สรชัช ศรีลมูล 'ผมคือลูกจ้างมืออาชีพ'

สรชัช ศรีลมูล  'ผมคือลูกจ้างมืออาชีพ'

โอกาส และความสำเร็จในหน้าที่การงาน ไม่ใช่ความบังเอิญ หากโอกาสมาแล้ว คุณไม่พร้อม ก็เท่ากับคุณทิ้งโอกาส นี่คือ “สรชัช ศรีลมูล” ผู้มีคติประจำใจว่า “ผมคือลูกจ้างมืออาชีพ”

1627271240100

สรชัช ศรีลมูล Senior Manager –Credit Card Business บริษัท Krungthai Card Public Company Limited

จุดประกายมีโอกาสพูดคุยกับ สรชัช ศรีลมูล ตำแหน่ง Senior Manager –Credit Card Business บริษัท Krungthai Card Public Company Limited หรือ KTC ผู้รักและมีความสุขในการทำงานเขาคิดว่าในเมื่อเราเป็นมือปืนรับจ้างในการทำงาน เขาจ้างเรามาทำงาน เราต้องเป็นมืออาชีพ เสมือนเราเป็นเจ้าของบริษัท และบาลานซ์ชีวิตด้วยการสะสมโมเดลตุ๊กตาแบร์บริค และ โมเดลเซย่า รวมทั้งของเก่า เฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน ที่ถือว่าเป็นการลงทุน

ทำไมถึงเลือกเรียนด้านบริหารธุรกิจ การตลาด

เอาจริงตอนเด็กไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเลย เราอยู่ในเส้นทางของการทำธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก เราเป็นลูกคนจีน พ่อแม่ค้าขายเป็นคนปกติไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เกิด ตอนเด็กๆ ผมก็ค้าขายเอง โดยไม่มีใครมาบอกให้ทำ หุ้นกับเพื่อนในซอยแถวบ้าน และผมชอบศิลปะ ขอพ่อไปเรียน Art เขาไม่เห็นด้วย อยากให้เรียนสาย Business (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล) พอเรียนแล้วก็ชอบ สุดท้ายก็ต้องขอบคุณพ่อเราที่ทำให้เรามีวันนี้ วัยรุ่นก็คงชอบแบบฉาบฉวยไม่ใช่ instinct (สัญชาตญาณ)ของเราจริงๆ ความโชคดีคือเราได้ทำงานตรงกับสายที่เรียนมา พอเรียนจบได้ทำที่ AC Neilsen (Thailand) ตำแหน่ง Marketing Research ได้ปีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ทำที่ Central Pattana อยู่ในสาย Marketing Promotion (ตำแหน่ง Promotion & Event Senior Officer) ทำอยู่ 5 ปี

งานที่ Central Pattana กับ KTC มีความท้าทายต่างกันอย่างไร

งานคล้ายกันในแง่ของไลน์ก็คือ Marketing และ Business Management ตอนที่ผมอยู่เซ็นทรัล ก็ดูแลในเรื่องของช้อปปิ้ง มันคือ Retail Business คือศูนย์การค้า ดูแลร้านค้าทุกหมวด ทั้งแฟชั่น คอสเมติก บิวตี้ เครื่องสำอาง รวมทั้งไลฟ์สไตล์ต่างๆ เราชอบอะไรที่เป็นเทรนด์อยู่แล้ว ย้อนกลับไป 10 กว่าปีที่แล้ว Ktc ต้องการบุกตลาดไลฟ์สไตล์ และความเป็น Trendy ก็เลยต้องการคนที่จะมาทำการตลาด กับพาร์ทเนอร์ที่มีอยู่ในมือ เราเองก็มีคอนเนคชั่นอยู่แล้วก็เลยได้มาทำตรงนี้

  162727123965

ความยากง่ายแตกต่างกันไหมคะ

ไม่ต่างครับ แต่ก็มีความท้าทายที่ต่างกัน เพราะธุรกิจต่างกัน อันนั้นเป็น Retail Business แต่ Ktc เป็น Retail Finance เราเป็น Payment ก็ต้องมีวิธีการที่แตกต่างกัน จากเมื่อก่อนเป็นศูนย์การค้า มีร้านค้ามาเช่าย้อนกลับไป 10 ปีเซ็นทรัลฯเป็นอะไรที่ Strong มาก ค่อนข้างมี Power พอมาเป็นงานนี้ เราเป็นชอยส์ในการจ่ายเงิน ทำยังไงให้ลูกค้าหยิบบัตรเราขึ้นมาใช้ เราไม่ได้แข่งกับบัตรด้วยกัน แต่แข่งกับ Cash แต่ก็มีคู่แข่งแหละแข่งกันในเรื่องของ Privilege (สิทธิพิเศษ) และแข่งกันในเรื่องของ Image การที่ลูกค้าจะหยิบบัตรขึ้นมาใช้มีหลายๆ องค์ประกอบ ซึ่งแต่ละคนมีปัจจัยที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าเราจะทำยังไงที่จะรู้จักลูกค้ามากที่สุด

162727123917

ช่วงโควิด-19 ต้องปรับตัวเยอะไหมคะ

เราเองมีการปรับตัวมาตลอด ทั้งตอนที่ยังไม่มีโควิด มีโควิด หรือเชื่อว่าหลังจากนี้ไม่มีโควิด ไม่มีการทำงานน้อยลง เราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะทำงาน เหมือนม้าลำปาง (หัวเราะ) มองไปข้างหน้าเสมอ มองหาสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ตอนนี้โควิดมา เราบุกตลาดออนไลน์มากขึ้น แต่ออฟไลน์เรา ก็ยังไม่ทิ้งนะครับ ยังไงตลาดออฟไลน์ยังเป็นลีดอยู่ เพราะเป็นไลฟ์สไตล์จริงๆของคนไทย ต้องยอมรับว่า ศูนย์การค้าในเมืองไทยเยอะมาก มีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ทุกอย่างตอบสนองให้อยู่ใกล้ๆกับลูกค้ามากที่สุด ลูกค้าคนไทยยังชอบที่จะเดินไป เพราะแหล่งซื้อไม่ได้ไกลปืนเที่ยง แต่ตอนนี้ออนไลน์เข้ามามีบทบาท เพราะมีมาตรการของรัฐโน่นนี่นั่น

การแข่งขันสูงขึ้นด้วยไหม

การแข่งขันก็คงสูงแหละ ผมว่าดีกรีคงเพิ่มขึ้นแหละ แต่เราก็พยายามมองหา Landscape ใหม่ๆ ที่จะต่อยอดธุรกิจเพิ่มขึ้น เพราะคู่แข่งเราก็คงไม่หยุดนิ่ง เราก็ต้องมองคู่แข่งเราด้วย ตอนออฟไลน์ ทำไม่ได้เพราะล็อกดาวน์ ก็เลยเหมือนขนาดของออนไลน์ดูใหญ่ เมื่อก่อนเราอาจจะไม่ได้มอง Telephone Order , E-Commerce คู่แข่งเราไปเราจะไม่ไปได้ไง พาร์ทเนอร์โปรโมทเรื่องนี้ ยังไง KTC ก็ต้อง Cover Rate อีกเรื่องหนึ่งเราก็ต้องมองว่า ลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า วันนี้เราทำแบบนี้ ได้ผลเท่านี้ แล้วคิดจะทำอะไรเพิ่มไหมเพื่อให้ได้ผลดีกว่าเดิม เราก็ต้องมองให้รอบด้าน มีโจทย์ใหม่มาเรื่อยๆ ไม่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ การตลาด สภาวะการแข่งขัน นโยบายบริษัท ไม่มีโควิดเราก็เจอโจทย์ใหม่อยู่แล้ว ต้องหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้งานเราดีขึ้นเรื่อยๆ ถามว่าเราทำงานหนักขึ้นไหม ไม่ได้หนักขึ้น เพราะเราทำงานหนักอยู่แล้วเสมอมา

คุณเป็นหัวหน้างานแบบไหน

ผมเป็นคนที่พูดตรงๆ เวลาคุยกับลูกน้องจะพูดเสมอว่า ผมไม่ได้ทำงานแบบ Me แต่ผมทำงานแบบ We เราต้องไปด้วยกันรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน เราทำงานกันเป็นทีม เวลาลูกน้องทำดีเราก็ให้เครดิต ไม่ได้รับไว้คนเดียว ผมทำงานที่นี่นานที่สุดตอนนี้ 15 ปีแล้ว ก็เพราะเป็นองค์กรที่ดี ใครๆมองว่าผมทำงานหนัก แต่ผมว่าไม่นะ เขาจ้างเรามาให้ทำงาน เราเป็นมือปืนรับจ้าง เค้าจ้างคุณมาทำงาน จ่ายเงินให้คุณ ถ้ามองในมุมกลับกั นถ้าเราเป็นนายจ้าง จ่ายเงินจ้างคน สิ่งที่เราคาดหวังคืออะไร นั่นคือสิ่งเดียวกันที่เราควรจะทำให้กับบริษัท เราต้องทำงานให้คุ้มค่า หรือมากกว่าเงินที่เขาจ่ายให้เรา เราต้องเป็น ลูกจ้างมืออาชีพ เป็นคำที่ผมพูดกับลูกน้องมาตลอด และเป็นคำที่ผมยึดถือมาตลอด เราต้องดูแลงานของเราให้ดีรวมทั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆในองค์กร เสมือนเราเป็นเจ้าของบริษัท

162727123945

วางแผนอนาคตของตัวเองเอาไว้อย่างไรบ้างคะ

ผมว่างานเลี้ยงก็คงมีวันที่เลิกรา กะว่าอายุ 50 ผมจะเกษียณแต่พอเจอโควิด คงเปลี่ยนเป็น 55 (หัวเราะ)ตอนนี้ผมอายุ 43 ปี คิดว่าเกษียณแล้วจะไปอยู่เชียงใหม่ คงจะทำเรื่องต้นไม้ เพราะแฟนสนใจเรื่องต้นไม้ ตัวเราก็คงทำเรื่องอาหาร ขายของเก่า เพราะเราสะสมเอาไว้เยอะ ทำอะไรกระจุ๊กกระจิ๊ก แต่ก็เป็นความคิดตอนนี้ อนาคตอาจจะเปลี่ยนความคิดหรือเปล่าไม่รู้เป็นเรื่องของอนาคต แต่เราไปอยู่เชียงใหม่แน่นอน เพราะไปทำบ้านไว้แล้ว

162727124048

คุณแจ๋ (สรชัช ศรีลมูล )ชอบสะสมของเก่าเหรอคะ

ตอนแรกก็ชอบแต่ไม่คิดว่าจะสะสม พอมีแฟน เค้าชอบของเก่า ก็เลยเริ่มสะสม เหมือนเราได้เจอบัดดี้ที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงกัน ส่วนใหญ่จะเป็นของแต่งบ้าน มีทุกแนวทั้งไทย ยุโรป Art ถ้วยโถโอชามต่างๆ  ผมมองว่าเป็น Investment อย่างหนึ่ง และก็เป็น Decoration เป็นของที่เรามีเอาไว้ และก็เอามาใช้ได้ เราก็เอามาใช้ในการแต่งบ้าน แต่งคอนโด สะสมมา 10 ปี เยอะมากสำหรับเรา ทุกวันนี้ไม่มีที่จะเก็บ ต้องเอาไปเก็บตามคอนโดที่เรามีอยู่ ผมไปซื้อที่ปลูกบ้านที่แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เอาไปแต่งบ้านที่เป็นแนวพื้นถิ่นผสมยุโรป ทำบ้านหลังเล็กๆในพื้นที่ 2 ไร่

162727124031

คุณแจ๋-สรชัช ศรีลมูล 

ทำไมเลือกที่จะไปอยู่เชียงใหม่

ตั้งแต่เด็ก แม่ผมชอบพาไปเที่ยวเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พระธาตุจอมทอง กฤษดาดอย ดอยผาตั้ง รู้สึกว่าเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีความหลากหลาย ทั้งทางด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และผู้คน และมีความเป็น City มีความเป็นธรรมชาติ ด้วยความที่เป็นเมืองใหญ่เหมือนกรุงเทพฯ อยากหลีกหนีผู้คนก็ไปที่ภูเขา อากาศดี โป่งแยง ม่อนม่วน อยู่ห่างไปแค่ 10 กิโลเมตร ถ้าเราจะไปพักผ่อนก็ไม่ไกล

จุดเริ่มต้นของการสะสมแบร์บริค มายังไงคะ

แบร์บริคตัวแรกเป็นรุ่นพิเศษ เป็นงาน World Tour ครั้งที่สองของ BEARBRICK ที่มาเมืองไทยปี 2015 KTC เราเป็นพาร์ทเนอร์กับทางสยามเซ็นเตอร์ เราก็ไปเป็น Guest ในงาน โมเดลรุ่นพิเศษนี้ไม่ใช่ใครก็ซื้อได้นะ ก็มีลูกค้าคนอื่นๆ มากันเต็มเลย ทุกคนเป็นแฟนแบร์บริค และไม่ใช่ใครๆ ก็มีสิทธิ์ซื้อ ต้องหย่อนชื่อลงในกล่องก่อน เราก็เลยลองหย่อนชื่อบ้าง ปรากฏว่าจับได้ชื่อเรา ก็เลยซื้อมา จำราคาไม่ค่อยได้น่าจะประมาณสามพันกว่าบาทมั๊ง  ตอนนี้ราคาขึ้นไปประมาณ 2 หมื่นกว่าบาทแล้ว บอกตรงๆ ตอนแรกไม่ได้อยากได้ เห็นคนอื่นเขาอยากได้กันมากันเป็นร้อย ก็เลยคิดว่าลองซื้อมาเก็บซักตัวก็ได้นะ จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ผมซื้อของเล่นที่อยากได้ตอนเด็กๆ เช่น เซย่า อย่างที่บอกสมัยเด็กบ้านเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร ตอนนี้ปล่อยขายไปบ้าง แต่ที่เก็บอยู่ก็เยอะ(หัวเราะ)

162727123936

คุณแจ๋-สรชัช ศรีลมูล กับของสะสม โมเดลแบร์บริค (BEARBRICK)

ตอนนี้หันมาสะสมแบร์บริค (BEARBRICK)อีกครั้ง?

ผมเพิ่งกลับมาเก็บแบร์บริคอีกครั้ง ก็จะมีแบร์บริค “โมนาลิซา” (Mona Lisa)ที่ แบร์บริคเขาไปคอลแลปส์ (Collaboration)กับพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เพิ่งออกใหม่ราคาไม่แพง ผมซื้อประมาณ 8,000 บาท  และอีกตัวที่เพิ่งได้มาก็คือ แบร์บริคดาฟต์พังก์ เป็นวงดนตรีแนว เทคโนแดนซ์ (ประกอบด้วยนักดนตรีชาวฝรั่งเศส 2 คน คือ Thomas Bangalter และ Guy-Manuel de Homem Christo) เวลาเขาร้องเพลงจะใส่หัวแบบไม่เห็นหน้า ถ้าเป็นแบร์บริคของวงนี้จะมีทั้งหมด 5 ซีรีย์ ที่ผมได้มาเป็นซีรีย์ 4 ผมจะไล่เก็บแบบที่เข้ากับโทนการแต่งบ้าน น้ำตาล ดำ ขาว และมีสั่งล่าสุดของจะมาต้นเดือนหน้าจากญี่ปุ่น เป็น กิว ขนาด 1,000% สูงประมาณ 70 ซม. อันนี้สั่งมาเก็งกำไร (หัวเราะ)พรีออเดอร์มา 17,000 บาท ช่วงนี้กำลังสนุกกับการสะสมแบร์บริค

สรุปแล้วความสุขของผู้บริหารหนุ่มคนนี้ก็คือ “การทำงาน” โดยมีคติประจำใจว่า “เพราะเราเป็นลูกจ้างมืออาชีพ” เขาจึงสนุกกับการทำงานแบบไม่รู้เบื่อ ทุ่มเทให้กับงานวันละไม่ต่ำกว่า 9 ชั่วโมง บางทีเกือบๆ 12 ชั่วโมง ก่อนแบ่งใจไปมีความสุขกับของสะสมเช่นโมเดลแบร์บริค โมเดลเซย่า และของเก่าที่เป็นทั้งของแต่งบ้านถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง

162727123988

สรชัช ศรีลมูล  “ผมคือลูกจ้างมืออาชีพ”