‘ม้า อรนภา’ เปิดใจครั้งแรก เสียใจชีวิตดิ่ง หวังกลับคืนวงการ

‘ม้า อรนภา’ เปิดใจครั้งแรก เสียใจชีวิตดิ่ง หวังกลับคืนวงการ

"ม้า อรนภา" เปิดใจครั้งแรก หลังหายจากหน้าจอนาน 2 เดือน เสียใจชีวิตดิ่ง ถูกบูลลี่เรียกลุง เดินสายมูหวังกลับคืนวงการ

หลังจากที่พิธีกรชื่อดัง “ม้า อรนภา กฤษฏี” เกิดกระแสดราม่าจากการแสดงความคิดเห็นกรณีนักเรียนออกมาแสดงสัญลักษณ์ทางการเมือง จนต้องยุติบทบาทในวงการบันเทิง และหายหน้าหายตาจากหน้าจอทีวีร่วม 2 เดือน ล่าสุด รายการถามสุดซอย ดำเนินรายการโดย  หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “ม้า อรนภา กฤษฎี”

160422736025

เกือบ 2 เดือนแล้วที่หายไป?

"จวนแล้ว ไม่ได้หายแค่หน้าจอ ไอจี กับเฟซบุ๊กก็หายด้วยเหมือนกัน ไม่ลงอะไร ไม่เล่นอะไรใดๆ ทั้งสิ้น"

สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

"ก็สบายดี"

ช่วงใหม่ๆ ที่เกิดเรื่อง?

"ก็ต้องบอกว่าเสียใจ ที่มันเกิดขึ้น คนที่ทำงานตลอดทุกวัน ไม่เคยหยุดเลยนะตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ มาแต่งหน้าแล้วเป็นนางแบบ จนเล่นละคร เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง ไม่เคยหยุดเลยสักวัน อยู่ดีๆ ก็โช๊ะ มันก็เสียใจเป็นธรรมดา แต่ถามว่าเสียใจมากมั้ย เสียใจไม่มาก ก็ต้องขอบคุณตัวเองที่ได้ปฏิบัติธรรม ก็เลยทำให้รู้และเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น"

ตอนโดนบูลลี่หนักๆ อะไรที่รู้สึกแรงที่สุด?

"การเอาเพศสภาพเข้ามาเป็นการบูลลี่ จริงๆ แล้วคำด่าหยาบคายเจอมาเยอะมาก ดิฉันโดนทัวร์ลงมาตั้งนาน หลายคดี เป็นคนตรงไปตรงมาและมักไม่ค่อยระวังคำพูดบางครั้ง เช่นมีอยู่ครั้งนึง เราพูดเรื่องการเล่นสงกรานต์ ตอนนั้นรัฐบาลบอกว่าไม่อยากให้ช้รถกระบะและมีน้ำอยู่หลังรถกระบะแล้วสาดกัน เพราะมันอันตราย ขับไปคนอาจตกลงมาเสียชีวิตเกิดอุบัติเหตุได้ พิธีกรร่วมที่นั่งอ่านข่าวด้วยเขาบอกว่าเป็นวัฒนธรรม ดิฉันก็บอกว่าวัฒนธรรมเลวน่ะสิ แค่นั้นโดนด่าไป 4 วัน ตอนนั้นไปเที่ยวต่อช่วงสงกรานต์ ดิฉันไปตุรกี โปรตุเกส ก็ด่าดิฉันไปถึงตุรกี โปรตุเกส (หัวเราะ)”

สังคมปัจจุบันที่วัยรุ่นยุคใหม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แสดงพฤติกรรมและกิริยาออกมา ในสายตาพี่ม้ามองยังไง?

"จริงๆ แล้วโลกต้องเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน อย่างยุคของดิฉัน ก็เป็นยุคการเปลี่ยนแปลง พ่อแม่ก็รับไม่ได้เหมือนกัน เป็นเรื่องที่สิ่งใหม่ๆ เข้ามา รุ่นดิฉันเป็นรุ่นพ่อแม่ที่มีลูก และมักสั่งสอนว่าแกต้องมีความคิดเป็นของตัวเองสิ แกอย่าดักดานสิ แกต้องรู้จักการแสดงออก เพราะเด็กสมัยก่อนไม่กล้า ผู้ใหญ่พูดอะไรก็ไม่กล้าพูด แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไป"

สองเดือนที่หยุดงาน ถือว่าหนักสุดในชีวิตมั้ย?

"ลงดิ่งเลยค่ะ ในวิถีชีวิตตัวเองลงดิ่งไปสุดเลย

สองเดือนที่อยู่ที่บ้าน ได้มีโอกาสใกล้ชิดคุณแม่มากขึ้น?

"จริงๆ ทุกอาทิตย์เราต้องเจอกันอยู่แล้วเป็นธรรมดา ไม่เจอไม่ได้ คุณแม่อายุตั้ง 95 จะ 96 เยอะมากนะ แต่ยังแข็งแรง ความจำดีทุกเรื่องราว โชคดีของดิฉัน เป็นบุญของลูกที่มีแม่แบบนี้"

ถ้าได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม แล้วต้องโดนบูลลี่อีก ทั้งที่หยุดทุกอย่างไม่ตอบโต้ จะทำยังไง?

"เรื่องโดนบูลลี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะเพิ่งเริ่มลงอินสตาแกรมกับเฟซบุ๊ก หลายคนก็บอกว่าให้ใช้ชีวิตแบบปกติ ก็ลองลงดู ก็ไม่ค่อยเจอเลย แทบไม่มีเลยที่จะมาบูลลี่อะไร ฉะนั้นถ้าสมมติว่าได้กลับไปแล้วจะมีการบูลลี่อีกมั้ย ดิฉันก็ไม่แน่ใจนะ ต่อให้มีก็คงทนทานได้แล้วล่ะ ก็คงชิน เพราะทุกอย่างไม่จีรัง ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง เกิด ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ เดี๋ยวมันก็ต้องผ่านไป ไม่มีอะไรอยู่จีรัง แม้กระทั่งร่างกายเราเอง ถึงเวลานึงก็ต้องผ่านไป ซึ่งพอผ่านไปหลายๆ คนก็เพิ่งสำนึกได้ เออ นี่ไงล่ะ ทุกอย่างก็ไม่จีรังทั้งสิ้น"

" target="_blank" rel="noopener">