‘โปรเชน-สหรัฐ’ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่

‘โปรเชน-สหรัฐ’ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่

ชีวิตไม่ได้มีแค่ความสำเร็จ ยังมีเรื่่องของการพัฒนาตนเองและการให้ ถ้าคุณอยากลิ้มรสการให้ลองอ่านเรื่องนี้

.....................

ถ้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้ โปรเชน- สหรัฐ มานิตยกุล บอกว่า อยากกลับไปแก้ไขสิ่งที่เขาเคยทำ

นักกอล์ฟ แชมป์ตีไกล 3 ปีซ้อนคนนี้ ปัจจุบันหันไปเอาดีทางด้านการสื่อสารและโฆษณา เป็นเจ้าของบริษัท Chain Project  จำกัด,สอนจิตวิทยากอล์ฟที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ,เป็นพรีเซนเตอร์สินค้า ล่าสุดออกหนังสือเรื่อง (ก่อน) เวลาสุดท้าย คู่มือการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ก่อนเวลาสุดท้ายจะมาถึง 

เขาบอกว่า ไม่ใช่นักพูด แต่บางครั้งเป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนตามสถานศึกษา เพราะเห็นว่า น่าจะมีประโยชน์บ้าง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถ้าใครเข้าไปดูในเพจ Pro Chain-Saharath  ทั้งวิดีโอ และข้อความ ส่วนใหญ่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ และความคิดแง่บวก เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น โดยมีการแชร์ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน 

เรื่องเหล่านี้เขาทำด้วยใจ ไม่ได้สนใจเรื่องรายได้ และไม่ใช่เพราะโด่งดัง ร่ำรวยแล้ว แต่เป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่วัยเด็ก อยากเปลี่ยนแปลงให้โลกนี้ดีขึ้น

 และเรื่องใดที่ โปรเชน เคยเจ็บปวด จนอยากนั่งไทม์แมชซีน กลับไปแก้ไขอดีต...

ทำไมไม่เดินบนเส้นทางกอล์ฟต่อ...

ตอนเด็กๆ ฝันอยากเป็นนักกอล์ฟ ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนั้น พอมาเรียนด้านนิเทศฯ เหมือนมีอะไรมาสะกิดสิ่งที่เราชอบ เคยมีความฝันอยากทำให้โลกนี้ดีขึ้น แต่พอโตขึ้น ทำไมยากจัง และเมื่อทำเรื่อง การสื่อสาร ก็คิดว่า น่าจะมีพลังกว่ากฎหมายที่บังคับแค่พฤติกรรมภายนอกของคน

โดยใช้การสื่อสารเป็นเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจ ?

พอทำเรื่องการสื่อสาร รู้เลยว่า เรื่องกอล์ฟเป็นประสบความสำเร็จแค่ตัวเรา ก็เลยหันมาทำงานโปรดักชั่น รับงานโฆษณา ส่วนที่ทำเพื่อทำมาหากินก็ส่วนหนึ่ง และมาทำวิดีโอลงโซเชียลเน็ตเวิร์ต โดยผมอยากรักษาพื้นที่ตรงนี้ (เพจ Pro Chain-Saharath) ปล่อยอะไรก็ได้ที่มาจากข้างในของเรา ไม่ทำเหมือนเพจส่วนใหญ่ที่ขายโฆษณา

คลิปที่ผมทำออกมา คนดูอาจคิดว่าผมพูดเก่ง ผมทำแบบโฆษณาเลย ผมคิดมาก่อนว่า จะทำเรื่องอะไร เพื่อให้คนเข้ามาดู คนดูต้องเดาตอนจบไม่ได้ ถ้าเดาได้ เขาจะไม่มีความสงสัย ผมต้องเอาคนดูให้อยู่ แต่สื่อในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่เหมือนการไปพูดให้คนฟัง ผมเองก็ยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า สื่อแบบไหนดีกว่ากัน

พอมาวิดีโอ ผมก็ค่อยๆ แกะปมในวัยเด็กของตัวเอง สิ่งที่เปลี่ยนคนได้และทรงพลัง ผมคิดว่า คือการตั้งคำถามแล้วหาคำตอบด้วยตัวเอง ผมอ่านหนังสือธรรมะท่านพุทธทาส ก็เลยมีชุดความคิดและหาคำตอบในมุมผมเอง ผมเองก็ศึกษาเรื่องจิตวิทยาด้วย แต่ทุกอย่างมาจากธรรมะ     ทำไมอยากทำให้สังคมดีขึ้น

เกิดจากความเจ็บปวดของผม เราอาจจะเคยล้มเหลว ถูกหลอก ยกตัวอย่างตอนเด็กๆ ผมมองว่า พ่อแม่ขี้บ่น แต่ไม่เคยมีใครสะกิดให้ผมเห็นว่า ความขี้บ่นของพ่อแม่ เกิดจากอะไร ผมก็ต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง

เด็กทุกคนเจอเรื่องพ่อแม่บ่น และรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รัก จึงออกห่างจากพ่อแม่ ไปอยู่กับเพื่อน และคิดว่าเพื่อนรักมากกว่า เราต้องรู้ก่อนว่า สิ่งที่พ่อแม่ทำ คือความรัก ซึ่งมีมากกว่าเพื่อนและแฟนในวัยเด็ก ถ้าเรามองเห็นสิ่งนี้ ก็จะง่ายขึ้น เรื่องนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องความสัมพันธ์

เมื่อคิดจะทำเรื่องการพัฒนาชีวิต คุณต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม

อาจารย์ที่ผมเคารพที่สุด คือ ท่านอาจารย์พุทธทาส ยิ่งอ่านหนังสือจิตวิทยาก็ยิ่งขยายเรื่องธรรมะ ครอบคลุมทุกอย่าง พระพุทธเจ้าเขียนไว้สองพันห้าร้อยกว่าปี มาถึงยุคนี้ก็เลยเข้าถึงยาก พออ่านจิตวิทยา เราอาจเข้าใจมากว่า แต่ก็เส้นทางเดียวกัน

อยากให้แนะนำเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเองสักนิด?

ที่คนไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงต้องฝืน คนส่วนใหญ่จะคิดว่า ทำไม่ได้หรอก ถ้าคุณอยากขยันอ่านหนังสือ ทำแค่สามเดือน เดือนที่สี่เป็นไปโดยอัตโนมัติ ทุกนิสัยที่เราเป็น จะต้องบังคับตัวเองในช่วงแรก ถ้าเราพยายามฝืนทำอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ จะเป็นไปตามอัตโนมัติ     ยกตัวอย่างคนที่อยากลดน้ำหนัก แต่ลดไม่ได้ เพราะตั้งเป้าว่า ปีหนึ่งจะลดให้ได้สิบกิโลกรัม ผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง ก็คิดว่าวันนี้ไปกินของอร่อยก่อน ค่อยลดน้ำหนักในวันรุ่งขึ้น เล่นเวทอาทิตย์เดียว กล้ามไม่โตหรอก เราต้องมีวินัย

ยกตัวอย่างสิ่งที่คุณเปลี่ยนแปลงตัวเองสักนิด ?

ตอนเด็กๆ ผมชอบอยู่ในโลกส่วนตัว ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว ชอบผลัดวันไปเรื่อยๆ ผมเคยสัญญากับคุณตาว่าจะไปหาดูแลทุกวัน ห้าปีแรกผมก็ทำ แต่ช่วงหลังงานยุ่ง เดือนสุดท้ายตอนที่คุณตาเสียชีวิต ผมไม่ได้ไปหาเลย ถ้าผมย้อนเวลาได้ ผมอยากกลับไปแก้ไขอดีต ผมเจ็บปวด จนผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทุกวันนี้แม้จะมีโลกส่วนตัว แต่น้อยลง มีเวลาให้ครอบครัว และคนใกล้ชิดมากขึ้น

เปลี่ยนแปลงตัวเองมานานแค่ไหน

ค่อยๆ เปลี่ยน ผมเคยคิดว่า ผมเข้าใจชีวิตแล้ว พอเจอเรื่องทุกข์ๆ ผมรู้แล้วว่า ผมยังไม่เข้าใจ ตอนอายุยี่สิบกว่าๆ ผมนึกว่า ผมปล่อยวางได้ทุกอย่าง พอมีเหตุบ้านล้มละลาย ญาติเสีย เรายังปล่อยวางไม่ได้

คุณก็ยังเป็นคนหนุ่มที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้เร็ว ?

เราโตมาจากค่านิยมที่ว่า ถ้าไม่ประสบความสำเร็จ เราจะไม่มีตัวตน ผมก็ขยันทำงานหนัก อ่านหนังสือ และเมื่อประสบความสำเร็จ ก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด ไม่ได้ทำให้เรามีความสุข เป็นความสุขที่ฉาบฉวย เหมือนอยากได้รถสักคัน พอครอบครองก็เบื่อ

แต่พอโตขึ้น มีความสุขอีกแบบ คือการพัฒนาตัวเอง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่พัฒนาตัวเองตลอดเวลา มนุษย์เมื่อล้านปีกับปัจจุบันต่างกันมาก จระเข้เมื่อล้านปีกับปัจจุบันไม่ต่างกันเลย การพัฒนาตัวเอง ทำให้ชีวิตมีความหมาย ไม่อย่างนั้นคนรวยๆ อย่างสตีฟ จ็อบส์, บิล เกตส์ และมาร์คซัคเคอร์เบิร์ก ทั้งๆ ที่เงินที่หามาได้สามารถเลี้ยงลูกหลานได้หลายชั่วอายุคน ทำไมพวกเขายังทำงาน เพราะทุกการทำงานและทุกการพัฒนาตัวเอง ทำให้ชีวิตมีความหมาย

วันที่ผมประสบความสำเร็จระดับหนึ่งผมพบว่าไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เมื่อเราครอบครองสิ่งนั้นแล้วก็อยากได้อีก ไม่จบไม่สิ้น แต่มีความสุขที่เหนือกว่านั้น ก็คือ การให้ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า เหมือน คานธี, ในหลวง รัชกาลที่ 9 ฯลฯ ต่อให้เราพัฒนาตัวเองดีแค่ไหน แล้วความสำเร็จที่มี ไม่ได้ช่วยใครให้ดีขึ้นเลย ก็ไม่มีความหมาย 

ในทัศนะของคุณ การเป็นผู้ให้มีคุณค่ามากกว่าอย่างไร ?

เมื่อก่อนความสุขจะเกิดขึ้นเมื่อเรามีชื่อเสียง มีคนชม ได้ครอบครองสิ่งของ ปัจจุบันแค่นั่งเฉยๆ ที่บ้าน ทำไมมีความสุขจังเลย หรือได้ทำอะไรให้คนอื่นแค่นั้นมีความสุขแล้ว เมื่อก่อนชีวิตผมเหมือนวิ่งไปหาเส้นชัยตลอดเวลา นึกว่าความสุขอยู่ตรงนั้น จนมาพบว่าความสุขอยู่ข้างๆ ตัวเรา

คุณก็เลยให้คุณค่าของเวลามากขึ้น ?

ผมเขียนเรื่องเหล่านี้ โดยผมไม่ได้ปฎิเสธการเป็นคนรวย หรือความสำเร็จ หรือสนับสนุนให้คนพัฒนาตัวเอง แต่อยากให้คนคิดว่า เงิน ชื่อเสียง บ้านหลังใหญ่ แฟนดีๆ สักคน จริงๆ แล้วอะไรคือ คุณค่า สิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดและสิ่งที่แพงที่สุดคือ เวลา ถ้าผมขอซื้อเวลาใครสักคนสักสามสิบปี ต่อให้รวยก็ไม่มีใครยอมแลก

ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากแค่ไหน ถ้าคุณไม่มีเวลาแล้ว ก็ไม่มีค่าแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ เวลา เพราะลมหายใจเราก็น้อยลงทุกวัน และสิ่งเหล่านี้ผมก็เขียนไว้ในหนังสือ (ก่อน)เวลาสุดท้าย

เพราะคนส่วนใหญ่ใช้เวลา เหมือนชีวิตนี้จะไม่ตาย?

คงเคยได้ยิน เดี๋ยวค่อยทำ เดี๋ยวค่อยลดน้ำหนัก เดี๋ยวค่อยกอดแม่ ฯลฯ ถ้าอย่างนั้นจะ เรียนรู้ยังไงให้พบตัวเองให้เร็วที่สุด ทำงานยังไงให้มีความสุขที่สุด มีชีวิตยังไงให้ปราศจากความทุกข์มากที่สุด

คืือสิ่งที่คุณพยายามกระตุ้นให้คิด ? 

ใช่

ก้าวต่อไปคุณอยากทำเรื่องอะไร

 ผมอยากให้สิ่งที่ผมทำอยู่ มีคนทำมากกว่านี้ (การสร้างแรงบันดาลใจให้คนรู้จักการให้และทำสิ่งดีๆ )เพราะโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกแพลตฟอร์มฉลาดมาก ถ้าเด็กคนหนึ่งดูแต่เรื่องเกม มันก็ฟีคเกมมาให้เยอะที่สุด ทุกวันนี้ข่าวตบกัน ตีกัน ผมไม่ได้บอกว่าไม่ดี ถ้าเรานำเสนอเป็นบทเรียนก็ดี รายการทีวีเรียกคนที่ออกมาเต้นว่า เน็ตไอดอล ถ้าใครตามเรื่องไหนเยอะๆ โซเชียลเน็ตเวิร์ตก็จะฟีลเรื่องเหล่านี้เข้ามาเพื่อให้เราอยู่ในออนไลน์ตลอดเวลา

ผมมองว่า น่ากลัว จนผมไม่กล้ามีลูก ผมอยากให้มีคนทำเรื่องดีๆ มากขึ้น แม้ไม่ง่ายเหมือนใครๆ ก็รู้ว่า กินผักสดแล้วดี แต่เราก็เสียเงินกินจังก์ฟู้ด ไอศครีมมากกว่า เพราะมันอร่อยกว่า ผมก็เลือกไอศครีม เหมือนการดูคลิปเด็กด่ากันตบกัน มันตื่นเต้นสนุก แต่ชีวิตเราก็แย่ไปด้วย สมองคุณก็จะจดจำเรื่องแบบนั้น ผมก็เลยทำคลิปสั้นๆ ให้น่าดูและพยายามทำให้คนไม่เปลี่ยนไปดูอย่างอื่น

ถ้าอยากพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ต้องทำอย่างไร

คนเราจะไม่เปลี่ยนอะไร ถ้าใจเราไม่เชื่อว่าทำได้ ถ้าให้ผมไปวิ่งจากใต้สุดถึงเหนือสุดเหมือนพี่ตูน ผมไม่เชื่อว่าผมทำได้ อย่างแรกเลยมนุษย์ต้องมีความเชื่อก่อนว่า ชีวิตต้องดีกว่านี้

เมื่อเชื่อแล้วก็หาเหตุผลว่า จะทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจ อย่างไทเกอร์ วู้ด ตอนอายุสิบเอ็ดขวบ เขาบอกคนอื่นๆ ว่า จะเป็นมือหนึ่งด้านกอล์ฟของโลก ไทเกอร์ วู้ด ก็เลยไปดูตารางซ้อมของนักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก และซ้อมหนักมากกว่า ความเชื่อมั่นจะเกิดขึ้นได้ เราต้องศึกษาและเปลี่ยนแปลงในสิ่งต่างๆ อย่าง นักเล่นหุ้น แม้จะมีความบ้าบิ่น แต่ก็ต้องอ่านข่าวหุ้นทุกวัน

อะไรที่ทำให้คุณเชื่อว่า คุณสามารถเป็นนักกอล์ฟที่ตียาวๆ ได้

ผมเคยเป็นนักกอล์ฟที่ตีสั้นมาก อายเพื่อน จนอยากเลิกเล่น ผมก็เลยคิดว่า มีสองทางคือ เลิกเล่นหรือพิสูจน์ จนผมประกาศตัวว่า ผมจะเป็นนักกอล์ฟที่ตียาวๆ ให้ได้ ก็เลยเกิดกระบวนการเหมือนทุกคน หาความรู้มากขึ้น ลงมือทำ

อย่างเมื่อก่อนอยากทำคลิปจิตวิทยาและธรรมะที่ทันสมัย ไปเสนอผู้จัดรายการทีวีสถานีหนึ่ง เขาบอกว่า ไม่ซื้อ เพราะขายสปอนเซอร์ไม่ได้ ไม่โป๊ ไม่ตลก ตอนนั้นก็เข้าใจ แต่เจ็บปวดมาก ก็เลยทำเองสองปีที่ผ่านมา พอประสบความสำเร็จ ก็พบว่า ไม่ใช่เราทำไม่ได้ แต่คนที่พูดกับเรา เขาเชื่อว่าทำไม่ได้ ทุกอย่างไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าจะทำคลิปสิ่งแวดล้อม ก็มีคนบอกว่า คนไทยจะเข้าไปดูคลิผสูงสุดก็แค่สองหมื่น ผมตั้งใจทำ ก็ได้ห้าล้านวิว แปลเป็นภาษาต่างประเทศ หรือรณรงค์เรื่องสัตว์ คลิปหมาแมว ผมก็ทำให้เห็น

คลิปเหล่านี้ ต้องใช้พลังสร้างสรรค์เยอะ แล้วคุณได้ค่าตอบแทนอย่างไร

ไม่มีครับ ผมอยากพิสูจน์ตัวเอง มันเป็นแรงบันดาลใจล้วนๆ อย่างรณรงค์ไม่ให้คนทิ้งสัตว์เลี้ยง ผมเคยมีความฝันอยากสร้างบ้านหมาแมว ซึ่งในวิดีโอที่ผมทำ ผมอ่านในคอมเม้นท์ มีคนรับหมาแมวไปเลี้ยงกว่าสองพันตัว ทำมาแล้วก็คลายความเจ็บปวดในใจได้ระดับหนึ่ง