"AeroPress" งานดีไซน์ใต้แนวคิดพลิกแพลง

"AeroPress" งานดีไซน์ใต้แนวคิดพลิกแพลง

ด้วยลูกเล่นที่ชงได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบดั้งเดิมหรือแบบกลับด้าน ก็ทำให้ “AeroPress” ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิดที่พลิกแพลงจากสิ่งที่เห็นจนหลุดออกจากกรอบเดิมๆ มีความแตกต่างไปจากเครื่องชงกาแฟชนิดอื่นๆ

ยอมรับสารภาพตามตรงเลยครับว่าเมื่อเห็นเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ไม่คาดคิดเลยว่า นี่คืออุปกรณ์ที่ชงกาแฟได้ ทว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เจ้า "แอโร่เพรส" (AeroPress) ก็พลันกลายเป็นหนึ่งใน อุปกรณ์ชงกาแฟ ที่โด่งดังและโดดเด่นที่สุดในโลกยุคมิลเลนเนียลไปเสียแล้ว... ช่างน่าทึ่งจริงๆ

หลังจากเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 15-16 ปีก่อน กระแสความนิยมก็แรงขึ้นทุกทีโดยเฉพาะจากนักดื่มรุ่นใหม่ ร้านกาแฟ ทั่วโลกจำนวนมากถึงกับต้องหยิบเอา "AeroPress" มาบรรจุเป็นเครื่องชงประจำร้านไว้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า กระทั่งนำไปสู่การจัดการแข่งขันชิงแชมป์ในระดับประเทศและในระดับสากลเป็นประจำทุกปี เพิ่งมาหยุดเอาเมื่อปีที่แล้วนี้เอง เพราะสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ด้วยกระแสความแรงต่อเนื่อง ถึงกับมีการเปิดเว็บไซต์ "AeroPress Movie" นำเสนอผ่านคลิปวิดีโอ บอกเล่าเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ตั้งแต่ต้นกำเนิดจากห้องทำงานของผู้คิดค้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา, บรรยากาศการแข่งขันรายการชิงแชมป์โลก ไปจนถึงวิธีการชงอันหลากหลายโดยบรรดานักดื่มสาย “AeroPress” ทั้งหลายด้วย

แต่ใช่ว่าเปิดจำหน่ายแล้วจะได้รับความนิยมล้นหลามในทันที คนในแวดวงกาแฟโดยเฉพาะในเซกเม้นท์ กาแฟพิเศษ (specialty coffee) ของสหรัฐอเมริกา มองเจ้า “AeroPress” ด้วยสายตาที่สงสัยพร้อมตั้งคำถามว่า "ใช่เครื่องชงกาแฟไหมเนี่ย?" เพราะเท่าที่เห็นรูปลักษณ์ออกไปในแนวอุปกรณ์ไลฟ์สไตล์ที่ขายกันเกร่อตามเว็บไซต์ค้าปลีกประเภทใดประเภทหนึ่ง มากกว่าจะเป็นอุปกรณ์ชงกาแฟ เมื่อกาลเวลาผ่านไป มุมมองก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด เมื่อเห็นการใช้งานที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและน่าท้าทาย ภายใต้แนวคิดสร้างวิธีชงกาแฟในรูปแบบที่พลิกแพลงและต่างไปจากเดิมๆ

ด้วยรูปลักษณ์ “AeroPress” ที่ดูเหมือนอุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์ แตกต่างไปจาก “อุปกรณ์ชงกาแฟ” รุ่นพี่ที่เคยเห็นกันก่อนหน้านี้ เป็นงานดีไซน์ที่พลิกแพลงจากสิ่งเดิมมาเป็นไอเดียใหม่ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง

161559985769

อุปกรณ์ของชุดชงกาแฟ AeroPress / ภาพ : Roxy Saunders/wikimedia

เจ้าของแนวคิดต้องการดีไซน์ให้มีรูปแบบการชงที่ผสมผสานระหว่างการแช่สกัด กับการใช้แรงดันกดผ่านตัวกรอง โดยแช่กาแฟบดในน้ำร้อนตามเวลาที่กำหนดไว้ แล้วใช้มือกดสร้างแรงดันเพื่อรีดน้ำกาแฟออกมา สร้างเอกลักษณ์ในการชงกาแฟที่ไม่ซ้ำแบบใคร บางคนถึงกับยกย่องว่า นี่เป็น..."นวัตกรรม" ในการชงกาแฟรูปแบบใหม่ในยุคมิลเลนเนียลเอาเลยทีเดียว

จากความโดดเด่นในการออกแบบอุปกรณ์ ช่วยให้พลิกแพลงชงกาแฟได้ 2 รูปแบบหลักๆ คือ แบบดั้งเดิม (Original) และ แบบกลับด้าน (Inverted) แล้วแต่ว่าใครจะชอบและถนัดแบบไหนมากกว่ากัน ขณะที่กูรูสาย “AeroPress” บางคนมองว่า เป็นการชงกาแฟที่ใช้หลักการของกาแฟฟิลเตอร์ในรูปแบบ "เฟรนช์เพรส" (French press) กับการชง "เอสเพรสโซ" (Espresso) มาประยุกต์เข้าด้วยกันเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียว

...รสชาติของกาแฟที่ได้ จะเข้มข้นใกล้เคียงกับเอสเพรสโซ แน่นอนว่า บอดี้จะหนักว่าแบบเฟรนช์เพรส

จัดว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ชงกาแฟได้อย่างง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยาก ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว นำอุปกรณ์ไปพลิกแพลงและปรับเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์กว่า เปิดทางไปสู่การคิดค้นและสร้างสรรค์เทคนิคการชงให้เป็นของตนเอง ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่แสวงหากลิ่นและรสชาติกาแฟเฉพาะตัว ทำให้ดูสนุกน่าตื่นเต้นเร้าใจ กลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจบรรดานักชงมืออาชีพอย่างบาริสต้าและมือสมัครเล่นในหลากหลายประเทศ

ชุดทำกาแฟแบบ “AeroPress” ก็ออกแบบมาเพื่อให้ชงกาแฟได้ง่าย แข็งแรง ไม่ยุ่งยากในการทำความสะอาด ขณะที่สนนราคาก็ไม่สูงเกินไป จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะเครื่องชงประจำครัวเรือนและออฟฟิศ ขณะเดียวกัน ด้วยคุณสมบัติที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก จึงเหมาะสำหรับคอกาแฟ “สายเดินทางท่องเที่ยว" หรือ "สายแคมปิ้ง"  เรียกว่าเป็นอุปกรณ์ที่ชงกาแฟดื่มได้ทุกเวลาและทุกสถานที่

161560007990

AeroPress Go  ขนาด 1-3 ถ้วย วางจำหน่ายบนเว็บไซต์ amazon

ประวัติความเป็นมาของ “AeroPress” น่าทึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะไม่ได้ถูกสร้างจากบริษัทในธุรกิจกาแฟเหมือนเครื่องชงอื่นๆ แต่กลับถูกประดิษฐ์คิดค้นขึ้นโดยผู้บริหารในธุรกิจผลิตอุปกรณ์กีฬา สะท้อนให้เห็นว่าความรอบรู้และความคิดสร้างสรรค์ในศาสตร์แห่งเครื่องดื่มยอดนิยมของโลกชนิดนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะคนในแวดวงหนึ่งแวดวงใดเท่านั้น กาแฟจึงจัดเป็นเครื่องดื่มสากลของคนทั้งโลกจริงๆ

"อลัน แอดเลอร์" (Alan Adler) นักฟิสิกส์และประธานบริษัทแอโรบี (Aerobie) เป็นผู้คิดค้นเครื่อง AeroPress ขึ้นในปีค.ศ. 2005 ประมาณ 15-16 ปีที่ผ่านมานี้เอง แนวคิดคือ อยากได้เครื่องชงที่ทำกาแฟได้อร่อย, ไม่ใช้ไฟฟ้า และมีราคาไม่แพง จึงนำวิธีการชงกาแฟ 2 แบบมาผนวกเข้าด้วยกันระหว่างการชงเอสเพรสโซกับการชงกาแฟฟิลเตอร์ที่มีตัวกรองหรือแผ่นกรอง ออกแบบให้มีลักษณะเป็นท่อพลาสติกทนความร้อน 2 ชิ้น นำประกบกัน...ว่ากันว่าเหมือน "กระบอกเข็มฉีดยา"

แอดเลอร์นั้นเป็นอาจารย์คณะวิศกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้เคยบรรยายให้กับองค์การนาซามาแล้ว เคยให้สัมภาษณ์ว่า กาแฟคือปรากฎการณ์ของโลก ทั่วโลกเองก็มีวิธีชงกาแฟอยู่มากมายหลากหลาย สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยช่วยเสริมสร้างให้ “AeroPress” ชงกาแฟรสชาติดี ได้ภายในเวลา 1 นาที ทั้งยังทำความสะอาดง่าย พกพาสะดวก ราคาไม่แพง และชงได้ในหลายๆ วิธี ด้วยกัน

ชิ้นส่วนหลักของอุปกรณ์ชงนั้น หลักๆ ประกอบไปด้วยกระบอกพลาสติกทนความร้อน 2 ชิ้น เรียกกว่าก้านสูบกับกระสอบกับกระสอบสูบ และฟิลเตอร์ พร้อมอุปกรณ์เสริมอย่างช้อนตักผงกาแฟ, พายสำหรับคนน้ำกาแฟ และกระดาษกรองทรงกลม

จุดเด่นที่มองข้ามไปได้เลยก็คือ "ตัวฟิลเตอร์" ที่ติดมาในอุปกรณ์ มีความละเอียดมาก มั่นใจได้ว่าน้ำกาแฟจะไม่มีผงปะปนออกมาด้วย อำนวยประโยชน์ให้ใช้ได้ทั้งกาแฟบดละเอียดและบดหยาบ ปรับรสชาติและบอดี้ได้ความต้องการ ขึ้นอยู่กับความชอบเป็นสำคัญ

ในวิกิพีเดีย ให้ข้อมูลว่า แรกเริ่มเดิมทีนั้น AeroPress โมเดลแรกผลิตจากโพลีคาร์บอเนตซึ่งเป็นพลาสติกใส ต่อมาในปีค.ศ. 2009 จึงเปลี่ยนไปใช้เป็นแบบโคโพลีเอสเตอร์ซึ่งมีความใสและเหนียวกว่าแบบเดิม เนื่องจากโพลีเอสเตอร์มีสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า บิสฟีนอล  (Bisphenol) ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม เพื่อยืนยันกับลูกค้าที่ใช้โมเดลรุ่นแรกนั้น ทางผู้ผลิต “AeroPress” บอกว่า จากผลการทดลองของบริษัท ไม่ปรากฎว่ามีสารบิสฟีนอลเจือปนในกาแฟแต่ประการใด

เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง บริษัทแอโรบี ก็ได้มีการปรับโฉมผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อว่า  "AeroPress Go" โดยอัพเกรดจาก “AeroPress” รุ่นเดิม เป้าหมายคือ ออกแบบให้อุปกรณ์การชงกาแฟมีความเหมาะกับการพกพามากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็น "ไมเนอร์เชนจ์" เล็กๆ มากกว่าเป็นสินค้าตัวใหม่

เรามาดูวิธีการใช้ AeroPress ใน 2 แบบหลักๆ กัน คือ แบบดั้งเดิม (Original) และแบบกลับด้าน (Inverted) ทั้ง 2 วิธี ใช้อัตราส่วนกาแฟต่อน้ำ 7 : 100 ตามสูตรนี้จะใช้กาแฟ  14 กรัม ต่อน้ำ 200 กรัม แต่สัดส่วนดังกล่าวปรับเปลี่ยนได้ ใช้กาแฟบดขนาดใกล้เคียงกับน้ำตาลทราย ละเอียดกว่าแบบดริปแต่ไม่ถึงขั้นเอสเพรสโซ อุณหภูมิน้้ำที่ใช้ระหว่าง 90-95 องศาเซลเซียส เวลาในการชงประมาณ 1.50 นาที

ขอแนะนำว่าก่อนอื่นควรใช้น้ำร้อนลวกอุปกรณ์ทุกชิ้น รวมทั้งกระดาษกรอง เพื่อล้างกลิ่น ทำความสะอาด และวอร์มให้อุ่นพร้อมสำหรับชงกาแฟ แล้วก็ใช้ตราชั่งดิจิทัลเพื่อความแม่นยำของสัดส่วนและระยะเวลาชง แก้วกาแฟควรเลือกที่หนาและแข็งแรง รองรับแรงกดได้ ส่วนเมล็ดกาแฟก็เลือกโปรไฟล์กันได้ตามใจชอบเลยครับ

161560001891

อุณหภูมิน้ำ ,ระดับการบดกาแฟ  และเวลาในการชง ล้วนมีผลต่อรสชาติกาแฟ / ภาพ : Alex Chernenko on Unsplash

#แบบดั้งเดิม (Original)

  1. นำกระดาษกรองใส่ในฟิลเตอร์ แล้วล็อกเข้ากับด้านฐานของกระบอกสูบให้แน่น
  2. วางแก้วที่ใช้ดื่มลงบนตาชั่งดิจิทัล ใส่กาแฟบดลงไปในกระบอกสูบ 14 กรัม
  3. กดตราชั่งให้น้ำหนักเป็นศูนย์ เทน้ำร้อนตามลงไป 200 กรัม
  4. คนกาแฟและน้ำให้เข้ากันเบาๆ 7-10 รอบ ทิ้งไว้ 1-2 นาที
  5. นำก้านสูบมาประกอบเข้าด้านบนกระสอบสูบ วางเฉยๆ ยังไม่กด แล้วยกแก้วกับ Aeropress ลงจากตาชั่ง
  6. ใช้มือดันหรือกดลูกสูบช้าๆ ด้วยความเร็วคงที่ราว 20-30 วินาที น้ำกาแฟจะค่อยๆ ไหลผ่านฟิลเตอร์ลงสู่แก้วด้านล่าง

#แบบกลับด้าน (Inverted) 

  1. ใส่กระดาษกรองในฟิลเตอร์ แล้วล็อกเข้ากับด้านฐานของกระบอกสูบให้แน่น
  2. ประกอบก้านสูบเข้ากับกระบอกสูบ วางอุปกรณ์ลงบนตราชั่งในลักษณะกลับด้าน ให้ก้านสูบอยู่ด้านล่าง
  3. ใส่ผงกาแฟลงไป 14 กรัม กดให้น้ำหนักเป็นศูนย์ ตามด้วยน้ำร้อน 200 กรัม 
  4. คนเบาๆ 7-10 รอบแล้วปิดฝากระบอกสูบให้แน่นด้วยฟิลเตอร์ ปล่อยทิ้งไว้ 1-2 นาที
  5. นำแก้วครอบด้านบนกระบอกสูบ แล้วใช้สองมือยก Aeropress พร้อมแก้วออกจากตาชั่ง พลิกวางลงในลักษณะกลับด้านให้แก้วอยู่ด้านล่าง
  6. ค่อยๆ ใช้มือกดลูกสูบลงช้าๆ ราว 20-30 วินาที จนน้ำกาแฟหยดลงไปในแก้วจนหมด

ในขั้นตอนการชงนั้น อาจวนน้ำร้อนลงบนกาแฟบดเล็กน้อยเป็นการ “บลูมกาแฟ” ช่วยให้กาแฟคายก๊าซ CO2 ออกมา ก่อนที่จะดำเนินการชงในขั้นตอนต่อไป เพื่อให้น้ำเข้าไปสกัดกาแฟได้เต็มที่

อย่างที่เรียนให้ทราบว่า รูปแบบของการชงกาแฟในไสตล์ “AeroPress” ที่มีทั้งการแช่สกัด, การคน และการกดเพื่อให้เกิดแรงดัน ทำให้ดึงเอาความเข้มข้นของกาแฟออกมาได้ ยิ่งใช้กาแฟบดละเอียดและปริมาณน้ำน้อยลง รสชาติกาแฟก็ยิ่งจะเข้มขึ้นตามไปด้วย แต่ก็เป็นความเข้มที่ชัดเจนแบบคลีนๆ จากอิทธิพลของกระดาษกรองผงกาแฟนั่นเอง

"European Coffee Trip" ช่องยูทูบยอดนิยม เสนอวิธีชงกาแฟถึง 9 สไตล์ด้วยกันจากอุปกรณ์ “AeroPress” ตั้งแต่เอสเพรสโซ อเมริกาโน่ ยันกาแฟโคลด์บรูว์  ที่โดนใจผู้เขียนมากที่สุดเห็นจะเป็นการทำกาแฟ "โคลด์ ดริป" ที่ใช้อุปกรณ์เสริมอย่างโถขนาดเล็กพร้อมเกลียวหมุน ที่เรียกว่า "PUCK PUCK" ช่วยแปลง “AeroPress” ให้เป็นเครื่องทำกาแฟดริปเย็นได้โดยไม่ยากนัก

หรืออย่างเบน โจนส์ แชมเปี้ยน AeroPress ของสหรัฐประจำปี 2016 ก็เป็นยูทูบเบอร์อีกคนที่นำเสนอคลิปวิดีโอทำกาแฟที่เขาถนัดไว้ 3 สไตล์จากอุปกรณ์ชนิดนี้ คือในแบบของเฟรนช์เพรส, ดริป ฟิลเตอร์ และแบบเอสเพรสโซ

ข้อดีของการแข่งขันชงกาแฟแบบ “AeroPress” เน้นไปที่การแสวงหารูปแบบการชงใหม่ๆ และเทคนิคการสกัดน้ำกาแฟออกมาให้มีรสชาติดีที่สุด แต่กระนั้นในปีค.ศ. 2008 ซึ่งเป็นปีแรกของการชิงแชมป์โลกที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ ก็มีผู้เข้าร่วมชิงชัยเพียง 3 คนเท่านั้น แต่ต่อมาก็กลายเป็นรายการที่ได้รับความนิยมสูง จนถูกบรรจุไว้เป็นหนึ่งในปฏิทินการแข่งขันชิงแชมป์การชงกาแฟนานาชาติ อีก 10 ปีต่อมา ก็มีนักชงกาแฟสาย “AeroPress” เข้าร่วมรายการถึง 3,157 คน จาก 61 ประเทศ

ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกประจำปี 2019 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตัวแทนจากประเทศไทย คุณเบญจ เขมาชีวะ แห่งร้าน BrewLab ก็ไปคว้ารองแชมป์โลกรายการนี้มาไว้ในครอบครอง

161559992628

AeroPress จากร้านกาแฟ Pacamara ในนครราชสีมา / ภาพ : Takeaway /wikimedia

แม้เทคนิคการชงจะให้ความสำคัญกับระยะเวลาในการชง, ระดับการบด, อุณหภูมิน้ำ และสัดส่วนกาแฟต่อน้ำ เช่นเดียวกับวิธีชงกาแฟแบบอื่นๆ แต่ด้วยลูกเล่นที่ชงได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบดั้งเดิมหรือแบบกลับด้าน ก็ทำให้ “AeroPress” ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิดที่พลิกแพลงจากสิ่งที่เห็นจน หลุดออกจากกรอบเดิมๆ มีความแตกต่างไปจากเครื่องชงกาแฟชนิดอื่นๆ ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทว่าไม่มีบริษัทไหน "ยึดติด" กับผลิตภัณฑ์ตัวเดียวตลอดไป ขณะที่สินค้ากำลังได้รับความนิยมสูง

161560013094

"อลัน แอดเลอร์" ผู้คิดค้นเครื่องชง AeroPress / ภาพ :  Alan Adler/wikimedia

"อลัน แอดเลอร์" ผู้คิดค้นเครื่องชง “AeroPress” เคยให้สัมภาษณ์ perfectdailygrind.com เว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลธุรกิจกาแฟระหว่างประเทศเอาไว้เมื่อปีค.ศ. 2019 ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจมี “อุปกรณ์ชงกาแฟ” เวอร์ชั่นใหม่ออกมาสู่ตลาดอีก...เขาบอกใบ้แต่เพียงเท่านี้โดยไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม

ไม่แน่นัก...หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ผ่านพ้นไปแบบสะเด็ดน้ำ วงจรธุรกิจกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้ง เราอาจได้เห็น “อุปกรณ์กาแฟ” แนวใหม่ที่ต้องทึ่งและสะเทือนวงการอีกคำรบหนึ่งก็เป็นได้