมามาตรการนี้น่าจะเป็นเพียงมาตรการพิฆาตพวกดอทคอมเท่านั้น แต่ไม่แรงพอจะทำให้สลากทั้งตลาดราคาลดลงได้"