เปิดชีวิต “โม โรจน์วณิช”ในอเมริกา กว่าจะได้แสดงซีรีส์ ต้องออดิชั่นทุกวัน

เปิดชีวิต “โม โรจน์วณิช”ในอเมริกา กว่าจะได้แสดงซีรีส์ ต้องออดิชั่นทุกวัน

ไม่ง่ายเลยสำหรับชีวิตนักแสดงในอเมริกา ต้องผ่านการออดิชั่นไม่รู้กี่ครั้ง เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และการได้งานทำ ก็ไม่บ่อยเท่าการไม่ได้งานทำ

“ตอนเด็กๆ ฝันว่า อยากเป็นบุรุษไปรษณีย์ เพราะชอบเขียนจดหมาย อ่านการ์ตูน แล้วบุรุษไปรษณีย์ก็จะเดินไปตามบ้านต่างๆ เพื่อส่งความสุข ตอนนี้ก็ยังเขียนจดหมายอยู่เลย แต่พอโตขึ้นความฝันเริ่มเปลี่ยนไป...”

โม, แตงโม กิตติพร โรจน์วณิช (Tamgmo Rodvanich) นักแสดงสาว ศิลปินไทยที่มีผลงานละครเวทีมากมาย และเป็น Comedians แสดง Stand up comedy ในประเทศไทยและอเมริกา ล่าสุด กำลังถ่ายทำซีรีส์ NCIS Los angeles อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

จากเด็กกรุงเทพฯที่เรียนจบปริญญาตรี สาขาศิลปการละคร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วออกมาทำงานเป็นออแกไนเซอร์ ออกแบบงานแต่งงาน ทำพร็อบ เขียนบท เขียนบทความ เป็นครีเอทีฟรายการบันเทิง เป็นครู เป็นล่าม เป็นนักแปล แล้วไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการแสดง มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก จนได้แสดงในซีรีส์ต่างประเทศ

ผลักดันตัวเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

คุณพ่อคุณแม่เป็นคนใต้ ย้ายมากรุงเทพฯ มีพี่สาวหนึ่งคน เกิดและโตที่กรุงเทพฯด้วยกัน เรียนประถมเรียนที่ร.ร.ดรุโณทยาน ของครูฉลบชลัยย์ พลางกูร พ่อแม่อยากให้เรียนที่นี่ แล้วก็เรียนพิเศษมาตลอด พอถึงมัธยมต้นจับสลากได้ ร.ร.สารวิทยา โรงเรียนข้างบ้าน จริงๆ จะไปสอบก็ได้นะ เพราะติวมาทั้งปี แต่ก็เรียนที่นี่ล่ะตั้งแต่มัธยม 1-6

เปิดชีวิต “โม โรจน์วณิช”ในอเมริกา กว่าจะได้แสดงซีรีส์ ต้องออดิชั่นทุกวัน โม, แตงโม โรจน์วณิช ในละครเวที

จบมัธยม 6 ความฝันเริ่มเปลี่ยนไป อยากเรียนวาดรูป ไปสอบศิลปากรก็ไม่ติด เลยไปแอดมิชชั่นติดคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เลือกเอกการละคร ได้เรียนเกี่ยวกับความต้องการของมนุษย์ การเขียนบท การสื่อสาร ทำให้เข้าใจหลายๆ อย่าง สื่อสารจับใจความได้ดี มีเหตุผล เรียบเรียงหลายอย่างดีขึ้น

พอเรียนจบ ก็ไปสอนหนังสือ ทำรายการทีวี เป็นออแกไนเซอร์จัดงานแต่งงาน เขียนนิตยสาร พาคนไปทัวร์สิงคโปร์ เล่นละครเวที พอรุ่นน้องมีละครก็ไปออดิชั่น ทั้งที่ตังค์ก็ไม่ได้ จนกระทั่ง 5 ปีผ่านไป วันหนึ่งตื่นมาแล้วรู้สึกว่า มันไม่ตื่นเต้นแล้ว มันเบื่อ เราจะทำยังไงดี

พอดีละครที่เราเล่น กำลังจะทำภาคต่อ เขาตัดตัวละครตัวอื่นๆ ทิ้งหมด เหลือแต่ตัวละครที่เราสวมบทบาท เขาก็มาถามว่า เราจะอยู่หรือเปล่า เราก็น่าจะอยู่ตรงนี้ หลังจากพยายามมา 4-5 ปี พอได้บทที่มากขึ้น เป็นสิ่งที่เราอยากทำมานาน เรากลับตัดสินใจไปเรียนต่อ เพื่อไปออดิชั่นที่ต่างประเทศ

เปิดชีวิต “โม โรจน์วณิช”ในอเมริกา กว่าจะได้แสดงซีรีส์ ต้องออดิชั่นทุกวัน โม, แตงโม โรจน์วณิช ในละครเวที

ตอนนั้นวางแผนการทำงานในต่างประเทศอย่างไร

เราต้องเลือกว่า จะไปที่ไหนบ้าง เพราะต้องเอาตัวเองไป ออดิชั่น เลือกเมืองที่ใหญ่หน่อย เป็นศูนย์กลาง อย่างนิวยอร์คหรือแอลเอ เราเลือกไปนิวยอร์ค เพราะมีเพื่อนอยู่ที่นั่น ที่อื่นเราไม่รู้จักใคร และค่าใช้จ่ายสำหรับที่อยู่แพงมาก ถ้าอยู่นาน ก็ยิ่งแพง ก็ไปอาศัยอยู่ในห้องรับแขกที่พักเพื่อน แล้วช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ ซื้อของให้เขา คิดซะว่าอยู่ 3 เดือน ถ้าไม่ได้ ก็มาเที่ยวละกัน

การออดิชั่นเป็นอย่างไรบ้าง

มีหลายสเต็ปมาก ออดิชั่นครั้งแรก อาจมี Call Back วันเดียวกัน หรือไม่มี ต้องไปอยู่เดือนกว่าๆ เพื่อดูว่า มี Call Back ไหม ตอนอยู่นิวยอร์คมี Call Back ที่ซานดิเอโกเราก็ต้องบินมาฝั่งแอลเอ มาดูว่ามหาวิทยาลัยเป็นยังไง เวลาออดิชั่น ถ้าเขารับ 8 คน ก็จะเรียกมา 16 คน แล้วคัดอีกที หลังจากนั้น 1-2 อาทิตย์ก็ประกาศว่าได้หรือไม่

ถ้าออดิชั่นแล้วบินกลับเลย ถ้าเขา Call Back เราก็ต้องบินกลับมาใหม่ เลยอยู่ต่อ แต่ไม่มีอะไรยืนยันว่าเราจะได้หรือไม่ได้ ตอนนั้นเงินเก็บหมดเลย อยากดูละครเวทีมาก ไม่เคยดูบรอดเวย์ เดินผ่านทุกวัน จ่ายวันละเหรียญไปทุกพิพิธภัณฑ์เลย เป็นช่วงที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง แต่ไม่สามารถทำงานได้ เพราะเราเป็นนักท่องเที่ยว

ผลออดิชั่นเป็นอย่างไร

ตอนนั้นติด 3 แห่ง ตอนได้ที่นิวยอร์คตื่นเต้นดีใจมาก ออดิชั่นแล้วเขาบอกให้รอแป๊บหนึ่ง คุยกันเสร็จแล้วเดินออกมาบอกว่า ห้ามบอกใครนะ เพราะเขายังไม่ประกาศ แต่สุดท้ายเราเลือกที่ออดิชั่นน้อยกว่า ความสนใจของคนย่อมมากกว่า และการจัดอันดับดีกว่า นั่นก็คือที่ซานดิเอโก

ปี 2015-2018 เราก็เรียนการแสดง จนจบเทอมินอลดีกรี สูงสุดของแอคติ้งสายปฏิบัติ ไม่ต้องไปเรียนปริญญาเอกแล้ว เพราะนั่นเขาเรียนเป็นมาสเตอร์ด้านการศึกษา ด้านการประยุกต์ละคร

อาจารย์ไล่เราให้ไปทำงาน ไม่ต้องมาเรียนต่อระดับปริญญาเอก(PSD)แล้ว ที่เรียนมาสูงสุดแล้ว ไปทำงาน ประสบการณ์ข้างนอกสำคัญมาก การเรียนอย่างเดียวมันไม่ช่วย

เปิดชีวิต “โม โรจน์วณิช”ในอเมริกา กว่าจะได้แสดงซีรีส์ ต้องออดิชั่นทุกวัน โม, แตงโม โรจน์วณิช ในละครเวที

งานแรกที่ทำหลังจากเรียนจบ ?

ตอนเรียนจบใหม่ๆ เราต้องดูเรื่องวีซ่า และการกินอยู่ ทำยังไงให้รอด เป็นมรสุมชีวิตอยู่ 2 ปี ก็กลับไปเมืองไทยช่วงโควิด มีการประกวด Comedians หน้าใหม่ เราก็ไปประกวด ผลปรากฎว่าได้รางวัล Young Man can stand-up งานนี้จัดโดย กลุ่มยืนเดี่ยว เราเองก็ไม่ได้คิดว่า เมืองไทยจะมี Stand up comedy เหมือนเมืองนอก

จากนั้นเขาก็เริ่มเชิญเราไปตามงานต่างๆ เพื่อนที่เคยเห็นเราเล่นละครเวที บอกว่าไม่ได้กลับไทยตั้ง 5 ปีน่าจะมีเรื่องราวมากมาย อยากเล่าหรือเปล่า เดี๋ยวทำโปรดิวซ์ให้ ก็เลยทำเป็น Stand up comedy หนึ่งชั่วโมง เล่นในผับ บาร์ชั้นสองในกรุงเทพฯ มีคนดูไม่เกิน 10 คน แล้ว Live Streaming มีคนดูที่บ้าน ต่อ We Chat ในชื่อว่า Tangmo Bless America

จากนั้นกลับมาอเมริกา สมัครงานไปเรื่อยๆ มีผู้จัดการ มีเอเย่นต์ ช่วยสมัครให้ ที่ตลกมากคือ เราเคยทำงานร้านอาหารไทย แล้วก็มีงานที่เขาต้องการคนที่เคยทำงานร้านอาหารจริงๆ เข้ามา เป็นโฆษณาใหญ่ โฆษณาชิ้นนี้ทำให้เรามีชีวิตอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งถ่ายแค่ 1 วินาที ออกในอินเตอร์เน็ต ในทีวี

จากนั้นเกมโชว์ You Bet Your live กับ Jay Leno ก็ติดต่อมาให้เราไปเล่นเกม รายการเขาจะคัดคนจากที่ต่างๆ ทั่วทุกสารทิศ ที่ดูแล้วน่าจะสนุก มาเล่นเกมแข่งกันเอาตังค์

เปิดชีวิต “โม โรจน์วณิช”ในอเมริกา กว่าจะได้แสดงซีรีส์ ต้องออดิชั่นทุกวัน โม, แตงโม โรจน์วณิช ในซีรีส์ NCIS Los angeles

งานแสดงที่เป็นจริงเป็นจังชิ้นแรกคืออะไร

ล่าสุด ได้เล่นเป็น Co Star ในซีรีส์ NCIS Los angeles ใช้เวลาถ่ายประมาณ 4-5 วัน เล่น Episode เดียว บทคือ เราอยู่บนรถเมล์ แล้วรถเมล์โดนปล้น เราก็กลัว แล้วมีคนโดนยิง เราก็คอยซับเลือดให้ แบคกราวน์บทคือคนล้างจาน ชุดที่ใส่วันนั้นก็คือ ชุดคนล้างจานที่เราเคยใส่ไปทำงานในครัวจริงๆ กางเกงดำ มีเข็มขัด รองเท้าดำ

เป็นครั้งแรกที่ได้ไปทำงานกับกองถ่ายใหญ่ๆ ได้เห็นระเบิดต่อหน้าต่อตา รถตีลังกากลางถนนเลย ทุกคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายกันหมด แต่เขาห้ามอัพขึ้นโชเชียลก่อน เรามีช่อง You tube ของตัวเอง ก็จะอัพเดทสิ่งต่างๆ ให้เพื่อนๆ ดูว่าแต่ละวันทำอะไรบ้าง

ได้แสดง Stand-up Comedy ในอเมริกาด้วย ?

ล่าสุด เริ่มมาเล่นตลกที่นี่ด้วย ตอนแรกคิดว่าจะทำโซโล่(แสดงเดี่ยว) ก็เลยไปดูคนที่เขาทำโซโล่ที่ซานดิเอโก ไปเจอผู้หญิงที่ชื่อ กิกิ ก็เลยเป็นเพื่อนกัน กิกิย้ายไปอยู่แอลเอ พอเราเรียนจบ ย้ายไปแอลเอก็เจอกิกิ เขาก็ชวนมาทำงาน บอกว่ากำลังโปรดิวซ์ให้กับ comedians คนเอเชีย เราก็เขินๆ จนกระทั่งกลับเมืองไทย แล้วกลับไปอีกก็ตอบตกลง

เครียดอยู่นานมากในการผลิตผลงาน เราได้ไปร่วมงานเทศกาล Crazy Woke Asian kung pow Festival ได้เจอเพื่อนหลายคน ที่เป็นโซโล่หลายๆ ชาติในเอเชีย บางคนบินมาจากซานฟรานฯ บางคนมาจากโทรอนโต

เราก็ไปเล่นสแตนด์อัพ 10 นาที ได้รับการโหวตจากคนดูให้เข้ารอบสอง คนที่โปรดิวซ์ ก็ไปเอาคนมาจากรายการอเมริกันกอตทาเลนด์ มาทำความรู้จักกัน จะได้ต่อยอดคอนเนคชั่น ทำให้มีคอมมูนิตี้มากขึ้น เพราะว่าเรามาอยู่คนเดียว ก็รู้สึกเหงาๆ

เปิดชีวิต “โม โรจน์วณิช”ในอเมริกา กว่าจะได้แสดงซีรีส์ ต้องออดิชั่นทุกวัน โม, แตงโม โรจน์วณิช กับการแสดง สแตนด์อัพคอมเมดี้

งานแสดง Stand-up Comedy ในไทย ยังทำอยู่ไหม

      ที่ประเทศไทย จะมีกลุ่ม “ยืนเดี่ยว” เป็นคอมมูนิตี้ของคนที่ชื่นชอบ Stand up Comedy แล้วเขาก็ทำ Laught Bar คนจะมาดูต้องสมัครเป็นสมาชิกแล้วเข้าไปดูแบบออนไลน์

      พอเข้าไป จะมีตัวการ์ตูนอวตารที่เป็นตัวเราเดินเข้าไปในบาร์ ไปนั่งฟังเรื่องตลก ถ้าโมมีคิวเล่นตลกในนี้ ก็ต้องตื่นหกโมงเช้ามาเล่นออนไลน์ให้เขาดู เพราะเวลาประเทศไทยตรงกับทุ่มสองทุ่มพอดี

     สำหรับการแสดง Stand-up Comedy ในไทยตอนนี้ เรายังไม่ได้คิดอะไร เพราะต้องมีคนดูสดๆ ถ้าไม่มีคนดู 10-20 คน แล้วเราเล่นผ่านจออย่างเดียว เราก็ไม่รู้ว่าพลังงานมันเป็นยังไง

     ปัจจุบันโม เป็นสมาชิกของ Thai Theatre Foundation ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนศิลปินไทย และละครเวทีไทย เพิ่งเริ่มทำพอดแคสต์ไปได้หนึ่งแอพพิโสด เป็นที่รวมของคนไทยที่ทำงานสายนี้

      ครั้งหนึ่ง เคยไปงานเล่นตลก ไปเจอคนไทยสองคน ไม่รู้เลยว่ามีคนไทยคนอื่นๆ เล่นตลกด้วย  คนไทยคนหนึ่งเล่นตลกอยู่นิวยอร์ค เราก็บอกให้มารวมกันในเน็ตเวิร์ค เผื่อมีที่ไหนต้องการคนไทยจะได้ติดต่อกัน

จากการใช้ชีวิตมาทั้งหมด ได้แง่คิดอะไรให้กับตัวเองบ้าง

      อยากให้ทุกคนพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำ คือบางทีเราจะรู้สึกแย่ตลอด เพราะการได้งานทำ ไม่บ่อยเท่าการไม่ได้งานทำ อาชีพของเราคือหางาน ออดิชั่นทุกวันแต่มันไม่ได้งาน

      คนมักจะถามว่า ทำงานอะไร ในขณะที่คนอื่น ได้เงินเดือน หรือขายของ แต่ของเราเหมือนทำธุรกิจของตัวเอง ขายโปรดักส์คือเรา และความสามารถของเรา

      เรามีความรู้สึกว่า อะไรที่เล็กๆ น้อยๆ บางทีก็ลองไปเถอะ อย่าคิดเยอะ การมาถึงจุดนี้ เราจะรู้สึกว่ามันดีกว่าจุดที่เราเคยอยู่เมื่อสองเดือนที่แล้ว หรือว่าวันนี้เราได้เรียนรู้อะไร ถ้ามัวคิดว่ายังไม่ดีพอ ต้องอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำแล้วแฮปปี้ ถ้าอยากให้แฮปปี้ในสิ่งที่ตัวเองทำ ก็ทำไปเถอะ นี่เป็นงาน ดีกว่านั่งทิพย์อยู่ งานก็ไม่มี