สายใจไทย สายพระราชหฤทัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9

สายใจไทย สายพระราชหฤทัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9

ทรงก่อตั้ง มูลนิธิสายใจไทยฯ เพื่อช่วยเหลือทหารหาญซึ่งได้รับบาดเจ็บกลายเป็นผู้ทุพพลภาพจากการสู้รบป้องกันประเทศชาติ, น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม

ในอดีต...ช่วงเวลาที่โลกมีความขัดแย้งทางอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่าง ‘เสรีประชาธิปไตย’ และ ‘สังคมนิยมคอมมิวนิสต์’ อย่างเด่นชัด เป็นผลกระทบให้ประเทศไทยมีปัญหาความไม่สงบอันเนื่องมาจากความยากจนของประชาชนในท้องถิ่น เมื่อมีกลุ่มบุคคลซึ่งมีความคิดทางการเมืองลัทธิต่างชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากภายนอกประเทศ เข้ามาทำสงครามแย่งชิงประชาชนในจุดต่างๆ ของประเทศ ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ โดยเปิดหน้าท้ารบฝ่ายรัฐตั้งแต่ปีพ.ศ.2485 จนกระทั่งเปิดฉากยิงปะทะเจ้าหน้าที่รัฐเป็นครั้งแรกในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2508

รัฐบาลในสมัยนั้นจัดให้มีการปราบปราม มีการสู้รบกันในหลายแห่งตามแนวชายแดนและป่าลึกของประเทศที่ห่างไกลความเจริญ ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต การบาดเจ็บ พิการ และความเดือดร้อนกระทบถึงราษฎรโดยทั่วไปอีกเป็นจำนวนมาก

เวลานั้น... ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ หรือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ทรงห่วงใยทหารหาญผู้ปฏิบัติหน้าที่ยังแนวหน้า ความทุกข์ของราษฎรผู้เสียสละชีพเพื่อป้องกันประเทศชาติ ตลอดจนผู้ต้องกลายมาเป็นผู้บาดเจ็บ ทุพพลภาพ จนไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นเดิม พ่อแม่ต้องสูญเสียบุตรชาย ภรรยาต้องสูญเสียสามีผู้นำของครอบครัว ครอบครัวต้องสูญเสียญาติพี่น้องอันเป็นผลจากการสู้รบดังกล่าว

พระองค์จึงได้เสด็จพระราชดำเนินยัง ‘ฐานปฏิบัติการ’ ทรงเยี่ยมผู้ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมีภารกิจอันหนักหน่วง 

157070710917

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเยี่ยมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งปฎิบัติราชการปราบปรามผู้ก่อการร้าย ณ ศูนย์การแพทย์หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2511

(ขอบคุณภาพพระราชกรณียกิจจากเว็บไซต์ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค ๓)

157070764864

เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อการร้าย และพระราชทานเครื่องมือการแพทย์ เงินจัดซื้อโลหิต จำนวน 13,000 บาท พระราชทานเครื่องมือแพทย์อีกชุดหนึ่งให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมอบให้โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ณ สถานีอนามัยหล่มเก่า อ.หล่มเก่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2512

ขณะเดียวกันก็ทรงเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ครอบครัวผู้เสียสละเหล่านี้ เสด็จพระราชดำเนินพร้อม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ในงานพระราชทานเพลิงศพวีรชน ทรงมีพระราชปฏิสันถารไต่ถามชีวิตความเป็นอยู่ ยังความสำนึกและปิติในพระมหากรุณาธิคุณแก่เหล่าราษฎรทั้งหลายเป็นล้นพ้น 

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ยังทรงมีพระราชปรารภถึงผู้ที่อยู่ในเมือง ความว่า 

‘ควรสำนึกถึงความเสียสละอันใหญ่หลวงนี้ให้มาก บางคราวบุคคลเหล่านี้ต่อสู้จนร่างกายพิการ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เหมือนเดิม... 

ประเทศชาตินั้นเปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ บุคคลในชาติควรมีความรัก สามัคคี และเห็นอกเห็นใจกัน เมื่อญาติพี่น้องส่วนหนึ่งทำหน้าที่ป้องกันประเทศชาติด้วยความกล้าหาญ จนต้องประสบชะตากรรมที่น่าสงสารเช่นนี้แล้ว พี่น้องส่วนหนึ่งควรเห็นอกเห็นใจ ร่วมทุกข์ช่วยเหลือเกื้อกูลเขาเหล่านั้น...

ผู้ได้รับผลถึงบาดเจ็บพิการนั้น โดยมากมีอายุระหว่าง 20-30 ปี บางคนก็ต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งเขาเหล่านั้นจะยังมีชีวิตอีกนาน พี่น้องคนไทยทั้งหลาย ควรจะได้ช่วยกันดูแลผู้พิการตลอดจนครอบครัวของเขา เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงแก่ชีวิตของเขาเหล่านั้น' 

157071028866

การตอบแทนจากเงินบำเหน็จและเงินช่วยเหลือจากทางราชการในขณะนั้น ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาเป็นเวลานาน อีกทั้งเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของผู้สละชีพเพื่อประเทศชาติในทันทีก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการ

ด้วยน้ำพระทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ห่วงใยในราษฎรของพระองค์ ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ ทรงมีพระราชปรารภถึงระเบียบวิธีการช่วยเพื่อช่วยเหลือผู้เสียสละชีพเพื่อชาติทุกคน นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือที่ได้รับจากหน่วยราชการต้นสังกัด โดยเฉพาะ ‘ราษฎรอาสาสมัคร’ ที่ได้รับบาดเจ็บทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ไม่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือเช่นเพื่อนทหาร ตำรวจ ร่วมสมรภูมิ

สืบเนื่องจากพระราชปณิธานดังกล่าว, พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญทหาร ตำรวจ ราษฎรอาสาสมัครอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศชาติ จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลทหารผ่านศึก มารับพระราชทานเลี้ยง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2518 อันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี’ พร้อมกันนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญผู้มีจิตกุศลเป็นจำนวนมากร่วมในงานด้วย

157070790933

เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเยี่ยมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งปฎิบัติราชการปราบปรามผู้ก่อการร้าย ทรงมีพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยทั่วกัน และพระราชทานทรัพย์แก่ผู้บาดเจ็บ เป็นการบำรุงขวัญ ณ โรงพยาบาลสนามที่ ๓ อำเภอหล่มสัก เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2516

157071094340

พระราชทานสิ่งของแก่ผู้แทนทหารและราษฎรอาสาสมัคร เครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การศึกษาแก่ผู้แทนนักเรียน เครื่องอุปโภคบริโภคแก่ราษฎรชายหญิง ทรงเยี่ยมราษฎร ณ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ฐานปฏิบัติการกองร้อยที่ ๑ ตำบลน้ำชุน อำเภอหล่มสัก เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2516

โอกาสนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้ง 3 พระองค์ขณะดำรงพระราชอิสริยยศและพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับทหารที่บาดเจ็บ-พิการทุกคนอย่างใกล้ชิด พร้อมพระราชทานของขวัญแก่ทุกคน 

และในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2518 นั้นเอง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงก่อตั้ง มูลนิธิสายใจไทย เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และราษฎรอาสาสมัคร ซึ่งบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่จากการกระทำของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หรือผู้รุกรานอธิปไตย

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระราชอิสริยยศขณะนั้น) ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ประธานมูลนิธิฯ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับมูลนิธิสายใจไทย ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา

157070971542

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งเป็นทุนเริ่มแรกในการก่อตั้ง มูลนิธิสายใจไทย อีกทั้งพระเจ้าลูกเธอทุกพระองค์ และผู้มีจิตศรัทธาที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในวันนั้น ก็ได้ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลด้วย

157070803084

ผลิตภัณฑ์หลายประเภทจาก ‘แผนกงานพู่กันไม้ระบายสี’หน่วยฝึกอาชีพ มูลนิธิสายใจไทยฯ

ต่อมาในปีพ.ศ.2523 มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ก่อตั้ง หน่วยฝึกอาชีพ เพื่อสนองพระราโชบายในการพัฒนาความสามารถในการประกอบอาชีพของสมาชิกสายใจไทย

“วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหน่วยฝึกอาชีพ ก็คือว่า องค์ประธานฯ ทรงเห็นว่าทหาร ตำรวจ และ อาสาสมัครที่หายบาดเจ็บมาแล้ว แต่กลายเป็นคนพิการ ถ้าเขาจะเพียงแต่มารอรับเงินอย่างเดียว จะไม่สามารถช่วยให้ชีวิตของเขาและครอบครัวมีความมั่นคงและภาคภูมิใจได้ เพราะฉะนั้นก็จะต้องมีอะไรที่เขาสามารถเลี้ยงชีพได้ และอะไรที่เขาจะสามารถทำเพื่อหารายได้ เพราะถ้าไปรับจ้างที่ไหนก็ยาก ทำอะไรไม่ได้เต็มที่ เราจึงได้มีหน่วยฝึกอาชีพนี้ขึ้นมา ผลิตผลงานฝีมือของสมาชิกสายใจไทยออกขาย ก่อนหน้านี้ก็ฝากขายที่ร้านจิตรลดา ต่อมาจึงมีหน้าร้านของตัวเอง จนปัจจุบันมีถึง 7 ร้านแล้ว และ กำลังจะเปิดเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่งด้วย” ท่านผู้หญิงพึงใจ สินธวานนท์ กรรมการและรองผู้จัดการ มูลนิธิสายใจไทยฯ กล่าว (www.saijaithai.or.th)

มูลนิธิสายใจไทยฯ รับสมาชิกชุดแรก 5 คน คือ คำภา ศรีมันตะ, สุวิทย์ ศรีโศรก, จรัญ ถวิลผล, พรศักดิ์ คงสกุล และ เรวัต หมัดมุด เข้าฝึกการเย็บกระเป๋าเป็นหลักสูตรแรก ปัจจุบันมีช่างฝีมือทั้งที่เป็นสมาชิกและครอบครัวสมาชิกที่ได้รับการฝึกอาชีพและทำงานอยู่กับมูลนิธิฯ ประมาณ 250 คน และการฝึกอาชีพขยายเป็น 6 แผนก ได้แก่ งานหนัง งานแก้ว งานพู่กันระบายสี งานผ้า งานไม้ และ งานการเกษตร-ปลูกพืชไร้ดิน (สวนสายใจไทย)

157070818255

สิบโทสมาน ขันทองดี กับผลิตภัณฑ์จาก ‘แผนกลวดลายบนแก้ว’

"ปี 2523 ผมไปรบที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ยุทธการผาเมืองเผด็จศึก ปราบปราม ผกค. (ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ได้รับคำสั่งให้ไปแทนที่ลพบุรี สับเปลี่ยนกำลังพล สร้างทางเพื่อจะไปยึดฐาน ผกค. ผมเลาะริมเขาไปเรื่อยๆ พยายามเข้าไป แต่ผมไปไม่ถึง โดนกับระเบิดขาขาดก่อน" อดีตทหารเกณฑ์ค่ายจิรประวัติ กองทัพภาคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อปีพ.ศ.2522 สิบโทสมาน ขันทองดี บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร จบการศึกษาชั้น ป.4 เล่าความเป็นมาก่อนเข้าเป็นสมาชิกสายใจไทยฯ ฝ่ายฝึกอาชีพ 1, แผนกแก้ว

สิบโทสมานได้รับการส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หลังปลดพิการกลับไปอยู่บ้านได้หนึ่งปี มูลนิธิสายใจไทยฯ ส่งจดหมายติดต่อให้เข้าเป็นสมาชิกรับการฝึกฝนงานฝีมือที่มูลนิธิฯ ซึ่งเวลานั้นที่ทำการมูลนิธิฯ ยังตั้งอยู่ที่เขตพญาไท

“ผมไม่มีพื้นฐานงานฝีมือ แต่มูลนิธิฯ มีอาจารย์สอน ผมเลือกเข้าเป็นช่างหนัง ทำกระเป๋า อาจารย์สอนทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มแรก ทำแพทเทิร์น ออกแบบ เย็บแบบ ทำชิ้นส่วน แล้วมาประกอบเป็นตัวกระเป๋า ผมทำกระเป๋า 7-8 ปี แล้วมาสอบทำงานแก้ว”

‘งานแก้ว’ ที่สิบโทสมานกล่าวถึง คืองานแกะสลักบนแก้ว เป็นงานฝีมือที่ทำด้วยการใช้มีดคัตเตอร์กรีดฉลุลวดลายที่ร่างไว้บนสติกเกอร์ที่ติดบนแก้ว แล้วจึงนำไปพ่นทรายผ่านช่องที่ฉลุไว้ เพื่อสกัดผิวแก้วให้เกิดลวดลายวิจิตรงดงามตามต้องการ คงทน ไม่หลุดลอก ยกเว้นแก้วแตก

หลังจากเข้าเป็นสมาชิกมูลนิธิสายใจไทยฯ สิบโทสมานสร้างครอบครัวเมื่อปีพ.ศ.2526 มีบุตรสาว 3 คน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีโดยได้รับการสนับสนุนจากทุนช่วยเหลือทางการศึกษาของมูลนิธิฯ และมีงานทำทุกคนแล้ว

"ในส่วนขาเทียม โรงพยาบาลทหารผ่านศึกเปลี่ยนทดแทนให้ทุกปี รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ฟองน้ำ สายรัด ฝ่าเท้า ถุงน่อง ไม้ค้ำ รองเท้า ส่วนมูลนิธิสายใจไทยฯ ให้อาชีพผม ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เลี้ยงครอบครัวได้ เป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้" สิบโทสมานกล่าวและว่า “ในหลวงรัชกาลที่เก้าท่านบอกว่า ทุกอย่างที่ทำได้ในตัวเรา ต้องซื่อตรงมั่นคงกับที่ทำงานและครอบครัว มุ่งมั่น คิดให้ดีที่สุด สิ่งที่เราทำไป..เพื่อใคร เพื่อตัวเรา เพื่อเพื่อนฝูงด้วยกัน” คือแนวทางการใช้ชีวิตที่ยึดถือมาโดยตลอด

ด้วยสภาพพื้นที่และสถานการณ์ในสมัยนั้น ยุทธการผาเมืองเผด็จศึก เป็นหน้าที่ภารกิจที่ต้องเสี่ยงชีวิตของทหารไทยเพื่อไม่ให้ ผกค. สถาปนา ‘เขาค้อ’ เป็นฐานที่มั่นในการรุกประเทศ และกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่บันทึกเรื่องราวความยากลำบากและวีรกรรมของชายชาติทหารไทยที่ต่อสู้เพื่อปกป้องชาติและราชบัลลังก์อย่างแท้จริง

157070827398

ร้อยโทกฤษณพล ปาปี

อดีตทหารหนุ่มสังกัดกองพัน ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนรัชต์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร้อยโท กฤษณพล ปาปี ในวัย 59 ปี ซึ่งเคยผาดโผนร่วมใน ยุทธการผาเมืองเผด็จศึกเล่าว่า

"ผมเป็นคนลพบุรี พ่อเป็นทหาร ผมไปโตในค่ายธนรัชต์ จบม.ศ.3 ก็สมัครนักเรียนนายสิบ รุ่น 10 ปีพ.ศ.2520 จบปี 2522 ติดสิบโทหกเดือนเลื่อนเป็นสิบเอก ช่วงนั้นกองพันทหารราบได้รับภารกิจให้ไปช่วยยุทธการผาเมืองฯ ที่เขาค้อ ขึ้นเครื่องบินกันไปจากประจวบฯ ลงที่พิษณุโลก มารถบรรทุกทหารเข้าพื้นที่ มาได้หนึ่งเดือน รับภารกิจคุ้มครองเส้นทาง คอมมิวนิสต์พยายามขัดขวาง ไม่ให้เราทำถนนเข้าไปเพื่อเข้าไปพัฒนาพื้นที่ ตอนนั้นเป็นป่าทั้งหมด คอมมิวนิสต์พยายามสกัดทุกวิถีทาง มาสุ่มยิง มาลอบยิง ผมโดนสุ่มยิงที่แขนขวาตัดเส้นประสาท ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ รักษาอยู่สอง-สามเดือน ปลดพิการออกมา"

หลังปลดพิการในปีพ.ศ.2525 ร้อยโทกฤษณพลตัดสินใจศึกษาหาความรู้ต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ เอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำเร็จการศึกษาปี 2531 และได้ทำงานในบริษัทเอกชนต่อมาอีกกว่า 20 ปี จึงเกษียณตัวเอง มูลนิธิสายใจไทยฯ ก็เข้ามาดูแลช่วยเหลือให้เป็นสมาชิกปี 2556 

“ผมชอบงานวาดรูป มีพื้นฐานอยู่บ้าง มูลนิธิฯ มีแผนกพู่กันระบายสี เข้าทางพอดี” ร้อยโทกฤษณพลกล่า่วถึงงานฝีมือที่ทำอยู่ในขณะนี้ คือการวาดรูปทิวทัศน์ รูปสัตว์ ซึ่งถนัดที่สุด วาดด้วยสีอะคริลิคบนวัสดุหลากประเภททั้งไม้ ผ้า หนัง นำไปสร้างสรรค์เป็นชิ้นงานได้หลายประเภท เช่น กล่องเก็บของ ถาดสี่เหลี่ยม กระเป๋ากระสอบ ถาดไผ่ขด กระเป๋าใบลานหูหนัง เก้าอี้สี่เหลี่ยม ถังใส่ร่ม ตู้แขวนมีช่อง ถังสาน เก้าอี้พนักพิงยาว ตะกร้าไม้ ตะกร้าหูดัด แจกันไม้มะม่วง พานมีฐาน กระเป๋าไม้สัก ฯลฯ 

ร้อยโทกฤษณพลกล่าวว่า หลักในการดำเนินชีวิตที่ใช้มาตลอดคือ “ซื่อสัตย์ สุจริต และทำตามคำสอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 คือเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน“ ทำให้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวจนบุตรสำเร็จกา่รศึกษาระดับปริญญาตรีได้ทั้งสองคน

จากความสำเร็จของยุทธการครั้งใหญ่ภายใต้รหัส ‘ผาเมืองเผด็จศึก’ กองกำลังติดอาวุธผู้ต้องการรุกรานชาติแตกถอยร่นขึ้นสู่ตอนเหนือของประเทศ กองทัพบกจึงเปิดรหัสยุทธการ ‘ผาเมืองเกรียงไกร’ เข้าควบคุมพื้นที่รอยต่อสามจังหวัด คือ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย เพื่อจัดการขั้นเด็ดขาด

157070841292

อาสาสมัครทหารพรานประสาท กล้ากสิกิจ

สมาชิกมูลนิธิสายใจไทยฯ อาสาสมัครทหารพราน ประสาท กล้ากสิกิจ อายุ 64 ปี เล่าเหตุการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงเวลานั้นว่า 

"ตอนนั้นผมอยู่กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 594 ปฏิบัติงานที่กองทัพภาคที่ 3 ค่ายปักธงชัย จ.นครราชสีมา จากผาเมืองเผด็จศึกสู่ผาเมืองเกรียงไกร สถานการณ์กำลังดุ ผมบาดเจ็บที่ภูขัด ปี 2525 โดนยิงหน้าท้องทะลุสีข้าง โดนกลางหลังออกก้น ร่างกายด้านขวาชา นอนตะแคงไม่ได้ ถ้าเผลอนอน ตอนเช้าแทบลุกไม่ขึ้น"

อาสาสมัครทหารพรานประสาทรับราชการ รับผิดชอบงานด้านธุรการ จนเกษียณอายุเมื่อปีพ.ศ.2558 เมื่อเห็นว่ายังสามารถทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมและตนเองโดยไม่สร้างภาระให้สังคม จึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกมูลนิธิสายใจไทยฯ เมื่อไม่นานมานี้แม้ไม่มีพื้นฐานมาก่อน โดยเลือกเริ่มต้นเรียนรู้และฝึกฝีมือในแผนกงานเครื่องหนัง หวังสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เป็นรายได้ให้กับมูลนิธิฯ ไว้ใช้ทำประโยชน์ในส่วนอื่นๆ ด้วยแนวคิด “ความซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบครอบครัว ยึดหลักของรัชกาลที่ 9 เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ใช้ดำเนินชีวิตตลอดมา

157070848271

สิบโทสมาน ขันทองดี, ร้อยโทกฤษณพล ปาปี และ อาสาสมัครทหารพราน ประสาท กล้ากสิกิจ ให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งเดินทางมาร่วมงาน สานสายใยเพื่อผลิตภัณฑ์สายใจไทย งานจำหน่ายและแสดงผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมจากแผนกต่างๆ ของมูลนิธิสายไทยฯ เพื่อหารายได้เข้ามูลนิธิฯ เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ผู้มีจิตกุศลสามารถสนับสนุนผลิตภัณฑ์ฝีมือทหารหาญสมาชิกมูลนิธิสายใจไทยฯ ได้ที่ มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนสรรพาวุธ กรุงเทพฯ โทร.0 2183 5115 และออนไลน์ www.saijaithai.or.th

อีกหนึ่งมูลนิธิซึ่งเกิดจากน้ำพระราชหฤทัยและสายพระเนตรอันยาวไกลของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงห่วงใยในทุกข์สุขของราษฎรทุกหมู่เหล่า

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น..หาที่สุดมิได้

 

หมายเหตุ :

ขอบคุณภาพพระราชกรณียกิจจากเว็บไซต์ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค ๓

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ www.saijaithai.or.th

-------------------------------------

ภาพ : วรวิทย์ พุ่มพวง / ศูนย์ภาพเนชั่น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ประยุทธ์' ชี้ด่าประเทศ เหมือนด่าตัวเอง-บรรพบุรุษ
-นายกฯนำ ขรก.วางพวงมาลา เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 'ร.9'
-นายกฯนำปชช.ตักบาตรน้อมรำลึก วันคล้ายวันสวรรคตรัชกาลที่ 9
-'ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์' ศิริราชจัดงานน้อมรำลึกวันคล้ายวันสวรรคต ร.9