เปิดเบื้องหลังการตีตลาดอเมริกาของ ‘Super M’ ทีมอเวนเจอร์แห่งเคป๊อป!

เปิดเบื้องหลังการตีตลาดอเมริกาของ ‘Super M’ ทีมอเวนเจอร์แห่งเคป๊อป!

ไม่อกหักแล้ว! หลังจากความพยายามเจาะตลาดอเมริกามาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุด SM Entertainment ก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการส่ง ‘Super M‘ ติดชาร์ต Billbord 200 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เปิดตัว !!

ในช่วงหลายปีมานี้เราจะเห็นว่ากระแสเพลงเกาหลีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แล้วก็ไม่ได้เป็นที่นิยมเพียงแค่แถบเอเชียเท่านั้น ทางฝั่งของอเมริกาเองก็มีความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน นั่นเป็นผลมาจากการลองผิดลองถูกอยู่เกือบ 10 ปี การเรียนรู้และการพัฒนาของวงการ K-pop ที่จะทำให้เข้าถึงผู้คนได้ทั่วโลก และนั่นก็เป็นเหมือนเป็นความฝันของศิลปินหลายๆ คน และค่ายเพลงที่อยากจะตีตลาดเพลงในสหรัฐอเมริกาหรือได้มีชื่อติดในชาร์ตของบิลบอร์ดในสหรัฐอเมริกา หากแต่ก็ยังไม่มีการสร้างฐานได้แน่นเท่ากับศิลปินของฝั่งฮอลลิวูด 

ค่ายเพลงตัวท็อปของ K-Pop ทั้ง 3 อย่าง YG, SM และ JYP มีพยายามที่จะดันศิลปินในสังกัดให้เข้าสู่ตลาดอเมริกาอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่เพียงแค่เพราะต้องการที่จะเผยแพร่วัฒนธรรม Korean Wave ให้กระจายไปทั่วโลกเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงอุตสาหกรรมเพลงในอเมริกามีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย และความพยายามหลายต่อหลายครั้งของ SM Entertainment ที่ส่งศิลปินไปตีตลาดในสหรัฐ แต่กลับยังไม่มีศิลปินคนไหนที่ก้าวขึ้นมาได้อย่างที่ค่ายตั้งใจไว้ นั่นอาจจะเป็นเพราะด้วยเรื่องของภาษาที่ต่างกัน ที่แม้ว่าเพลงส่วนใหญ่จะมีภาษาอังกฤษแทรกอยู่ก็ตามที แต่ก็เหมือนจะยังไม่มากพอที่จะให้คนอเมริกาสนใจพยายามจะเรียนรู้มัน

ผลจากการลองมานับไม่ถ้วนทั้งจากการโปรโมทตัวศิลปินให้มีชื่อเสียงมากที่สุดในเกาหลี ต่อมาก็จะถูกส่งไปเดบิวต์ที่ญี่ปุ่น ที่ตลาดเพลงมีมูลค่าเป็นอันดับ 2 ของโลก และก็ขยายไปเรื่อยๆ ในแถบเอเชีย ต่อมาทางค่ายก็จะให้ศิลปินได้มีผลงานร่วมกับศิลปินหรือโปรดิวเซอร์ชื่อดังในฝั่งของอเมริกา เพื่อชื่อของศิลปินหรือโปรดิวเซอร์เหล่านั้นจะเป็นใบเบิกทางที่ทำให้คนอเมริกาเปิดรับความเป็น K Pop ได้ง่ายขึ้นแต่นั่นก็เป็นเป็นสูตรแบบเดิมๆ 

อย่างในเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางเอสเอ็มได้ส่ง NCT 127 ไปในหลายรายการของทางฝั่งสหรัฐทั้ง Mickey’s 90th Spectacular, Jimmy Kimmel Live!, Good Day L.A. และ โดยพวกเขาได้ไปร่วมเดินพรมแดงในงาน American Music Awards 2018 ที่จัดขึ้นใน Microsoft Theater ที่แคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส  ทั้งนี้ยังได้มีการทำเพลงเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกษด้วยกัน 2 เพลงคือ Regular และ Highway to Heaven เพราะสำหรับ NCT 127 ที่เพิ่งจะมีเวิร์ดทัวร์เป็นของตัวเองก็ได้ทำการแสดงคอนเสิร์ตในแถบอเมริกาและแคนาดารวมทั้งหมด 11 รอบ ใน 10 เมือง ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่ดีของเอสเอ็มในตลาดอเมริกา

157175471921
- ภาพจาก NCT127 /Twitter -

แต่กลับมาครั้งนี้ ‘ลี ซูมาน’ หัวเรือใหญ่ของเอสเอ็มได้ส่งบอยกรุ๊ปวงใหม่นาม Super M มาตีตลาดในสหรัฐอย่างเต็มตัวโดยร่วมมือกับ Capitol Records ซึ่งบอยกรุ๊ปวงใหม่นี้จะเน้นการทำกิจกรรมในสหรัฐเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสมาชิกในวงมาจากการรวมตัวกันของศิลปินในค่าย หนึ่งคนจาก SHINee และสองคนจาก  EXO, NCT127, WAYV ด้วยความแรงของพวกเขานี้ส่งผลให้แฮชแท็ก #SuperM ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์โลกตั้งแต่วันเปิดตัวสมาชิกเลยทีเดียว

Super M ได้เปิดตัวในวันที่ 4 ตุลาคมด้วยการปล่อยมิวสิควิดีโอเพลง jopping และนั้นก็ส่งผลให้พวกเขาขึ้นอันดับ 1 เทรนด์โลกในทวิตเตอร์อีกครั้งกับแฮชแท็ก #SuperM_Jopping และยังได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการเพลง K-pop ด้วยการเป็นศิลปินกลุ่มแรกที่ได้อันดับ 1 ใน Billbord 200 Album Chart ตั้งแต่เดบิวต์ ด้วยยอดจำหน่ายอัลบั้ม 168,000 อัลบั้ม ในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว โดยในชาร์ต Billbord 200 Album นั้นวัดจากยอดขายอัลบั้มจากในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และพวกเขายังได้อันดับ 1 ในอีก 8 ชาร์ตของบิลบอร์ดอีกด้วย อย่างที่ทราบกันดีว่าการเข้าสู่ชาร์ตบิลบอร์ดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันต้องมีวิธีการและกระบวนการมากมายที่จะวัดผลอย่างเป็นธรรม นี่ถือเป็นความสำเร็จที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์การมาบุกตลาดฝั่งอเมริกาของเอสเอ็ม เลยก็ว่าได้ 

157175520755
- ภาพจาก SuperM /Twitter -

และเหตุผลที่พาพวกเขาเข้าสู่อันดับ 1 ได้นั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนเพราะทางค่ายได้ดึงกลยุทธ์การตลาดที่หลากหลายมาใช้ โดยเริ่มจากการให้คำจำกัดความที่เรียกพวกเขาว่า “Avengers of K-pop”  เพราะแค่ประกาศออกมาก็เรียกเสียฮือฮาได้เป็นอย่างมากในโลกโซเชียลแล้ว อีกทั้งในการทำแพคเกจอัลบั้มที่ออกแบบให้เป็นของสะสมได้ ค่ายได้ปกซีดี 8 แบบที่แตกต่างกัน คือ หนึ่งคนหนึ่งปกสำหรับสมาชิก 7 คน และหนึ่งปกสำหรับรวมสมาชิกทุกคน นั่นจะทำให้แฟนต้องซื้อให้ครบทุกปกเพื่อที่จะได้ต่อออกมาเป็นสัญลักษณ์ของวงอีกด้วย 

157189028228
- ภาพจาก SuperM /Twitter -

ต่อมา Super M ก็จะมีการจัดทัวร์ในแถบอเมริกาเหนือ เป็นเวลา 10 วัน ใน 10 เมือง คอนเสิร์ตจะเริ่มในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้บัตรคอนเสิร์ตของพวกเขาที่ถูกซื้อทุกใบจะได้รับมินิอัลบั้มแรกไปด้วย แต่นอกจากกลยุทธ์ทางการตลาดแล้วที่เป็นการขายเพลงและจัดคอนเสิร์ตตามแบบการขายทั่วไปแล้ว พวกเขายังมีโปรเจคที่จะร่วมงานกับ Marvel นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ผู้คนทั้งโลกจับตามมองมาที่พวกเขา 

ท้ายที่สุดแล้วตัวของสมาชิกในวงก็มีส่วนที่ทำให้ประสบความเร็จเพราะโดยพื้นฐานของศิลปินที่จะได้เดบิวต์นั้นจะต้องมีทั้งหน้าตาและความสามารถมากพอ แต่ในการฟอร์มเป็น Super M นี้ เป็นการรวมศิลปินชายจากในค่ายพวกเขาจึงเป็นที่รู้จักและมีฐานแฟนคลับอยู่แล้วในเอเชีย ซึ่งมันคล้ายๆ กับการเล่นกระแสเพื่อให้ชาวอเมริกาจับตาดูว่าความนิยมนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งมันก็ส่งผลให้ศิลปินประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น อีกทั้งการที่มีสมาชิกวงที่เป็นชาวท้องถิ่นไว้ นั่นก็จะทำให้แฟนๆ รู้สึกใกล้ชิดและเข้าถึงวงการเพลงเกาหลีได้มากขึ้น 

สำหรับศิลปินก่อนหน้าที่ค่ายได้ส่งมาก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในการเดบิวต์ในตลาดอเมริกา แต่ก็เหมือนค่ายก็ดูยังจับจุดไม่ถูกและด้วยแนวเพลงของค่ายเองที่จะเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่ได้แมสติดหูคนฟังในทันทีที่ปล่อยออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่าเพลงนั้นถึงจะได้รับความนิยม แต่ครั้งนี้เหมือนเอสเอ็มจะรู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไร เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วว่า Super M กับการบุกตลาดอเมริกานั้นจะเป็นไปตามที่ SM หวังไว้หรือไม่! 

ที่มา Inside SuperM , SuperM Debuts at No. 1 , SuperM Phenomenon , SuperM and the Futility of Trying to Win Over K-Pop Stans